Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1159

ตอนที่ 1159

บทที่ 1159 บอกลา

ฉินซีรู้ว่าคุณค่าของตัวเองกับจ้านเซินมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงสื่อกันไม่ได้

ถ้าเป็นเธอ พ่อมอบหน้าที่เก็บศพให้เธอ เธอต้องไม่ยอมให้ร่างของแม่แท้ตัวเองกลายเป็นเครื่องมือ และจะไม่ย้ายกลับมาเพียงเพื่อบอกลา

แต่ถ้าจ้านเซินกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีความรู้สึก เขาจะไม่ทำแบบนี้แน่นอน จนกระทั่งอาจจะทำเหมือนพ่อที่เลือดเย็นของเขา ที่ปล่อยให้ฟางฟางนอนจมกองเลือด รอจนตำรวจมาถึง โดยไม่เดินเข้าไปใกล้

เขาคือคนที่ติดอยู่ตรงกลาง จึงมีพฤติกรรมกลับไปกลับมา

แต่พฤติกรรมกลับไปกลับมายังไงก็ต้องเปลี่ยนไป

ต้องมีสักวัน ที่เขาจะเปลี่ยนไปเหมือนพ่อของเขา

คิดถึงตรงนี้ฉินซีเม้มปากและพูดขึ้นว่า : “ฉัน…ขอไปบอกเธอหน่อยแล้วกัน”

จ้านเซินพยักหน้า ไม่ได้หยุดเธอไว้ และเพียงแค่สั่งเธอเบาๆ : “ฟางฟาง…หล่นลงอย่างน่าอนาถ คุณอย่าดึงผ้าที่ปิดอยู่ออกเลย ให้คุณจดจำเธอในความทรงจำแบบนั้นดีกว่า”

ฉินซีพยักหน้า บอกว่าตัวเองได้ยินแล้ว

ครั้งนี้เธอเดินไปที่หน้าประตูห้องนั้น และไม่ได้หยุดลง แต่กลับเดินตรงเข้าไปจนถึงข้างเตียง จึงหยุดเดิน

เธอยื่นมองห่อผ้าขาวผืนนั้นเงียบๆ อยู่นาน จึงพูดขึ้นมาว่า

“ยินดีด้วย คุณได้รับอิสระแล้ว”

ถ้าวิญญาณของฟางฟางอยู่ที่นี่ตอนนี้ ที่อยากได้ยินที่สุดคงเป็นประโยคนี้

ฉินซีมองร่างไร้วิญญาณของฟางฟางเป็นครั้งสุดท้าย และหันหลังเดินออกมา

ในใจของเธอกำลังคิด

ฉันจะต้องมีอิสระ

ขณะที่เธอเดินออกมา พอดีกับที่คนที่สวมชุดตำรวจเดินเข้ามา

ฉินซีเดาว่าน่าจะเป็นแพทย์นิติเวชที่มาชันสูตรศพ

พวกเขาเดินตรงเข้าคุยกับจ้านเซินไม่กี่คำ และเดินไปทางห้องที่ร่างไร้วิญญาณของฟางฟางอยู่

ฉินซีหลบทางให้

จ้านเซินเดินตามหลังพวกเขามา เห็นฉินซีเดินออกมาพอดี ก็ไม่ได้ตกใจอะไร แค่ถามเบาๆ ว่า : “เสร็จแล้ว?”

ฉินซีพยักหน้า

“งั้นคุณกลับไปก่อนเถอะ คนขับรถยังอยู่ด้านหน้าประตู รอส่งคุณกลับ” จ้านเซินกล่าว “ทางนี้…ฉันต้องจัดการอะไรอีกนิดหน่อย”

ฉินซีรู้ว่าตอนนี้เขาต้องทำตามคำสั่งของพ่อ เพื่อทำหน้าที่ของเขาให้สำเร็จ

แต่เธอไม่สนใจจะไปโน้มน้าวหรือขัดขวางแล้ว จึงทำได้แค่พยักหน้าและเดินจากไป

……

ตอนที่คนขับรถที่เคร่งขรึมส่งฉินซีที่บ้าน ขอบฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว

ฉินซีขอบคุณและลงรถมา เดินมาถึงหน้าประตูบ้านของตัวเอง เริ่มหากุญแจบ้านก่อน และหยุดมือลง ก่อนจะลองผลักประตูเข้าไป

สบายใจขึ้นมาหน่อย ประตูล็อกอยู่ เหยาหมิ่นไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ

ในที่สุดเธอใช้กุญแจเปิดประตู ขณะที่เตรียมจะย่องกลับไปในห้องนอนตัวเอง พอเงยหน้าดู ก็พบว่าเหยาหมิ่นนั่งอยู่บนโซฟา

ฉินซีถูกเงาคนที่อยู่บนโซฟาทำให้ตกใจ และหลุดพูดออกมาว่า : “แม่? ทำไมคุณถึงไม่นอนอีกแล้ว?”

เหยาหมิ่นจ้องมองเธออยู่นาน และพูดขึ้นทันทีว่า : “คุณ…เพิ่งจะกลับมาหรือ?”

ฉินซีไม่คิดจะโกหก จึงพยักหน้าเบาๆ : “ญาติของเพื่อนเกิดเรื่องขึ้น ก็เลยไปช่วยดู”

เหยาหมิ่นดูเหมือนจะสนใจเรื่องของเธอขึ้นมาทันที จึงถามต่อว่า : “เพื่อน? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ท่าทางดุๆ ของเธอนั้นเห็นได้น้อยมาก ฉินซีอดขมวดคิ้วไม่ได้ : “เพื่อนที่คุณไม่รู้จัก”

เหยาหมิ่นกลับจ้องมองเธอ

บรรยากาศเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

สุดท้ายเหยาหมิ่นก็ทนไม่ได้ขึ้นมาก่อน

“เมื่อวาน…ฉันนอนไม่หลับ จนกระทั่งดึกดื่นเที่ยงคืนก็ยังนอนไม่หลับ ก็เลยยืนรับลมอยู่ที่ระเบียง” เหยาหมิ่นกล่าว “ฉันไม่ได้ยินเสียงตอนเธอออกไป แต่…แต่เห็นเงาเธอเดินลงไป”

ฉินซีกระตุกคิ้ว

เธอคิดไม่ถึงว่าเหยาหมิ่นจะยังไม่นอน และยังเห็นภาพเธอขึ้นรถไปอีก

เหยาหมิ่นเห็นสีหน้าของฉินซีที่เปลี่ยนไป ก็รู้แล้วว่าเธอเข้าใจความหมายของตัวเอง จึงพูดต่อไป : “ฉันยังได้ยิน…ผู้หญิงห้องตรงข้ามนั้นคุยกับคุณ”

เมื่อคืนฉินซีมีเรื่องให้คิดวุ่นวายใจมากมาย ไม่มีกระจิดกะใจจะไปจดจำคำพูดของผู้หญิงคนนั้น จำได้แค่คร่าวๆ เขาน่าจะหมายความว่าตัวเองออกไปขายตัว

ฉินซีไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ จึงพูดออกไปมาลวกๆ ว่า : “ผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบฉัน เธอจะพูดอะไร จะไปสนใจทำไม?”

เหยาหมิ่นยิ้มกลุ้มๆ : “แต่…นี่ก็เป็นปัญหาของฉันเหมือนกัน ฉินซี หลังจากเห็นเธอเดินไป ฉันก็ไปดูที่ห้องของเธอว่าฉันดูผิดรึเปล่า แต่ห้องคุณว่างเปล่า มีเพียงแสงจากคอมพิวเตอร์”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นมาทันที

เมื่อคืนเธอมีเรื่องให้คิดวุ่นวายใจมาก เลยไม่ทันระวัง คอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ปิด

หน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏอะไรขึ้นมา?

เธอจำไม่ได้ขึ้นมาชั่วขณะ

เป็นอะไรที่สำคัญรึเปล่า?

ไม่รอให้ฉินซีคิดขึ้นมาได้เอง เหยาหมิ่นจึงพูดต่อว่า : “ฉันเห็นประวัติการใช้เงินในบัญชีของคุณ ฉินซี เมื่อคืนและคืนนี้มีเงินจำนวนมากเข้ามาในบัญชีของคุณ คุณรู้ไหม?”

ตอนที่เธอพูดเรื่องนี้ออกมาดูยากเล็กน้อย เหมือนกำลังพูดเรื่องอะไรที่น่าอับอาย

ฉินซีตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

เมื่อวานเธอตรวจสอบบัญชี ไม่มีเงินเข้ามาผิดปกติเลยสักนิด…

ไม่สิ! มีเงินจากองค์กรโอนเข้ามา100,000

หรือว่าจะเป็นจ้านเซินโอนเข้ามา

เงินเมื่อคืนนี้ อาจจะเป็นของเขาด้วย

เพราะเธอไปช่วยฟางฟางเมื่อคืน เพราะคืนนี้รบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ ฉินซีเข้าใจตรรกะที่จ้านเซินทำแบบนี้ได้

และสำหรับจ้านเซินแล้วเงิน100,000ไม่มากอะไรเลย ดังนั้นฉินซีจึงไม่ได้สนใจอะไร

คิดไม่ถึงว่าในสายตาของเหยาหมิ่นจะมีความหมายอื่นซ่อนอยู่

ฉินซีไม่รู้จะอธิบายยังไงขึ้นมาทันที

จริงแล้วเธอไม่กลับมาบ้านมาสองคืนติด เงินถูกโอนเข้ามาตอนกลางคืน ไม่มากไม่น้อย เป็นตัวเลขที่น่าอึดอัดกำลังดี

ถ้ามองจากสายตาของคนอื่น ก็จะเข้าใจผิดได้ง่าย

รวมกับการใส่ไฟของผู้หญิงห้องตรงข้าม เหยาหมิ่นเริ่มสงสัยว่าเธอจะออกไปขายตัวใช่ไหม และก็ไม่ใช่ข่าวโคมลอย

แต่ฉินซีกลับไม่รู้จะอธิบายความจริงกับเธอยังไง

เพราะเกี่ยวข้องกับองค์กร

ถึงแม้เธอจะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎขององค์กรมากมาย แต่เคารพกฎการเก็บความลับขององค์กรมาโดยตลอด

ส่วนหนึ่งเพราะทุกการเคลื่อนไหวของเธออยู่ภายใต้การเฝ้าดูขององค์กร จึงไม่กล้าเปิดเผยสถานะของตนเองตามใจ อีกส่วนหนึ่งเพราะการเก็บความลับดีต่อองค์กร ดีต่อตัวเธอเอง มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย

ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่กลับมีเทคโนโลยีและเงินทุนจำนวนมาก

องค์กรแบบนี้ ย่อมเป็นที่ต้องการของคนจำนวนมาก

ไม่เปิดเผยตัวเอง เป็นการปกป้องตัวเองอย่างหนึ่ง ถ้าเกิดโดนเปิดเผย ไม่ต้องคิดก่อนว่าองค์กรจะจัดการอย่างไร เกรงว่าเหยาหมิ่นเองก็จะลำบากและเกิดอันตรายไปด้วย

ดังนั้นต่อให้เผชิญหน้ากับความเข้าใจผิดของเหยาหมิ่น เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท