Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1146

ตอนที่ 1146

บทที่ 1146 ลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ฉินซีตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยต้องวุ่นวายใจเพราะเรื่องเงินมาก่อน

ค่าตอบแทนที่องค์กรให้มานั้นไม่น้อย แต่ว่าสำหรับเธอมาพูดแล้วก็เป็นแค่เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะฉะนั้นก็เลยไม่เคยเอามาใส่ใจมาก่อน อยากจะซื้ออะไรก็ซื้อติดไม้ติดมือ สินทรัพย์ส่วนใหญ่ก็มอบหมายให้นักมืออาชีพจัดการ

คราวนี้ออกมาจากตระกูลฉินแล้ว แน่นอนว่าทรัพย์สมบัติที่สามารถใช้ได้ก็ต้องใช้ไม่ได้แล้ว เงินที่สามารถเอามาใช้จ่ายได้ ดู ๆ ไปแล้วก็เหลือแค่ค่าตอบแทนที่องค์กรให้เท่านั้น

แต่ว่าเหยาหมิ่นไม่มีงานทำ เงินค่าตอบแทนส่วนนี้ของเธอจะต้องมาประคับประคองชีวิตของทั้งสองคน และยังจะต้องชดใช้หนี้ ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่ ถึงจะคืนได้ครบ

แต่พวกคนทวงหนี้ที่เห็นนี้ เห็นได้ชัดว่ารีบร้อนจนจะบีบคั้นพวกเขาให้ตายอยู่แล้ว ไม่มีความอดทนมารอให้พวกเขาค่อย ๆ ชดใช้คืน

แต่อานหยันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินซีมีรายได้ส่วนนี้ด้วย จากที่เธอดูมา ฉินซีเป็นลูกคนรวยที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการพึ่งพิงตระกูลฉินทั้งหมด คราวนี้ย้ายออกมาจากบ้านตระกูลฉินแล้ว ก็ขาดช่องทางการมาของรายได้แล้ว จะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง ยังเป็นปัญหาที่ยากอยู่เลย

“ฉินซี เธอเคยคิดไหมว่า จะเอาผลงานการถ่ายรูปของเธอออกมา?” อานหยันครุ่นคิดไปสักครู่ แล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนกับว่าคิดอะไรได้ และเปิดปากถามออกมา

ดูไปแล้วฉินซีดูมีความตกใจเล็กน้อย “ผลงานภาพถ่ายของฉันเหรอ?”

อานหยันพยักหน้า “ใช่ ฉันรู้จักกับบรรณาธิการอยู่ไม่น้อย แล้วตามคุณภาพของผลงานถ่ายภาพของเธอ ไม่ต้องให้ฉันเปลืองน้ำลายเท่าไหร่หรอก ก็สามารถหานิตยสารให้เธอได้บ้าง แล้วเอารูปถ่ายขายออกไป รออีกหน่อยชื่อเสียงค่อย ๆ เป็นที่รู้จักแล้ว คนที่จะมาจองต้นฉบับกับเธอก็จะยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ พอถึงตอนนั้นผลงานภาพถ่ายของเธอก็จะมีค่าไม่น้อยแล้ว”

ฉินซีเงียบไปครู่หนึ่ง

ถึงแม้ว่านี่ก็ไม่ใช่วิธีที่จะทำให้ได้เงินมาอย่างรวดเร็ว แต่ว่าก็เป็นวิธีที่จะได้เงินมาอย่างดีมากวิธีหนึ่งแล้ว

เธอสามารถใช้เงินค่าตอบแทนมาประคับประคองชีวิตของทั้งสองคน แล้วค่าต้นฉบับของภาพถ่ายก็สามารถเอามาใช้หนี้ได้ด้วย

คิดไม่ถึงว่า งานอดิเรกของตัวเอง ในวันหนึ่งจะกลายมาเป็นหนทางประคับประคองชีวิตของตัวเองไปได้

มุมปากของฉินซีมีรอยยิ้มขมขื่นโผล่ออกมา แต่ว่าก็ยังพยักหน้า “ได้ซิ”

เธอเลือกภาพถ่ายไม่กี่รูปที่รู้สึกพอใจจากในโทรศัพท์ของตัวเองแล้วส่งให้อานหยัน และทั้งสองคนก็พูดไปอีกไม่กี่ประโยค แล้วฉินซีก็บอกลาและจากไป

แต่ว่าเธอกลับไม่ได้กลับบ้านไปทันที แต่ว่ากลับเลี้ยวทีหนึ่ง แล้วก็ไปที่โรงน้ำชาหนานเฟิง

จ้านเซินเป็นคนส่งข้อความมานัดเธอไปที่นั่น

รอตอนที่ฉินซีเปิดประตูห้องส่วนตัวเข้ามานั้น จ้านเซิน ก็ได้นั่งอยู่ข้างในก่อนแล้ว

เขาก็ยังคงเป็นใบหน้าที่ไม่ปฏิกิริยาใด ๆ แบบนั้น รอฉินซีนั่งลงตรงข้างหน้าเขา ถึงได้พูดขึ้นเรียบ ๆ ว่า “รายงานของเธอ ฉันได้รับแล้ว”

ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “งั้นคุณวางแผนจะช่วยเหลือยังไง?”

จ้านเซินกลับเงียบลง

ในใจของฉินซีมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่กะพริบขึ้น

“คุณคงจะไม่ใช่……”

เมื่อก่อนในองค์กรก็เคยมี ตอนที่สมาชิกปฏิบัติหน้าที่แล้วตกไปอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายตรงข้าม ในตอนที่ต้นทุนในการช่วยเหลือสูงเกินไปนั้น องค์กรก็จะเลือกยอมสละสมาชิกคนนั้นทิ้งไป

เธอไม่ได้พูดคำพูดจนจบ แต่ว่าจ้านเซินกลับเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเธออยากจะพูดอะไร แล้วพยักหน้าอย่างแทบจะมองไม่เห็น

ฉินซีกำหมัดแน่นขึ้นทันที น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นดังขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ “เพราะอะไร?”

ข้อมูลที่ฟางฟาง โดนขังอยู่ เธอเป็นคนค้นหามาเอง ไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์ได้ดีเท่าเธออีกแล้ว

คนที่เอาฟางฟางไปขังนั้นเป็นบริษัทผลิตยาแห่งหนึ่ง บริษัทแห่งนั้นหลายปีมานี้ได้ลงทุนทำการทดลองยาเกี่ยวกับพวกควบคุมประสาทไปเป็นทุนมหาศาล แต่ว่ากลับทดลองไม่ได้มาตลอด

ตามองเห็นว่าโยนเงินเข้าไปตั้งมากมายแต่กลับคว้าน้ำเหลวทั้งหมด การเงินของบริษัทยิ่งอยู่ก็ยิ่งลำบาก ในที่สุดคนของบริษัทนั้นก็นั่งไม่ติดแล้ว ก็เลยหาคนไป“เชิญ”ฟางฟางไปนั่งที่บริษัทของพวกเขาสักหน่อย

ตอนแรกกะว่าแค่ข่มขู่สักหน่อย ฟางฟางก็น่าจะบอกผลการทดลองของเธอออกมา แต่คิดไม่ถึงว่า ฟางฟางกลับปากแข็งตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมเปิดปาก บริษัทนั้นก็เลยโมโหโกรธา ถึงได้เอาฟางฟางไปถังไว้

แต่ว่าสุดท้ายฝ่ายตรงข้ามก็เป็นแค่บริษัทแห่งหนึ่ง ฉินซีได้ตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามมาจนหมดแล้ว ครั้งนี้ที่ทำแบบนี้ก็แทบจะเป็นหมาจนตรอกกระโดดกำแพงแล้ว และก็ยังระมัดระวังมากจนเชิญคนอื่นมาช่วยทำด้วย เมื่อก่อนไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายมาก่อนด้วยซ้ำ กับขององค์กรแล้วมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย องค์กรก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่สามารถจัดการกับคู่ต่อสู้แบบนี้ได้นี่

จ้านเซินกลับยังคงไม่เปิดปาก ได้แต่เงียบขรึมอยู่

ความเงียบของเขากลับยิ่งทำให้ฉินซีโมโห และก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นBoosใหญ่ของตัวเองอีก น้ำเสียงสูงขึ้นอย่างอดไว้ไม่อยู่ “ทั้ง ๆ ที่ฟางฟางก็แค่โดนขังไว้ในตึกส่วนบุคคลตึกนี้! แล้วก็มีคนเฝ้าอยู่แค่คนเดียว! แม้กระทั่งไม่จำเป็นต้องเป็นนักฆ่ามืออาชีพด้วยซ้ำ แม้แต่ฉันไปเองก็ยังสามารถช่วยเขาออกมาได้อย่างง่ายดาย!”

ฉินซียิ่งพูดก็ยิ่งเดือดดาล จนแทบจะลุกขึ้นมาอยู่แล้ว

“นั่งลง” ในที่สุดจ้านเซินก็เปิดปากพูดขึ้น และมองฉินซีเย็น ๆ ทีหนึ่ง แล้วมองความคิดของเธออย่างทะลุปรุโปร่ง “อย่างคิดว่าเธอจะไปช่วยเขาด้วยตัวเอง ที่ไม่ช่วยเขาเป็นการตัดสินใจขององค์กร และผ่านการยินยอมจากเจ้าตัวแล้ว”

หัวคิ้วของฉินซีขมวดเข้าหากันลึก แล้วพูดอย่างไม่มีเสียงว่า “อะไรนะ?”

ฟางฟางยินยอมเองเหรอ ?

จ้านเซินไม่ได้มีความอยากจะพูดอะไรกับเธออีก เพียงแต่ส่ายหน้าเบา ๆ “ที่จริงเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มต้น……ฉันก็ไม่ควรมาหาเธอ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็บอกเธอได้อย่างเดียวว่า อย่าสืบต่อไปอีกเลย”

เขาพูดประโยคนี้จบ ก็ลุกขึ้นจะจากไป ฉินซีมองแผ่นหนังของเขา ในที่สุดก็ควบคุมไฟโกรธของตัวเองไว้ไม่อยู่ แล้วก็ออกเสียงถามขึ้นว่า “แต่ว่าเขาเป็นแม่ของคุณนะ!”

ฝีเท้าของจ้านเซินหยุดนิ่ง แล้วค่อย ๆ หันหน้ามามองที่เธอ

“ใครบอกเธอกัน?”

นัยน์ตาของเขามีสีเข้มมาก บนใบหน้าก็มีปฏิกิริยาราวกับฟ้าฝนกำลังจะกระหน่ำ

แต่ว่าตอนนี้ฉินซีโดนความโกรธพุ่งขึ้นมาจนหัวมึนไปหมดแล้ว เธอไม่ได้สนใจที่จะใส่ใจกับสีหน้าของเขาแล้ว และพูดเองเออเองขึ้นมา “คุณยังเป็นคนอยู่ไหมจ้านเซิน? จะไม่พูดว่าเขาอุ้มท้องสิบเดือนมาอย่างยากลำบากแล้วคลอดคุณออกมานะ ปกติฟางฟางดีกับคุณมากแค่ไหน มีแต่คนที่ตาบอดเท่านั้นที่ดูไม่ออก! คำว่ายอมสละของคุณมันช่างเบาหวิว ฟางฟางก็เป็นชีวิตคนชีวิตหนึ่ง พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วงั้นเหรอ!”

“พอแล้ว!” จ้านเซินเปิดปากตะคอกขึ้นอย่างอดทนไม่ไหว

ฉินซีโดนเขาทำให้ตกใจจนสะดุ้ง พอเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง ก็ได้กลายเป็นสีหน้าที่โดนทำให้โกรธเคืองไปหมดแล้ว

ตัวเธอนั้นรู้จักฝีมือของจ้านเซินดี ท่าทางแบบนี้ของเขาคือถ้าหากว่าฉินซียังพูดมากอีกคำเดียวก็จะลงมือจัดการกับเธอแล้ว สุดท้ายมันก็ทำให้เธอตกใจจนนิ่งอึ้งไปจริง ๆ ทำให้เธอต้องกั้นความไม่พอใจที่อยู่เต็มอกและหุบปากลง

จ้านเซินเห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่พอใจ แล้วก็หัวเราะขึ้นอย่างโกรธจัด แล้วเดินก้าวใหญ่ ๆ กลับไปที่นั่งตัวเอง และทิ้งตัวนั่งลงอย่างหนักหน่วง “ฉันไม่สนว่าเธอจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับฟางฟางได้ยังไง แต่ว่าฉินซี ฉันขอเตือนเธอนะ ถ้าหากฉันได้ยินเรื่องนี้จากปากคนอื่น ฉันก็จะถือว่าถูกพูดออกไปจากปากเธอ ”

ฉินซียิ้มเย็นทีหนึ่ง “แน่นอนว่าฉันต้องไม่พูดอยู่แล้ว ฟางฟางมีลูกชายแบบคุณ ฉันยังรู้สึกไม่คุ้มแทนเขาเลย ”

แต่ฉินซีปัจจุบันที่มองทุกอย่างผ่านสายตาของเธอนั้น ได้ยินเสียงโมโหโกรธจัดของเธอแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจขึ้นนิดหนึ่ง

เอาตามความทรงจำก่อนหน้านี้มาพูดนั้น หลังจากที่จ้านเซินกลายเป็นผู้นำคนใหม่ขององค์กรไปแล้ว ความสัมพันธ์กับฉินซีก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อมากขนาดนั้นแล้ว โอกาสที่ทั้งสองคนจะเจอหน้ากันก็ลงน้อยลง แล้วพอบังเอิญเจอกันไม่กี่ครั้ง ฉินซีก็จะพูดกับเขาอย่างเกรงอกเกรงใจ ทำอย่างกับเขาเป็นหัวหน้าของตัวเองทั้งสิ้น

แต่คราวนี้ท่าทางที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแบบนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะโดนคำพูดของจ้านเซินกระตุ้นให้เป็น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท