Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1116

ตอนที่ 1116

บทที่ 1116 เล่นละครฉากนี้ได้ดี

ตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าฉินซีได้สูญเสียความทรงจำไปบางส่วน และยังคงมึนงงกับคำแนะนำของคุณหมอเธอ

พริบตาเดียว เรื่องนี้ก็ผ่านมานานมากแล้ว

เมื่อตระหนักรู้ว่าความคิดของตัวเองได้ล่องลอยไปหาฉินซีอีกครั้ง ลู่เซิ่นก็ถอนหายใจภายในใจ ก่อนที่จะเรียกสติของตัวเองให้กลับมาจดจ่อกับหญิงสาวตรงหน้า

เมื่อมองมายังเธอ ก็พบว่าใบหน้าของเวินจิ้งมีริ้วสีแดงนิดหน่อย

——เขาไม่รู้จริงๆ ว่าที่เมื่อกี้ตัวเองตกอยู่ในภวังค์นั้น สายตาได้ทอดหยุดมองไปยังเธอเนิ่นนาน จนเธอมีอาการเขินอาย

เมื่อไม่สามารถทนถูกเขาจ้องมองได้อีกต่อไป เวินจิ้งจึงยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “คุณมาที่นี่ เพื่อที่จะมองฉันเหรอคะ?”

เมื่อโดนเธอพูดแบบนี้ใส่ เขาก็นึกออกโดนทันทีว่ามาหาเธอเพราะเรื่องอะไร

——เขามาขอเธอแต่งงาน

ลู่เซิ่นกระแอมในลำคอ ก่อนที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมแค่กำลังประเมิน ว่าคุณเหมาะที่จะมาเป็นภรรยาผมหรือเปล่า”

แน่นอน เมื่อตัวเองพูดประโยคนี้ออกมา หญิงสาวตรงหน้าจึงแสดงสีหน้ามึนงงขึ้นมาทันตา

ใครโดนขอแต่งงานแบบนี้ ก็งงเป็นธรรมดาไหมล่ะ

เธอเหลืองมองขึ้นลง ประเมินด้วยสายตา แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มแต้มอยู่ที่มุมปาก แต่ลู่เซิ่นได้ยินเสียงที่เธอตอบกลับมาด้วยความไม่พอใจ “นี่คุณแอบรักฉันมานานเหรอคะ? ถึงได้มาหาถึงคุกที่นี่เลยเชียว”

น้ำเสียงของเธอคล้ายกับว่ากำลังเย้ยหยัน และท่าทางเหมือนเขินอาย แต่ลู่เซิ่นมองออกว่าเธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด

ลู่เซิ่นไม่คาดคิดว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้

เขาคาดเดามาก่อนว่าเวินจิ้งอาจจะมีความสงสัย หรืออาจจะมองว่าเขาไม่ปกติ ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะมีปฏิกิริยาที่ดูจะสบายๆและไม่มีทีท่าว่าจะตกใจเลยสักนิด

ดูท่า ผู้หญิงคนนี้จะรับมือยากกว่าที่เขาเคยคิดไว้

เมื่อตระหนักรู้ถึงข้อนี้แล้ว ลู่เซิ่นนิ่งคิดสักพัก เขาไม่คิดที่จะพูดอ้อมค้อม แต่เป็นการมุ่งตรงไปยังผลประโยชน์สูงสุดของเธอเลย “แต่งงานกับผม ผมสามารถพาคุณออกไปจากเมืองหนานได้ และไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อื่น”

เขาคิดว่านี่จะเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจเวินจิ้งที่สุด ไม่ว่ายังไงเธอก็คงไม่เมินเฉยกับข้อเสนอนี้ดีๆแบบนี้แน่

ไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อพูดออกไปแล้ว เธอกลับยังคงแสดงสีหน้าเดิม ยิ้มเล็กน้อย ก่อนพูด “ฉันแต่งงานแล้วค่ะ คุณก็น่าจะรู้ว่าสามีของฉันเป็นคนยังไง”

ลู่เซิ่นอารมณ์เสียอย่างอธิบายไม่ถูก บวกกับน้ำเสียงโอ้อวด และสายตาของเธอที่มองมา “ดูเหมือนว่าคุณจะยังเชื่อ ว่าเขาจะมาช่วยคุณนะครับ”

เวินจิ้งไม่ได้หงุดหงิดกับท่าทีน้ำเสียงของเขา เธอยังคงตอบอย่างใจเย็นแบบฉบับของเธอ “ก็คงเชื่อเขามากกว่าคนแปลกหน้าแบบคุณล่ะค่ะ”

ในขณะนี้ลู่เซิ่นรู้สึกชื่นชมเวินจิ้งขึ้นมาเล็กน้อย

คิดในอีกแง่หนึ่ง ถ้าหากลู่เซิ่นเป็นคนที่นั่งอยู่ที่นี่แทนเธอตอนนี้ และมีมือยื่นมาให้ความช่วยเหลือ เขาคงไม่รอช้าแน่

แต่ … เมื่อคิดได้ว่าเขามาที่นี่ทำไมแล้ว ลู่เซิ่นจึงกระแอมไอในลำคอเบา ๆ

เขาต้องทำให้เวินจิ้งยอมให้ได้

เขาเป็นคนแปลกหน้าของเวินจิ้ง แต่มู่วี่สิงเป็นสามีของเธอ

เขาจะทำให้เธอเชื่อใจในตัวเองได้อย่างไร?

ลู่เซิ่นนั่งคิดสักพัก นึกย้อนไปถึงข้อมูลที่เขาได้อ่านมันเมื่อวาน ก่อนที่จะพูดขึ้นมาช้าๆด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“แม้ว่าตอนนี้เขาจะสนิทสนมกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่น่ะเหรอครับ?” ลู่เซิ่นมองตรงไปยังเธอ “คุณเวิน ผู้ชายบนโลกนี้ไม่มีใครที่จะให้ความสำคัญผู้หญิงไปมากกว่าอำนาจหรอกนะครับ มันคือธรรมของผู้ชายอย่างพวกผม”

เวินจิ้งยังคงมีแต่ความสงบฉายชัดบนวงหน้างาม เธอยิ้มให้เขา ก่อนพูด “คุณเป็นแบบนั้นด้วยไหมคะ?”

ลู่เซิ่นมุ่นคิ้วหนัก ก่อนจะหยุดลง เมื่อทันใดเขาตระหนักได้ถึงบางอย่าง

ถ้าหากนำฉินซีกับอำนาจวางไว้ข้างกัน แล้วให้เขาเลือก เขาในตอนนี้… …กลับไม่แน่ใจ

ใจเย็นๆ ลู่เซิ่นพูดกับตัวเอง

เขาต้องลืมให้ได้ว่าเขาเป็นผู้ชายกับคนละคนเมื่ออยู่กับฉินซี ถึงจะแสดงออกมาได้อย่างแนบเนียนในละครบทนี้

ดังนั้น เขาจึงเล่นละครต่อไป “แน่นอน”

ปฏิกิริยาของเวินจิ้งยังคงนิ่งสงบ บนใบหน้าปรากฏร่องรอยของความชื่นชม “อืม ก็จริงที่ผู้ชายไม่ต้องเสียสละเพื่อผู้หญิงอะไรขนาดนั้น”

เมื่อเธอพูดขึ้นมา ความรู้สึกของลู่เซิ่นจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ตอนที่เขากำลังจะมาที่นี่ เขาได้ฟังเรื่องในอดีตของมู่วี่สิงและเวินจิ้งมาจากหลินหยัง มองในมุมของลู่เซิ่น เขาคิดว่าเรื่องของพวกเขาสองคนมันดูไม่จบแถมยังยืดเยื้อ น่ารำคาญ

กระทั่งภาพในใจของลู่เซิ่นที่มองไปยังเวินจิ้ง คือผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอมตายได้เพื่อความรัก

แต่เมื่อเห็นเธอตอบเขากลับมาแบบนี้ด้วยสายตาตัวเองแล้ว กลับประหลาดใจขึ้นมา

ไม่ว่าเธอจะน่าทึ่งขนาดไหนในสายตาเขา แต่ลู่เซิ่นก็ได้รับปากกับหลินยี่ไว้แล้วว่าเขาจะมาช่วยเธอ

ในเมื่ออิสรภาพไม่สามารถหลอกล่อเธอได้ เขาจึงจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีอื่นมาหลอกล่อ

ดังนั้นเขาจึงดึงหัวข้อเดิมกลับมากะทันหัน เลิกคิ้วก่อนพูด “ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ คุณไม่พิจารณาผมบ้างหรือ? ถ้ามาเป็นภรรยาของ ผมจะไม่ให้คุณต้องเผชิญกับปัญหาที่มันหนักขนาดนี้ และเมื่อเทียบกับมู่วี่สิงที่เกือบจะฆ่าพี่ชายคุณแล้ว ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ชายคุณ ก็ถือว่าเป็นเหมือนพี่น้องกันจริงๆ”

“เป็นเหมือนพี่น้อง” สี่คำนี้ ที่ลู่เซิ่นพูดออกมาแน่นอนว่าเพื่อที่จะเอาชนะสิ่งกีดขวางภายในใจเธอเท่านั้น มันก็แค่เรื่องที่ไม่เป็นความจริง

ความสัมพันธ์ของเขากับหลินยี่ ไม่เหมือนพี่น้องเลยสักนิด ถ้าหากไม่ใช่เพศเดียวกันแล้ว ก็คงเปรียบได้ว่าเหมือนเป็นคู่รักคู่แค้นกันอะไรประมาณนั้น

แต่ก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้ไพ่ในมือของเขามีอะไรขึ้นมาบ้าง

มีร่องรอยบางอย่างที่ออกมาจากใบหน้าที่สงบนิ่งของเวินจิ้ง เธอหันใบหน้า พิจารณามองมาที่เขาอีกครั้ง นานทีเดียวกว่าที่เธอจะเปิดปากพูดออกมา น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่คุยกัน “คุณเป็นใครกันแน่?”

ลู่เซิ่นกดยิ้มที่มุมปาก จนถึงผู้หญิงคนนี้ก็อยากรู้อยู่แค่คำถามนี้

เขายักไหล่ ก่อนพูด “ลู่เซิ่น”

เห็นได้ชัดว่าที่เวินจิ้งถามคำถามนี้ เจตนาไม่ได้สนใจเขา แต่เป็นหลินยี่ “เมื่อกี้คุณพูดว่า มู่วี่สิง เขา เกือบจะฆ่าพี่ชายของฉัน?”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วจางๆ

เขารู้ได้แทบจะทันที ว่าเวินจิ้งไม่ได้ตั้งใจเน้นหนักกับคำพูดที่ว่า “เกือบจะ” ข้างบน

สิ่งที่เธอสนใจจริงๆคือความปลอดภัยของหลินยี่

ลู่เซิ่นมั่นใจว่าครั้งนี้เขาเปิดไพ่ถูกใบ

แค่เขาต้องทำเป็นว่าละครฉากนี้เป็นแค่การมาเพื่อเจรจาเท่านั้น

เวินจิ้งให้เขาเห็นจุดอ่อน จะปล่อยให้มันผ่านไปได้ยังไงกัน?

ดังนั้นเขาจึงใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงเพื่อที่จะคุยกับเธอ “ยังไม่ตาย แต่ก็เกือบ ดังนั้นผมเลยใช้คำว่าเกือบจะ”

ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงทันตา แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าเท่าใดนัก แต่สายตาที่เฉียบแหลมของลู่เซิ่นเห็นว่ามือของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่น

เขารู้ ว่าแผนของเขามันสำเร็จแล้ว

ไม่นาน เสียงแหบแห้งของเธอจึงดังขึ้นมาว่า “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท