Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1092

ตอนที่ 1092

บทที่ 1092 เคยรู้จักกันมาก่อน

การปกป้องคุ้มครองดำเนินไปเป็นระยะเวลาครึ่งเดือนกว่า จู่ๆฉินซีก็จะออกไปข้างนอก ผู้ดูแลบ้านถึงได้ตะลึงเช่นนี้

“ถูกต้องค่ะ” ฉินซีพยักหน้า นึกขึ้นมาได้ว่าต้องบอกกับผู้ดูแลบ้านสักหน่อย “ตอนนี้สื่อมวลชนไม่ได้ใส่ใจฉันมากขนาดนั้นอีกแล้ว คุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลแทนฉันขนาดนั้นแล้วค่ะ”

ตระกูลฉินนั้นล้มละลายไปแล้ว ฉินซึ่งเทียนก็เข้าคุก ไม่ว่าจะเป็นคดีฟอกเงินหรือว่าคดีหมิ่นเกียรติของเหยาหมิ่นนั้นล้วนอยู่ในขั้นตอนการตรวจสำนวนและตัดสิน ก่อนหน้านี้จ้าวจิ้งเคยพูดกับเธอว่า แม้ว่าตระกูลฉินจะหมดอำนาจไปแล้ว แต่กระบวนการของคดีความนั้นก็ไม่ได้รวดเร็วฉับไว อย่างเร็วที่สุดก็ต้องครึ่งปีกว่าถึงจะประกาศคำตัดสินได้

ดังนั้นตอนนี้ ข่าวคราวก่อนหน้านี้ล้วนจบลงแล้ว และจะไม่มีประกายไฟใดๆอีกชั่วคราว เหล่านักข่าวล้วนเป็นกลุ่มคนที่ไล่ตามสิ่งพิเศษน่าสนใจ ตอนนี้ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาไม่ได้ตามติดฉินซีไม่ปล่อยอีก

ผู้ดูแลบ้านพยักหน้า แต่ก็ไม่รู้ว่าฟังเข้าหูหรือไม่ “อย่างนั้นผมจะไปเรียกคนขับรถให้ครับ”

แม้ว่าช่วงนี้ฉินซีจะไม่ได้ออกจากบ้านเลย แต่ว่าคนขับรถก็ยังคงรอรับคำสั่งตลอดเวลา ฉินซีขึ้นไปนั่งบนรถและมุ่งหน้าไปยังบริษัท พีอาร์ของถังย่าอย่างรวดเร็ว

บริษัท พีอาร์ของถังย่าอยู่ภายในสวนเหวินช่วงอีกด้านหนึ่งของเมือง A โดยเช่าอาคารเก่าแห่งหนึ่งเป็นสำนักงาน อาคารเก่าแห่งนี้ไม่ได้ทำการบูรณะซ่อมแซมใหม่ มีจุดกระดำกระด่างมากมาย พืชพรรณเลื้อยไปครึ่งกำแพง มองจากด้านนอกเข้าไปแล้วก็คล้ายกับบริษัทสร้างสรรค์โฆษณาอะไรเทือกนี้ มองไม่ออกเลยว่าเป็นบริษัทพีอาร์ที่อยู่สูงสุดในวงการธุรกิจ

ตอนที่รถของฉินซีขับมาถึง ถังย่าก็ยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว

คนขับรถเปิดประตูรถ ฉินซีลงจากรถเดินมาถึงด้านหน้าถังย่า พยักหน้าทักทายเรียบร้อยแล้ว ถึงจะพบว่าด้านหลังของถังย่ายังมีคนยืนอยู่อีกคนหนึ่ง

ไม่ให้สนใจนั้นเป็นไปได้ยากมาก เพราะว่าผู้ชายคนนั้นสูงมาก ฉินซีมองไปแล้วก็เกือบจะสูง 190 เซนติเมตร สวมเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์และรองเท้าบู๊ท ดูแล้วแต่งกายได้ตามกระแสนิยมเป็นอย่างมาก เพียงแต่ทิศทางที่เขายืนนั้นหันหลังให้กับแสง ทั้งยังก้มหน้าตลอดเวลา ดังนั้นฉินซีจึงไม่เห็นใบหน้าของเขา

ถังย่าสังเกตเห็นถึงสายตาของเธอ ก็ยิ้ม พลางแนะนำให้เธอรู้จัก “คนนี้คือคนที่ดิฉันพูดให้คุณฟังทางโทรศัพท์ เป็นพนักงานที่มีประสบการณ์ในการจัดงานนิทรรศการภาพวาดมาก จ้านเซิน”

เมื่อถูกถังย่าเอ่ยชื่อ ผู้ชายคนนั้นถึงได้เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับฉินซี “สวัสดีครับ ผมชื่อจ้านเซิน”

ฉินซีสบตากับเขา จู่ๆก็มีความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นมา

ความรู้สึกนี้ไม่ได้เป็นเพราะว่ารูปร่างหน้าตาของจ้านเซินน่าเกลียด

กลับกันเลย จ้านเซินมีใบหน้าที่มีมิติเป็นอย่างมาก แค่เห็นก็รู้แล้วว่ามีสายเลือดของเชื้อชาติอื่นผสมอยู่ หล่อเหลาสง่างาม เพราะว่าคิ้วลึกได้รูป ดังนั้นความรู้สึกที่แสดงออกมาทางสายตาจึงลึกซึ้ง ยิ่งตอนที่มองมานั้นคล้ายกับน้ำในทะเลสาบ ที่ทำให้คนคาดเดาไม่ออก แต่องคาพยพที่มีมิติเช่นนี้ เขากลับตัดผมทรงผมสกินเฮดสไตล์Buzz จึงทำให้องคาพยพทั้งห้านั้นดูเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั่วทั้งร่างดูแหลมคม เหมือนกับมีดเล่มหนึ่ง ตอนที่ลูกครึ่งมองผู้คนจะมีสายตาที่ซับซ้อนแบบนี้ตั้งแต่กำเนิดอย่างนั้นหรือ

ฉินซีไม่คิดเช่นนั้น

เธอมักจะมีสัญชาตญาณอย่างหนึ่งว่า สายตาที่จ้านเซินมองมาที่ตัวเองนั้นมีความหมายแฝงอยู่อย่างลึกซึ้งอีกขั้นหนึ่ง คล้ายกับว่า…….คนสองคนได้กลับมาพบกันอีกหลังหลังจากที่ห่างหายจากกันไปนาน

หรือว่าตัวเองจะเคยรู้จักเขา

ในใจของฉินซีคิดอย่างละเอียดรอบคอบอยู่ไม่กี่วินาที ถัดมาก็แอบส่ายหน้าเงียบๆ เธอยืนยันได้เลยว่า ตัวเองไม่รู้จักคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้

แต่วินาทีถัดมา ฉินซีก็เกิดความรู้สึกสงสัยในการตัดสินใจของตัวเอง

…….เธอยังจำได้ว่า ความทรงจำส่วนหนึ่งของตัวเองนั้นขาดหายไป

เธอเคยไม่ใส่ใจกับความทรงจำในส่วนที่หายไปของตัวเอง เพราะเธอรู้สึกว่าการใช้ชีวิตมายี่สิบกว่าปีนี้ของตัวเองนั้นเรียบง่ายมาก แม้ว่าจะสูญเสียอะไรไปเล็กน้อย ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อการใช้ชีวิตของตัวเองในภายหลัง

แต่ว่า……เป็นเช่นนี้จริงๆหรือ

ฉินซีเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจแล้ว

ความรู้สึกคุ้นเคยอันผิดปกติในตอนที่ตรวจสอบคดีความที่อานหยันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่กลับรู้สึกเหมือนกับว่าเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน ตอนนี้ก็เป็นคนที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนี้ กลับเผยสายตาที่ซับซ้อนขนาดนั้นมองมาที่ตัวเอง

หรือว่าความทรงจำในช่วงที่ตัวเองทำหายไปนั้นมีสิ่งสำคัญมากอยู่กัน

ฉินซีเริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

และความรู้สึกแบบนี้…….ก็ไม่ได้เป็นเพราะสายตาของจ้านเซินทั้งหมด

จิตใต้สำนึกของฉินซีคล้ายกับตะโกนร้องว่า คนคนนี้……เธอเคยพบ

การรับรู้แบบนี้เป็นเหมือนกับสัญชาตญาณยิ่งกว่า ฉินซีหาความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับจ้านเซินไม่เจอเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าสัญชาตญาณในร่างกายกลับพยายามบอกกับเธออย่างสุดความสามารถว่า เธอเคยพบกับเขา

ทำไมถึงได้มีเรื่องตลกขบขันเช่นนี้นะ

ตัวฉินซีเองก็รู้สึกว่าช่างน่าขบขัน

ถังย่าคล้ายกับว่าไม่ได้สังเกตถึงบรรยากาศผิดปกติระหว่างฉินซีกับจ้านเซินสองคน หลังจากที่ทักทายกับจ้านเซินไปแล้ว ฉินซีก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอยู่นาน และไม่ได้แสดงความเห็นใดๆออกมาด้วยเช่นกัน เธอเพียงแค่ยิ้มอย่างมีมารยาท “ลมด้านนอกแรงไปหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเราเข้าไปพูดคุยกันด้านในเถอะค่ะ”

เมื่อฉินซีถูกเธอเอ่ยเตือนเช่นนี้แล้วถึงได้ดึงสติกลับมา เธอดึงสายตากลับมาจากร่างของจ้านเซิน และหันไปพยักหน้าให้กับถังย่า “ได้ค่ะ”

ดังนั้นถังย่าจึงเดินนำทางพวกเขาเข้าไปด้านในบริษัท

ภายในอาคารเก่านั้นถูกซ่อมแซมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว สีดำ ขาว เทา ถูกนำมาใช้กับกระจกและโลหะมากมาย ดูแล้วทันสมัยเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อเดินเข้าประตูไป ก็มีความรู้สึกเหมือนกับก้าวเข้าไปสู่อีกช่วงเวลาหนึ่ง

แต่ฉินซีกลับไม่ได้ถูกการตกแต่งเหล่านี้ดึงดูดความสนใจ

ความคิดของเธอยังคงอยู่บนร่างของจ้านเซิน

พวกเขาเดินเข้าไปด้านใน ฉินซีมักจะรู้สึกว่าไม่กลมกลืนอยู่บ้าง

ไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะจ้านเซินสูงเกินไป รูปร่างหน้าตาแข็งแกร่งบึกบึนมากเกินไป ส่วนถังย่ากลับมีรูปร่างเล็ก ถึงได้มองดูแล้วไม่เหมือนกับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของถังย่า แต่กลับเหมือนกับเจ้านายของถังย่า

เธอเป็นลูกค้า ดังนั้นจึงเดินนำอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนถังย่าเป็นประชาสัมพันธ์ ควรจะเข้าใจมารยาทมากที่สุดถึงจะถูก แต่ตอนที่พวกเขาเข้ามานั้น ถังย่ากลับให้จ้านเซินเดินตามหลังฉินซีเข้าประตูมาตามจิตใต้สำนึก และตัวเองนั้นอยู่ท้ายสุด

นี่คือการกระทำที่เจ้านายมีหรือ

ฉินซีไม่เข้าใจ

แต่หลังจากที่พวกเขาเข้าประตูมาแล้ว ถังย่าที่ดูเหมือนว่าอยากจะเดินรั้งท้าย กลับถูกจ้านเซินผลักขึ้นมา จึงได้มีสติแล้วเดินมาอยู่ระหว่างฉินซีกับจ้านเซิน

การกระทำเช่นนี้ดูแล้วน่าสงสัยยิ่งกว่าเดิม

นี่เป็นวัฒนธรรมบริษัทของถังย่าหรือ ใช้วิธีการแบบนี้มาแสดงความดูแลเอาใจใส่กับผู้ใต้บังคับบัญชา

ฉินซีทำได้เพียงแค่ฝืนอธิบายในใจ

ทั้งสามคนเดินมาถึงห้องประชุม ตอนที่แยกนั่งสองด้านนั้น ความรู้สึกที่พุ่งเข้ามานั้นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

ฉินซีนั่งอยู่ตรงข้ามถังย่าและจ้านเซิน ถังย่ายังคงนั่งด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย ส่วนจ้านเซินนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะส่วนสูงที่มากเกินไป จึงไม่คุ้นชินกับการนั่งเก้าอี้ที่เตี้ยเช่นนี้ หรือว่าเดิมก็เป็นคนที่มีอิสระไม่อยู่ในกฎระเบียบ พอได้นั่งก็เอนตัวไปทางด้านหลัง ขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายกับว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก

…….ต่อหน้าเจ้านาย สามารถกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ด้วยหรือ

ในใจของฉินซีนั้นรู้สึกสงสัยยิ่งกว่าเดิม

แน่นอนว่า เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่สังเกตสองคนนี้อยู่เงียบๆ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรูปลักษณ์ภายนอกของจ้านเซินดูดีมากเกินไปหรือไม่ ไม่ว่าฉินซีจะมองอย่างไร ก็ล้วนรู้สึกว่าร่างของเขามีบุคลิกลักษณะของคนที่อยู่ในตำแหน่งระดับสูง

ฉินซีคิดว่าตัวเองก็พบเจอผู้คนมาไม่น้อย ความน่าเกรงขามและคุณสมบัติที่อยู่บนร่างของจ้านเซิน ไม่ใช่สิ่งที่พนักงานบริษัทพีอาร์คนหนึ่งจะสามารถมีได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท