Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1175

ตอนที่ 1175

บทที่ 1175 ผ่านการโดนแตะแล้ว

หลินยี่ทำเสียงกิ๊กิ๊ แต่เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับคำพูดของลู่เซิ่น

เขาเข้าใจความรู้สึกของลู่เซิ่นดี ถ้าเขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับลู่เซิ่น กลัวว่าจะทำอะไรที่รุนแรงกว่านี้เป็นแน่

แต่วันนี้เขามาที่นี่เป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่มาเป็นถังขยะให้ลู่เซิ่น ฟังเขาบ่น

——อย่างน้อยก็ได้มาเป็นเพื่อนคู่คิด!

ดังนั้นเขากระแอมเสียงใส หันไปหาลู่เซิ่น:“ นายสรุปหลักฐานเบาะแสต่างๆให้ฉันฟังอีกรอบสิ๊?ฉันจะช่วยคิดอีกแรง”

ขนาดจดหมายที่ฉินซีทิ้งไว้ก็อ่านแล้ว ลู่เซิ่นไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรหลินยี่แล้ว ประโยคสั้นๆสองสามประโยค

เขาพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟังรอบนึง

หลินยี่ฟังจบ ก็ไม่ได้พูดอะไร

……เรื่องนี้ ซับซ้อนกว่าที่คิดไว้เยอะ

เขาหัวเราะแห้งไปสองครั้ง แล้วทวนคำพูดของตัวเองอีกครั้งนึง:“ ภรรยาของนายนี่ความคิดดีจริงๆ”

ลู่เซิ่นฟังแล้วก็ดูออกว่าเขาไม่มีไอเดีย แต่ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีนัก ขี้เกียจเถียงกับเขาละ เพียงแค่กลอกตาของเขาอย่างเงียบๆ

“ถ้าอยู่เมืองหนาน ฉันยังสามารถให้องค์กรหยินเฟิงตรวจสอบให้” หลินยี่เมินใส่ลู่เซิ่น ดูจะไม่พอใจ

“แต่ประเทศFนี้ เป็นดินแดนของนาย นายยังปล่อยให้ฉินซีหายตัวไปได้ งั้นฉันก็ช่วยอะไรนายไม่ได้จริงๆ”

ลู่เซิ่นปัดมือให้เขาหุบปาก

หลินยี่หัวเราะ แต่ก็พยายามกลั้นยิ้มไว้ หยุดไปสักพักจึงเอ่ยปากพูด:“ ฉันรู้ ว่านายไม่เชื่อที่ฉินซีจากไปด้วยตัวเองแน่นอน แต่ว่า……ดูจากข้อมูลที่นายให้ฉัน ความเป็นไปได้ที่เธอจะจากไปด้วยตัวเองนั้นก็มีไม่น้อย นาย……เตรียมตัวเตรียมใจเถอะ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร แล้วเอามือกุมหน้าผาก เวลาสักพักกว่าจะเอ่ยปากพูด:“ แน่นอนฉันรู้ดี”

อันที่จริงเขาก็เตรียมใจไว้แล้ว ไม่ว่าตอนสุดท้ายจะพบตัวฉินซี แล้วเธอจะให้เหตุผลในการหนีหายไปยังไงก็ตาม เขาพร้อมยอมรับกับทุกสิ่งทุกอย่าง

ขอแค่พบตัวเธอ ขอแค่เธอปลอดภัย นอกนั้นเขาก็ยอมรับได้ทุกอย่าง

หลินยี่มองเขาที่ดูหดหู่ไปทั้งตัว ก็ไม่อยากจะไปพูดกระตุ้นอะไรให้แย่ไปกว่านี้แล้ว ทำได้เพียงตบไหล่เขา

ลมพัดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง พัดจนจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นหล่นลง

กระดาษเบาบางแผ่นหนึ่ง แต่มันกลายเป็นปมที่คนสองคนไม่สามารถเข้าใจกันได้

ลู่เซิ่นนั่งลงที่เดิม มองกระดาษแผ่นนั้นปลิวตกลงไป และไม่มีวี่แววที่จะเก็บมันขึ้นมา

สุดท้ายก็เป็นหลินยี่ที่บาดเจ็บอยู่ถอนหายใจ ก้มตัวลงไปเก็บมันขึ้นมาอย่างทุลักทุเล

ท้องของเขาได้รับบาดเจ็บ ลำบากไม่น้อยสำหรับการที่ก้มลงไปแบบนี้ ฉะนั้นเสียเวลามากนิดหน่อย

จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา เขานำจดหมายวางคืนบนโต๊ะ และนำแก้วทับไว้ มองไปที่จดหมายนั้นอีกครั้ง เอ่ยปากพูด:“ ทำไมกระดาษบ้านนาย เล็กกว่า A4 ขนาดปกติล่ะ?นายฉีกมันหรอ?”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว:“ ฉีกอะไร?ฉันไม่ได้ทำอะไรกับจดหมายฉบับนั้นเลย”

หลินยี่เลิกคิ้ว เอาจดหมายนั้นออกมา แล้วหยิบกระดาษเปล่าจากบนโต๊ะนั้น ยื่นให้ลู่เซิ่นพร้อมกัน:“ นายดูเองละกัน เห็นได้ชัดว่าขนาดเล็กกว่า1ส่วน”

ความสนใจจดจ่อของลู่เซิ่นเมื่อวานนั้นอยู่ที่เนื้อหาของจดหมายที่ฉินซีทิ้งไว้ให้ กลับไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลย พอหลินยี่ทักเท่านั้นแหละ พึ่งจะมาสังเกตจุดนี้

อันที่จริงเขาจะไม่สังเกตเห็นเป็นเรื่องปกติที่ ท้ายสุดก็ต้องเปรียบเทียบจริงๆ จดหมายที่ฉินซีทิ้งไว้นั้นสั้นกว่ากระดาษขนาดปกติประมาณหนึ่งเซนติเมตรบวกลบ ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตาอันแหลมคมของหลินยี่ น้อยคนนักที่จะเห็นความแตกต่างจุดนี้

ลู่เซิ่นนั่งหลังตรง ดูจดหมายนั้นอย่างละเอียด หลายวินาทีผ่านก็พบว่า ขอบล่างของจดหมายนั้น มีร่องรอยการถูกมีดกรีดซ้ำ

ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

ทำไมถึงถูกตัดตอนช่วงท้ายล่ะ?

จดหมายฉบับนี้ของฉินซีสั้นมาก น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกระดาษด้วยซ้ำ แล้วทำไมต้องตัดกระดาษในช่วงเซนติเมตรสุดท้ายด้วยนะ?

และ……ลู่เซิ่นมองไปรอบๆ โต๊ะทำงานในห้อง

บนโต๊ะก็ไม่เห็นมีมีดที่แหลมคมบางพอที่จะตัดได้

ถ้าฉินซีจะเขียนอะไรบางอย่างและเสียใจแบบนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกฉีกออกด้วยมือเปล่า

หากฉินซีมีความคิดที่จะหามีดเล็กจากที่อื่นเพื่อตัดออก……ตามนิสัยของฉินซี เธอกลัวที่จะต้องเขียนใหม่

ดูเหมือนว่า เศษกระดาษที่หายไปส่วนนี้ ดูเหมือนจะเป็นกุญแจสำคัญ

หลินยี่เอาจดหมายนั้นไปดูอีกครั้ง สะบัดๆ จู่ๆก็พูดว่า:“ นายดู!ถ้าจดหมายนี้พับครึ่งไว้ มันจะไม่พอดี”

ลู่เซิ่นหันไปมองจริงๆซะด้วย จึงพับกระดาษตามรอยเดิมที่พับไว้ ระหว่างสองขอบนั้น มันต่าง1เซนติเมตรบวกลบพอดี

……นี่อาจเป็นความคืบหน้าใหม่!

ลู่เซิ่นนำจดหมายกลับมาอีกครั้ง ดูซ้ายขวาอย่างละเอียดอีก

“ถ้านี่เป็นขอบของหลังจากการพับครึ่ง……งั้นก็พอเข้าใจได้” ลู่เซิ่นพูดช้าๆ “อาจเพราะหลังจากเธอเขียนเสร็จแล้วพับ แล้วคิดว่าอะไรคือสิ่งที่อยากให้ฉันเห็นเป็นสิ่งแรก ดังนั้นจึงเขียนไว้ด้านนอกสุด”

หลินยี่พยักหน้าเห็นด้วย:“ แน่นอน นี่เป็นความเคยชินของคนส่วนใหญ่”

“แต่ว่า ปัญหาตอนนี้กลับกลายเป็นว่า เธอเขียนอะไร แล้วทำไมถึงหายไป?”

ลู่เซิ่นจ้องไปที่ความผิดปกติของ1เซนติเมตรนั่น ตอนที่ถามคำถามนี้ออกไป ก็มีคำตอบในใจแล้ว

——ส่วนมากก็เกี่ยวข้องกับผู้บุกรุก

หากจดหมายนี้ถูกคนแก้ไขมาก่อนหน้านี้แล้ว……

ลู่เซิ่นใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย

อย่างน้อยก็เป็นการบอกว่า การจากไปของฉินซีนั้น ไม่ได้เจตนาหนีหายไปด้วยตัวเอง

“อีกอย่าง……ประโยคของตรงนี้ ฉันดูทั้งคืน แต่ก็ดูไม่เข้าใจ” ลู่เซิ่นคิดถึงตรงนี้ เปิดจดหมายออก ชี้ไปที่ประโยคๆหนึ่ง “รอคอยครั้งสุดท้ายที่จะได้โทรหาคุณ”

หลินยี่ยื่นหน้าเข้ามาดูด้วย พูดอย่างงงๆว่า:“ ประโยคนี้ดูไม่เข้าใจตรงไหน?”

ลู่เซิ่นส่ายหัว:“ วันนั้น ฉันยังไม่ได้คุยจริงจังกับเธอมากนัก”

หลินยี่คิ้วขมวดตามทันที

“อาจจะเพราะ……ตอนที่เธอเขียนจดหมายฉบับนี้ กำลังจะบอกฉันบางอย่างในวีดีโอคอล” ลู่เซิ่นพูดช้าๆ เหมือนกับว่ากำลังวิเคราะห์อะไรบางอย่าง “พ่อบ้านก็บอกอยู่ วันนั้น เธอมีอาการผิดปกติ ฉินซีไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะมาอำลาคนอื่นแบบนี้ คงเตรียมการไว้แล้ว จะบอกลาฉันผ่านวีดีโอคอล จึงเขียนประโยคนี้ลงไป”

ลู่เซิ่นคิดถึงผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอีกครั้ง แสงสว่างวาบเข้ามาที่สมอง พูดเร็วขึ้น:“ แต่คราวนี้……เวลานี้มีผู้บุกรุกเข้ามาในบ้าน ใช้วิธีอะไรบังคับเธอ หรือวางยาเธอ ทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วพูดโกหกกับพ่อบ้าน จากไปโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง”

หลินยี่ที่กำลังฟังอยู่ พยักหน้าไม่หยุด:“ ฟังแบบนี้แล้ว……ดูสมเหตุสมผลขึ้น ส่วนข้อขัดแย้งพวกนั้น ก็สามารถอธิบายได้แล้ว”

ลู่เซิ่นลุกขึ้นยืน:“ หากสามารถหาสิ่งที่เขียนในประโยคด้านบนที่ขาดหายไป ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานได้!

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท