Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1238

ตอนที่ 1238

บทที่ 1238 สละงานแต่งงานของตัวเอง

แต่เมื่อมองไปที่ฉากนี้ในตอนนี้ ลู่เหวยก็รู้สึกถึงความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วว่า ลู่เซิ่นยังคงเป็นเด็กน้อยที่ต้องการให้ตนแบกเขาไว้บนบ่าเมื่อนานมาแล้ว

“แกเข้าใจเหตุผลหรือยัง ว่าทำไมฉินซีถึงจากไป” ฝ่ามือที่ผ่อนคลายของลู่เหวยวางอยู่บนไหล่ของลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นส่ายหน้า “ผม….ไม่รู้”

ลู่เหวยหรี่ตามอง แล้วพูด “แกจำได้ไหม ตอนที่แกบอกว่าจะปล่อยข่าวแต่งงานกับเวินจิ้ง ฉันพูดอะไรออกไป”

ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นมองลู่เหวยอย่างงุนงง จากนั้นสีหน้าของเขาก็ค่อยๆชัดเจน

“พ่อบอกว่า … ถ้าฉินซีรู้…” ลู่เซิ่นพึมพำ ดวงตาของเขาค่อยๆคมขึ้น “เป็นไปได้ไหม ที่ฉินซีจะรู้”

การแสดงออกของลู่เหวยก็ไม่ได้ผ่อนคลายขนาดนั้น เขามองไปที่ลู่เซิ่นอย่างจริงจัง “ถ้าแกคิดเรื่องนี้ดีๆ แกว่าเป็นไปได้ไหมล่ะที่เธอจะรู้”

ลู่เซิ่นรวบรวมความคิดของเขาไปที่ความทรงจำในอดีต จากนั้นก็ส่ายหัวช้าๆ “มีคนวงในรู้เรื่องนี้ไม่มากนัก แถมคนที่เกี่ยวข้องกับฉินซียิ่งน้อยเข้าไปอีก แทบจะ….เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะรู้….”

แม้ว่าเขาจะคิดอย่างนั้น แต่ลู่เซิ่นก็รวบรวมเบาะแสที่เขาเจอในอดีต และทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าแนวทางที่ลู่เหวยเสนอนั้น ดูเหมือนจะเป็นไปได้

ฉินซีเริ่มผิดปกติ หลังจากที่เขาแสดงความตั้งใจว่าจะแต่งงานกับเวินจิ้งไม่นาน และก่อนที่เขาจะพาเวินจิ้งกลับมาเธอก็จากไป…

ลู่เซิ่นไม่เชื่อในเรื่องบังเอิญ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เหมาะเจาะขนาดนี้

แต่….ใครจะบอกเธอทั้งหมดนี้

ตอนนี้ลู่เซิ่นอยู่ในอารมณ์สับสน ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะสงบสติอารมณ์และวิเคราะห์ทีละคนได้ เขาจึงข้ามเรื่องนี้ไป และคิดถึงเรื่องที่อยู่ตรงหน้าเขาแทน

ถ้าฉินซีทิ้งเขาไปเพราะเหตุนี้จริงๆ แล้วตอนนี้สิ่งที่เขาทำอยู่….จะไปผลักให้ฉินซีไปไกลกว่าเดิมหรือ

มือของลู่เซิ่นกำแน่นโดยไม่รู้ตัว

เมื่อลู่เหวยเห็นท่าทางต่างๆของลู่เซิ่น เขาก็พอจะเดาอะไรในใจได้ เมื่อเห็นอารมณ์ของเขาเย็นลงแล้ว จึงเปิดปากพูด “งั้นที่ประกาศแต่งงานโครมๆนี่ ก็เพื่อให้ฉินซีกลับมาใช่ไหม”

ลู่เซิ่นพยักหน้าช้าๆ

ลู่เหวยเกือบจะหัวเราะเยาะเขา “ลู่เซิ่น! แกคิดว่าการแต่งงานเป็นสิ่งที่สามารถเอามาเป็นข้อต่อรองได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

ลู่เซิ่นแสดงสายตามึนงงออกมา “แต่พ่อ ผมคิดทุกวิธีที่คิดได้แล้ว ผมตามหาเธอมาสามเดือน แต่ฉินซีไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย ผมก็เลยต้องลอง……”

ลู่เหวยยังคงโกรธอยู่ แต่หลังจากเห็นสภาพของลู่เซิ่น เขาก็ถอนหายใจ “ฉันไม่คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีสำหรับแกที่จะทำอย่างนี้ ถ้าแกทำอย่างนี้ นอกจากจะทำให้ฉินซีไม่กลับมาแล้ว ยังทำให้เธอไปไกลกว่าเดิม อย่างนั้น…คนที่จะเสียใจทีหลัง ก็จะมีแค่แกคนเดียว”

ลู่เซิ่นแสดงออกอย่างมั่นคงขึ้น

“พ่อ” เขาหันหน้าไปมองลู่เหวย “แต่ถ้าฉินซีปรากฏตัวขึ้น ผมจะอธิบายทุกอย่างให้เธอฟัง และแก้ปัญหาความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ของเธอ ผมแค่ต้องการโอกาส ยังไงก็ได้ให้ผมเจอเธอ”

ลู่เหวย และเขามองหน้ากันเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ยอมแพ้และถอนหายใจเบาๆ

“ยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิมเกี่ยวกับการกระทำนี้”

แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น เขาก็ไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ลู่เซิ่นล้มเลิกความคิดของเขา

เขาเข้าใจความปรารถนาของลู่เซิ่นที่จะให้ฉินซีกลับมาหาเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหยุดมันได้

เพียงแค่เขาจะไม่มีทางเห็นด้วยกับแนวทางที่ลู่เซิ่นเลือกก็เท่านั้น

เมื่อเขาเดินไปที่ประตูห้องรับรอง และกำลังจะออกไป เสียงของลู่เซิ่นก็ดังขึ้น

“พ่อจะไม่บอกแม่ใช่มั้ย”

ลู่เหวยยิ้มอ่อนๆ “ไม่ต้องกังวล แม่ของแกจะรู้แค่ว่า แกไม่ลังเลที่จะสละชีวิตไปแต่งงาน เพื่อกำจัดผู้คัดค้าน”

ลู่เซิ่นพูดอย่างแผ่วเบา “…ให้เธอคิดอย่างนั้นเถอะ”

ลู่เหวยไม่พูดอะไรอีก เขาเปิดประตูแล้วเดินออกไป

สูหยิงรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน เมื่อเห็นลู่เหวยออกมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่บอกฉันสักอย่าง”

ลู่เหวยยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก แค่ผู้ชายตระกูลลู่คุยกันก่อนจะแต่งงานน่ะ”

เมื่อสูหยิงได้ยินดังนั้นเธอจึงโบกมืออย่างไม่สนใจ และพยักหน้าไปทางห้องรับรอง “ลู่เซิ่นล่ะ ทำไมยังไม่ออกมา”

ทันทีที่เธอพูดจบลู่เซิ่นก็เปิดประตู และเดินออกไป

ใบหน้าของเขาก็ดูไม่ดีเช่นกัน สูหยิงพึมพำเสียงต่ำ “คำสอนของตระกูลลู่ของคุณเป็นบ้าอะไร ทำไมมันถึงน่ากลัวขนาดนี้”

แต่เธอไม่ใช่คนที่ชอบเสียเวลาเปล่า เมื่อเห็นลู่เซิ่นออกมา เธอก็ถามว่า “ลูกคิดจะไปปรากฏตัวต่อพวกอาสามยังไง”

ตอนนี้หัวของลู่เซิ่นเต็มไปด้วยฉินซี แต่เขาไม่สามารถที่จะแสดงมันต่อหน้าสูหยิงได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงดึงสติกลับมา และตอบสนองเธอ “พรุ่งนี้ผมต้องแถลงข่าวแต่งงานอย่างเป็นทางการ”

เขาพูดแค่นี้ก็ไม่ได้พูดต่อ

สูหยิงรออยู่ไม่กี่วิ จากนั้นก็หันหน้าไปมองเขาโดยไม่รออีกต่อไป “แถลงแล้วยังไงต่อ”

ลู่เซิ่นยิ้มจางๆ “เมื่อถึงเวลาแม่จะรู้เอง”

สูหยิงหยักริมฝีปากขึ้น “ฉันรู้แค่ว่าอุบไว้”

แม้ว่าเธอจะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็ยังไม่ได้ถามอะไรอีก

ลู่เซิ่นได้ดูแลตระกูลลู่มาหลายปีแล้ว เนื่องจากเขามีความคิดของตัวเองอยู่แล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องรายงานให้คนอื่นทราบ

ทั้งสามคนคุยกันสักพัก ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลง สูหยิงจึงพูดว่า “คืนนี้ลูกไม่ได้สังสรรค์ใช่ไหม กลับมากินข้าวที่บ้านตระกูลลู่สิ”

ที่จริงเธอรู้มาแต่แรกว่าลู่เซิ่นมักจะอยู่ที่บ้านเดิมของตระกูลลู่ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องกังวลที่จะพูดเรื่องนี้

และลู่เซิ่นก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างเป็นธรรมชาติ

สูหยิง และลู่เหวยเพิ่งกลับมาประเทศ F ในขณะที่หลินยี่ และเวินจิ้งก็ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลลู่

เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก ลู่เซิ่นจึงรู้สึกว่าเขายังจำเป็นต้องอยู่ในเหตุการณ์

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เมื่อเขา กับพ่อแม่ของเขาอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน เขาก็รู้สึกว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้องจริงๆ

เห็นได้ชัดว่าสูหยิงไม่ชอบเวินจิ้ง คางของเธอยกสูง ดวงตาของเธอแสดงความรังเกียจ แต่เพราะบุญคุณที่หลินยี่ช่วยชีวิตของเขาไว้ เธอจึงไม่ได้ว่าอะไรเวินจิ้งต่อหน้าเขา

แต่หลินยี่ก็สังเกตเห็นความไม่พอใจในดวงตาของสูหยิง เขาเป็นคนประคบประหงมน้องสาวมาโดยตลอด เมื่อ

เห็นดวงตาของสูหยิง ร่างกายของเขาก็มีรังสีอันตรายออกมาทันที

นี่เป็นครั้งแรกที่เวินจิ้งได้พบกับลู่เหวย และสูหยิง แม้เธอจะสุภาพมาก แต่เธอก็รู้สึกถึงความไม่พึงพอใจจาก

สูหยิงที่แผ่ออกมาทั่วร่างกายของเธอได้ แต่เธอไม่ได้จะแต่งเข้าบ้านตระกูลลู่จริงๆ ดังนั้นเธอจึงได้แต่หัวเราะกับความไม่พอใจของสูหยิง

ลู่เหวยยืนอยู่ข้างหลังสูหยิง และมองไปที่คนทั้งสองที่อยู่ตรงข้ามเขาอย่างเย็นชา

พูดอย่างเป็นกลางเวินจิ้งก็ไม่เลวเลย แต่เขาเป็นคนที่รู้ว่าลู่เซิ่นจะทำอะไรได้ดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่มีความรู้สึกแบบลูกสะใภ้ต่อเวินจิ้ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท