Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1104

ตอนที่ 1104

บทที่ 1104 เข้าใจดี

อาสามจึงได้โล่งใจออกมา จากนั้นถึงได้แน่ใจว่า ลู่เซิ่นนั้นจริงใจหญิงสาวคนนี้มาก แม้แต่คำพูดตัวเองได้ล่วงเกินขนาดนี้ก็ยังไม่สังเกตเห็น

ครั้นแล้วจิตใจก็กระฉับกระเฉงขึ้น รอให้ลู่เซิ่นเปิดปากพูดอย่างเงียบๆ

ครั้งนี้ลู่เซิ่นไม่เล่นแง่กับทั้งสองอีก หลังจากชะงักไปสองสามวินาทีเขาก็เริ่มพูดขึ้น : “เมื่อพูดออกมาแล้วก็ไม่กลัวว่าท่านทั้งสองจะหัวเราะแล้ว หญิงสาวคนนั้นชื่อเวินจิ้ง ขับรถไม่ทันระวังจึงเกิดอุบัติเหตุชนคนขึ้น เพราะฉะนั้นจึงถูกคุมไว้ที่เรือนจำชานเมือง

เมื่อคำพูดเขาได้เปล่งออกมา สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองถึงกับถอดสี

เวินจิ้ง?

พวกเขาทั้งสองครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็คิดไม่ตกว่าที่เมืองหนานจะมีตระกูลไหนที่แซ่เวิน

แต่เมื่อคิดไปคิดมา ถ้าเป็นลูกคุณหนูตระกูลใหญ่จริง ก็คงไม่มีทางที่จะถูกจองจำได้

จะว่าไปถ้าจะโทษก็โทษที่พวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับคุณนาย และก็ไม่ชอบซุบซิบวุ่นวายเรื่องของคนในเมืองหนาน

ไม่อย่างนั้นก็คงจะนึกออกได้ทันที ว่าเวินจิ้งคนนี้ก็คือคนที่มีเรื่องจนเป็นข่าวใหญ่โตกับมู่วี่สิงแห่งบ้านตระกูลมู่จนกลายเป็นนางเอกของข่าวในเมืองหนาน

สำหรับการขับรถชนคนนั้น…..

“ลู่เซิ่น เจ้าพูดมาสิว่าเหตุการณ์การชนคนนั้นเป็นอย่างไร เสียชีวิตไหม” อารองถามด้วยความเป็นห่วง

ลู่เซิ่นแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจในความดีใจที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเขา พลางนึกถึงข้อมูลที่เขาได้เห็นเมื่อตอนกลางวัน จึงกระแอมด้วยเสียงเบาๆ

ขณะเดียวกันอารองและอาสามก็ได้สูดรับอากาศเย็นๆเข้าไป

นี่ถึงกับถูกจองจำ ยังเกิดการเสียชีวิตขึ้น…..

ขณะนี้ทั้งสามได้เดินออกจากเงาใต้ต้นไม้ แล้วมายืนอยู่ใต้ดวงไฟถนน

อารองและอาสามส่งสายตาให้แก่กัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างเข้าใจความคิดของกันและกันดี

“นี่แกคือ…..” สีหน้าอาสามเป็นกังวล “นี่ถึงกับเสียชีวิต เห็นทีจะไม่ง่ายเสียแล้ว…..”

ลู่เซิ่นยังพยายามอย่างไม่ลดละ แถมทิ้งลูกระเบิดลูกใหญ่ไว้ “คนที่เสียชีวิต ดูเหมือนจะเป็นคนบ้านหลิง

ตอนนี้อารองและอาสามไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ได้แต่มองลู่เซิ่นอย่างแข็งทื่อ ราวกับว่าเขานั้นกำลังพูดเรื่องล้อเล่น

ถ้าแค่ชนคนธรรมดาทั่วไป อาจใช้เงินในการแก้ปัญหาได้ แต่นี่กลับชนคนบ้านหลิง…..

บ้านหลิงเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆในเมืองหนาน หนำซ้ำอารองและอาสามยังมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับผู้ใหญ่ของคนบ้านหลิง

ความคิดของทั้งสองถึงกับสับสนขึ้นทันที

ว่าที่คู่หมั้นของลู่เซิ่นชนคนของบ้านหลิงเสียชีวิต ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูของคณะกรรมการบริษัทลู่ซื่อ เห็นทีว่าลู่เซิ่นคงต้องโดนถลกหนังเป็นแน่แท้ เรื่องนี้พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยได้อย่างแน่นอน

แต่ถ้าช่วยลู่เซิ่นให้ได้แต่งงานกับหญิงสาวคนนี้ อย่างนั้นความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างตระกูลลู่กับบ้านหลิงคงต้องแตกสะบั้น

ลู่เซิ่นนั้นแทบจะไม่ได้อยู่เมืองหนาน จบความสัมพันธ์กับบ้านหลิงแทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขา แต่กลับเป็นอารองและอาสามที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างใหญ่หลวง

พวกเขาทั้งสองถึงกับเงียบไปชั่วครู่ ลู่เซิ่นมีหรือที่จะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่

ครั้นแล้วเขายังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียที่แผ่วเบา : “ผมรู้ครับว่าเรื่องนี้นั้นมันยุ่งยากมาก ถ้าอารองกับอาสามจะไม่ให้การช่วยเหลือ ก็คงเพราะมีเหตุผล ซึ่งผมก็เข้าใจ แล้วผมจะหาทางแก้ปัญหาเองครับ ไม่รบกวนพวกท่านทั้งสองแล้ว”

เมื่อได้ยินเจตนาของลู่เซิ่น ที่ไม่ต้องการพวกเขาเข้ามายุ่งยุ่มย่ามอีกต่อไป ทำให้พวกเขาทั้งสองกลับยิ่งกระวนกระวาย

“พวกเราทั้งสองไม่ได้หมายความว่าจะยืนนิ่งดูดาย!” อารองพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “เพียงแต่แค่ตั้งตัวไม่ทันเท่านั้นเอง ใช่ไหม”

เขาใช้ข้อศอกสะกิดอาสาม อาสามพยักหน้าด้วยสีหน้าอย่างกับเพิ่งตื่นจากฝัน : แน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าอาลู่เซิ่น แก…..มั่นใจคนนี้จริงๆแล้วใช่ไหม เจ้าก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่จะจัดการได้ง่ายๆ”

ลู่เซิ่นส่ายหน้า : “ผมมั่นใจครับว่าเป็นเธอ และต้องเป็นเธอเท่านั้น”

ใบหน้าที่แน่วแน่ของเขา ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองไม่รู้จะต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร

ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างเงียบๆอยู่สักพัก ฉับพลันอาสามราวกับว่าตัดสินใจได้ แล้วก็กัดฟัน : “แกมั่นใจขนาดนี้ ฉันก็ไม่ใช่คนหัวโบราณที่จะคอยกีดกันความรัก แต่ว่าการที่จะช่วยคนให้ออกมานั้น…..เกรงว่าจะไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย”

ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก : “ผมรู้ครับว่าเรื่องนี้จะวู่วามไม่ได้ แต่ว่าผม…..แค่ต้องการที่จะไปพบเธอจะได้ไหม”

อารองกับอาสามสบตากัน แล้วอารองก็พยักหน้า : “เรื่องนี้ไม่ยาก ฉันจะไปจัดการให้แกตอนนี้”

ลู่เซิ่นลดสายตาลงแล้วพยักหน้าให้กับอารอง : รบกวนอาทั้งสองแล้ว แต่ว่าเธอจะต้องขึ้นศาลในเร็วๆนี้ สำหรับเวลานั้นจะสามารถ…..”

เรื่องนี้สำหรับอารองแล้วเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า :“ฉันเข้าใจแล้ว รีบใช่ไหม อย่างนั้นถ้าเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม พรุ่งนี้จะให้แกไปพบเธอที่เรือนจำ”

ทำให้ลู่เซิ่นถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพยักหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ : ขอบคุณอารองและอาสามครับ”

ขณะเดียวกันใบหน้าอารองและอาสามก็เผยรอยยิ้มออกมา

ตลอดเวลามานั้นลู่เซิ่นไม่เคยแม้แต่จะให้ความเคารพในท่าทีของพวกเขา แต่ตอนนี้มาก้มหัวให้ ทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจอย่างไรอย่างนั้น

ลู่เซิ่นดูออกแต่ไม่พูด มีแค่รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก

อารองรีบร้อนกลับไปเพื่อติดต่อคนให้จัดการ ส่วนอาสามเมื่อได้รู้ข้อมูลที่ต้องการแล้วก็จากลาไป

เหลือลู่เซิ่นเพียงคนเดียวที่ค่อยๆเดินกลับอย่างช้าๆ

เมื่อกลับมาถึงหน้าประตูห้องตัวเอง ก็พบหลินหยังได้รออยู่หน้าห้องแล้ว

“ประธานลู่” เขาก้มลงหยิบเอกสาร “มีเรื่องบางเรื่องที่ต้องให้ท่านจัดการครับ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า ให้สัญญาณว่าให้เขานำเอกสารเข้ามาในห้อง

หลินหยังทำตามที่บอกหยิบเอกสารแล้วเดินเข้าไป แล้วยืนรอลู่เซิ่นตรวจเอกสารอยู่ข้างๆเหมือนปกติอย่างเช่นเคย

แต่ลู่เซิ่นกลับเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า : “คุณไม่เข้าใจใช่ไหมว่าเรื่องที่ฉันสามารถจัดการเองได้ ทำไมต้องอ้อมโลกไปให้อารองอาสามไปจัดการ”

เมื่อตอนทานอาหารเย็นหลินหยังไม่ได้ไปทานด้วยตัวเอง แต่ตามลู่เซิ่นไปทานที่ห้องอาหารด้วยกัน และก็ได้ยินคำพูดที่เขาสนทนากับเหล่าผู้อาวุโส

ตามที่หลินหยังนั้นเข้าใจ เขานั้นคงมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน

ถ้าลู่เซิ่นจะต้องแต่งงานกับใครสักคน ไม่จำเป็นต้องแจกแจงรายละเอียดให้เหล่าผู้อาวุโสตระกูลลู่ทราบ หญิงสาวที่เขาต้องการจะแต่งงานด้วย ต่อให้เป็นเรือนจำเมืองหนาน ก็ไม่มีทางที่จะขัดขวางเขาได้ แล้วเขาจะร้องขอความช่วยเหลือคนอื่นทำไม

ทำไมลู่เซิ่นต้องอ้อมไปอ้อมมาอย่างนี้ ต้องมีบางอย่างผิดปกติ

คิดไม่ถึงว่าหลินหยังที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ จะถูกลู่เซิ่นอ่านความความคิดความอ่านเขาออกได้ ถ้าปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงพยักหน้ารับไปตรงๆ

ลู่เซิ่นมือไปหยิบเอกสารที่เซ็นเสร็จแล้ววางไปข้างๆ แล้วยิ้มจางๆ: “คุณไม่รู้สึกว่าการปั่นหัวพวกเขาเล่นนั้นสนุกแค่ไหน”

หลินหยังถึงกับหมดคำพูด

ถ้าหากเป็นเรื่องราวในการ์ตูน บนหน้าผากของเขาคงมีเส้นดำๆโผล่ขึ้นมาแล้ว

ลู่เซิ่นมองท่าทางหมดคำพูดของเขา ถึงกับกระหยิ่มยิ้มย่อง

แต่เขาก็หุบยิ้มนั้นลงอย่างรวดเร็ว

“เรื่องที่สามารถใช้กำลังของคนอื่นทำให้สำเร็จ ก็ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องลงมือจัดการเอง” แล้วลู่เซิ่นก็ก้มหน้าก้มตาดูเอกสารต่อ “เพียงแค่ขยับริมฝีปาก ก้มหัวเล็กน้อย ก็มีคนช่วยคุณจัดการเรื่องทุกอย่างแล้ว กำไรมากกว่าต้นทุนเป็นหลายเท่า”

หลินหยังพยักหน้าอย่างงงๆ

ลู่เซิ่นหยิบเอกสารที่เซ็นเสร็จแล้วทั้งหมดวางไว้ข้างๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองหลินหยัง : “ตรงนี้ไม่มีใครคนอื่น ผมก็จะไม่ปิดบังคุณอีก ผมก็แค่จะแต่งงานกับเวินจิ้ง”

หลินหยังค่อยๆเบิกตากว้าง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท