Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1149

ตอนที่ 1149

บทที่ 1149 แม้แต่แรงมัดไก่ก็ยังไม่มี

ฟางฟาง มองท่าทางที่ดื้อดึงเต็มหน้าของฉินซี แล้วก็ถอนหายใจทีหนึ่ง

“เธอเองก็อย่าโทษจ้านเซินเลย ที่ไม่ให้คนอื่นมาช่วยฉันนั้น ฉันเป็นคนพูดเอง ” ฟางฟางเปิดปากพูดขึ้น

ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ที่จริงแล้ว ในตอนที่เธอเพิ่งจะพลิกตัวเข้ามาในนี้นั้น ก็เริ่มมีลางสังหรณ์แบบนี้แล้ว

การป้องกันของที่นี่แทบจะไม่มี หน้าต่างก็เปิดอ้าซ่าไว้แบบนี้ ข้างบนก็คือชั้นสูงสุด คนที่เฝ้าก็ไม่มีการระแวดระวังเลยสักนิด

ถึงแม้ว่าฟางฟางจะเป็นแค่นักทดลองคนหนึ่ง แต่ว่าตามที่ฉินซีเข้าใจเกี่ยวกับองค์กรนั้น ถึงแม้จะเป็นแค่นักทดลอง ก็ไม่ใช่ว่าแม้แต่แรงมัดไก่ก็ยังไม่มีหรอกนะ

ถ้าหากว่าตัวเขาเองมีความอยากจะหลบหนีสูงมาก ๆ ก็อาจจะหนีไปด้วยตัวเองตั้งนานแล้ว

แล้วพูดอีกอย่าง คำพูดที่ฟางฟางพูดนั้น ฟังแล้วเหมือนกับว่า……เขากับจ้านเซิน เคยพบหน้ากันแล้ว

นึกแล้วก็ไม่แปลก

แม้แต่ตัวเองยังสามารถฝ่าเข้ามาได้อย่างง่ายดาย แล้วถ้าหากว่าจ้านเซินอยากจะมา ก็คงจะเคยมาตั้งนานแล้ว

เพียงแต่ว่าเมื่อวานตอนที่จ้านเซินพบกับฉินซีนั้น กลับไม่ได้เอ่ยถึงจุดนี้เลยสักนิด

ไม่งั้นฉินซีคงจะคิดวิเคราะห์กับความเคลื่อนไหวในคืนนี้ของตัวเองมากขึ้นอีกสักหน่อย

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ ยังไง ๆ เธอก็มาแล้ว ถ้าหากว่าฉันไม่พูดกับเธอให้ชัดเจน เธอเองก็คงจะไม่ตายใจ” ฟางฟางยิ้มขึ้นจาง ๆ

ยาที่ฉินซีใช้กับคนเฝ้านั้นเป็นยาที่คนในองค์กรคิดค้นขึ้นมา ฟางฟางนั้นเข้าใจดี ตามปริมาณที่ฉินซีใช้นั้น ถึงแม้ว่าคืนนี้จะเอาตัวคนที่เฝ้าประตูนี้โยนลงไปจากตึก เขาก็คงจะไม่ตื่นหรอก จนถึงพรุ่งนี้เช้า เขาถึงจะตื่น และที่สำคัญจะไม่รู้สึกถึงยาเลยสักนิด เพียงแต่จะรู้สึกว่าตัวเองนอนหลับสบายมากก็เท่านั้น

เพราะฉะนั้นฟางฟางก็ไม่ได้กังวลอะไร แต่กลับตบไหล่ฉินซีเบา ๆ “ฉันยังจำได้ว่า เมื่อก่อนเธอถามฉันว่า ฉันกับพ่อของจ้านเซิน ไม่ได้แต่งงานกันก็คลอดเขาออกมาแล้วใช่ไหม? ”

ฉินซีหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

ในตอนนั้นเธอยังเด็ก พูดจาก็ไม่ได้คำนึงถึงอะไร พอได้ยินฟางฟางยอมรับว่าเขาเป็นแม่ของ จ้านเซิน ก็อดไม่ไหวเลยถามไปประโยคหนึ่ง

แต่ว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังจำท่าทางขวัญหนีดีฝ่อของฟางฟางในตอนนั้นได้อยู่ เพราะฉะนั้นจึงไม่กล้าถามเรื่องนี้ให้มากความอีก

คราวนี้ฟางฟางกลับเหมือนว่าได้วางอะไรลงแล้วยังไงอย่างงั้น และเปิดปากพูดขึ้นเสียงเบาว่า “งั้นฉันก็จะเล่านิทานเรื่องนี้ให้เธอฟัง”

และก็คือนิทานของฟางฟางกับพ่อของจ้านเซิน

ที่จริงนิทานไม่ถือว่าซับซ้อนมาก

ในตอนแรกฟางฟางเป็นศาสตราจารย์ในมหาลัยระดับสูงแห่งหนึ่งในเมืองA และการพูดบรรยายครั้งหนึ่ง จึงทำให้เจอเข้ากับพ่อของจ้านเซิน

พ่อของจ้านเซินร่างสูงใหญ่หล่อเหลา พูดคุยสนุกสนาน กิริยานุ่มนวล แล้วก็ดึงดูดความสนใจของฟางฟางได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งสองคนเริ่มค่อย ๆ สนิทสนมกัน ฟางฟางเองก็ค่อย ๆ เข้าสู่ห้วงความรู้สึกนี้

พ่อของจ้านเซินกลับยังคงจะใกล้ชิดก็ไม่ใช่จะห่างเหินไปก็ไม่เชิง เขามักจะบอกกับฟางฟางว่า เขามีความลำบากใจ มีเรื่องมากมายที่ไม่มีทางที่จะวางลงได้ และขอให้เธอเข้าใจ

ในช่วงเวลานั้นฟางฟางรักจนโงหัวไม่ขึ้น เหมือนแมลงเม่าที่บินเข้ากองไป ยอมสละทุกสิ่งของตัวเอง แล้วตามพ่อของจ้านเซินไปจากเมืองA

จากนั้นก็เข้าร่วมกับองค์กรพร้อมกัน

“เวลาช่วงที่ฉันเข้าร่วมนั้นเป็นช่วงที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน” น้ำเสียงของฟางฟางนั้นเบามาก “พอดีกับที่มีโครงการทดลองอันหนึ่งใช้เวลาคาอยู่ที่ปากขวดมานานมาก แต่โครงการนี้กลับพอดีที่เป็นแนวทางที่ฉันถนัดมาตลอด”

ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และคิดถึงเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ฟางฟางยิ้มขึ้นจาง ๆ “เธอเองก็คิดออกแล้วใช่ไหม เขาใช้ความรู้สึกมาหลอกล่อฉัน เพียงแค่ต้องการให้ฉันละทิ้งทุกอย่างด้วยความเต็มใจ แล้วก็เข้าร่วมกับองค์กร”

ฉินซีกัดริมฝีปากเอาไว้

……และก็เป็นนิทานที่โหดร้ายขนาดนี้อีกเรื่องหนึ่ง

แต่ว่าน้ำเสียงของฟางฟางกลับยิ่งพูดยิ่งเบาบาง อย่างกับว่าที่กำลังพูดอยู่เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองยังไงอย่างงั้น

“ในตอนนั้นเพราะว่าฉันลาออกจากงานที่มหาวิทยาลัย จึงทำให้แตกหักกับที่บ้าน เกือบจะเป็นการละทิ้งทุกอย่าง แล้วมาถึงองค์กรกับพ่อของจ้านเซิน เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะพบกับความจริงอันนี้แล้ว ฉันก็ไม่มีทางให้ถอยกลับ จึงได้แต่อยู่ในองค์กรต่อไป ”

ฉินซีทนไม่ไหวจึงเปิดปากถามขึ้น “แต่ว่า……ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ล่ะ? การทดลองมากมายขององค์กรก็หาคนข้างนอกมาช่วยกันทำให้สำเร็จได้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลืองแรงหลอกคุณเข้ามาแบบนี้ก็ได้……”

ฟางฟางยิ้มขึ้นจาง ๆ “เมื่อก่อนฉันก็เคยคิดไม่ตกกับปัญหานี้มาก่อน หรือกระทั่งบางครั้งก็เอาปัญหานี้มาเป็นหลักฐานยืนยันว่าเขาก็ไม่ได้ไม่รู้สึกอะไรกับฉัน แต่ว่าพอตั้งสติแล้วมาลองคิดดู ที่จริงความจริงนั้นมันง่ายมาก การทดลองที่องค์กรจะหาคนนอกมาช่วยนั้นปกติแล้วเป็นการทดลองที่ไม่ได้สำคัญมากเท่าไหร่ แต่การทดลองที่ฉันเข้าร่วมนั้น ถ้าหากว่าทำสำเร็จ ก็จะมีผลประโยชน์ที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่ เขา……เขาอาจจะไม่มั่นใจให้คนนอกองค์กรมาเข้าร่วมด้วยมั้ง”

ในใจของฉินซีมีเปลวไปที่อัดอั้นไว้ แล้วไม่ได้เปิดปากพูดอีก

ฟางฟางไม่ได้สนใจความเงียบขรึมของเธอ ยังคงเล่านิทานของตัวเองต่อไป “เพียงแต่ว่าเวลานั้นถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกว่าที่เขาพาฉันกลับมา และให้ฉันเข้าร่วมการทดลองด้วยทุกอย่างมันช่างดูบังเอิญเกินไป ในใจไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดความสงสัย แต่ว่าเขาอ่อนโยนกับฉันมากเพื่อที่จะให้ฉันอยู่ในองค์กรต่อไป และทำการทดลองต่อไปให้สำเร็จ แทบจะตามใจฉันทุกอย่าง เอาใจฉันจนฉันยินยอมพร้อมใจที่จะปิดตาไว้ และแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นความจริงที่อยู่ตรงหน้า แล้วยอมขายชีวิตเพื่อเขา”

นิทานเรื่องนี้มีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างที่บอกไม่ถูก อย่างกับเป็นเรื่องของเหยาหมิ่นและฉินซึ่งเทียนในอีกแบบฉบับหนึ่ง

ฉินซีกัดริมฝีปากจนเป็นแผล เลือดสด ๆ ไหลออกมา ความคาวของเลือดคละคลุ้งอยู่เต็มปาก แต่เธอกลับยังไม่รู้สึก

“รอจนการทดลองของฉันสำเร็จแล้ว ฉันเอาผลงานการทดลองยื่นให้เขาเองกับมือ และยังอยากจะแบ่งปันข่าวดีกับเขาอย่างหนึ่ง……ว่าฉันท้องแล้ว” น้ำเสียงของฟางฟางให้ความรู้สึกบางอย่าง มันราบเรียบเหมือนมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว “แต่ว่าความสนใจของเขาทั้งหมดล้วนอยู่ที่ผลงานการทดลอง ตั้งแต่ที่ฉันปรากฏตัวขึ้น สายตาของเขาก็ไม่เคยแบ่งมาให้ฉันสักวินาที แต่พอรับผลงานไปแล้ว เขาก็จากไปอย่างปลื้มปีติ แม้กระทั่งเวลาที่เพิ่มขึ้นแค่วินาทีเดียวก็ไม่แบ่งให้ฉัน”

“ฉันช่วยเขาหาข้ออ้างมาแก้ตัวอยู่ในใจ พูดว่าเขาจะต้องเป็นเพราะว่าดีใจมากจนเกินไป ทุกอย่างยังคงปกติอยู่ เพราะฉะนั้นก็เลยรอการพบกันใหม่ในครั้งหน้าด้วยจิตใจที่สงบ……ใช่ พอหลังจากที่กลับมาถึงองค์กรแล้ว ฉันก็โดนจัดแจงให้ไปอยู่ห้องเดี่ยว และแยกกันอยู่กับเขา เขาบอกว่านี่เป็นกฎขององค์กร ฉันก็ไม่ได้โต้แย้ง” น้ำเสียงของฟางฟางยิ่งราบเงียบ ฉินซีก็ยิ่งทุกข์ใจ

“แต่ว่าเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ฉันก็ไม่ได้เจอหน้าเขา” ฟางฟางพูดต่อไป “ฉันรอไม่ไหวแล้ว เลยตรงไปหาเขาถึงที่ แต่กลับโดนบอกให้รู้ว่า เขาออกไปดูงานที่อื่น จะต้องรอครึ่งเดือนถึงจะกลับมา ”

ฟางฟางยิ้มอย่างขมขื่นขึ้นทีหนึ่ง “ฉันเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ฉันนึกว่าเมื่อก่อนเราสองคนเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่เหรอ หรืออย่างน้อยก็เป็นคนรัก แต่ว่าไม่มีคนรักที่ไหนเขาคบกันแบบนี้หรอก หรือว่าเมื่อเทียบกับคนรักแล้ว ยิ่งเหมือนกับหัวหน้ากับลูกน้องซะมากกว่า”

ฉินซีไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง จึงได้แต่เงียบต่อไป

“แต่ว่าฉันไม่มีทางเลือกอื่น จึงได้แต่รอ รอไปครึ่งเดือน ในที่สุดเขาก็กลับมา” ใบหน้าของฟางฟางมีสีหน้าของความเจ็บปวดกะพริบขึ้น “ฉันอยากจะเดินไปบอกเขาว่าฉันท้องแล้ว เขาจะได้เป็นพ่อแล้วนะ แต่เขากลับใช้สายตาที่แปลกหน้ามองฉัน และพูดกันฉันว่า ความรู้สึกระหว่างพวกเรานั้นไม่สมควรจะมีอยู่ เพราะฉะนั้นจึงจะแยกจากกันกับฉันอย่างเด็ดขาด”

ฉินซีรู้สึกว่าหัวใจราวกับโดนไฟแผดเผายังไงอย่างงั้น เจ็บแบบไฟลนไฟเผา

ฟางฟางก็ยิ้มขมขื่นขึ้นอีกครั้ง “จากนั้น ฉันก็โดนจัดแจงให้ไปเรียนบทเรียนขององค์กร”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท