Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1284

ตอนที่ 1284

บทที่ 1284 ทำไมไม่ตามเธอไป

กระทั่งหลินยี่เข้ามาหา ลู่เซิ่นยังคงยืนพิงประตูเหมือนเดิม คล้ายกับไม่ได้เคลื่อนไหวเลย

“ไปแล้วหรือ” หลินยี่ถามอย่างเข้าใจทุกอย่าง

ลู่เซิ่นไม่ตอบคำถามของเขา ไม่แม้แต่จะมองเขาสักนิด ใบหน้าเย็นชาเดินเข้าไปในห้อง

“เข้าไปทำไม” หลินยี่ยื่นมือไปขวางเขา “นายพูดว่าผมตกลงแล้ว ต่อไปยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้นายแก้ไขปัญหาอยู่นะ”

ลู่เซิ่นสีหน้ารำคาญ แต่ไม่พูดตอบโต้อะไร

“ฉันรู้ ตอนนี้นายอารมณ์ไม่ดี” หลินยี่หยุดนิดหนึ่ง เดินไปข้างลู่เซิ่น ยื่นมือไปตบไหล่เขา “ในเมื่ออาลัยอาวรณ์ขนาดนี้ ทำไมนายปล่อยให้เธอไปล่ะ”

ลู่เซิ่นเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ยังคงเงียบ

หลินยี่คิดอยากจะเป็นพี่ใหญ่รู้ใจ ไม่รบเร้าให้ลู่เซิ่นลงไปร่วมงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส เดินเข้าไปในห้องลู่เซิ่น นั่งลงที่โซฟา ค่อยเงยหน้ามองลู่เซิ่นที่ยังนั่งอยู่เหมือนเดิม ถามย้ำอีกรอบ “เสียดายขนาดนี้ ทำไมไม่ตามเธอไปล่ะ”

ลู่เซิ่นจ้องมองหลินยี่ครู่หนึ่ง มุมปากเหยียดตรง แต่สุดท้ายก็เดินมานั่งลงตรงหน้าหลินยี่

“ถ้ามีหนทาง ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่” สายตาลู่เซิ่นเย็นชา “แม้แต่ตอนที่รอฉินซีในโบสถ์ ในหัวฉันมีแค่ความคิดเดียว จะต้องทำวิธีไหนถึงจะรั้งเธอไว้”

หลินยี่มองเขา เข้าใจทุกอย่าง

เขาไม่มีหนทางรั้งตัวฉินซีไว้

เธอรู้ดีกว่าใคร ถ้าเธออยู่ที่นี่ต่อ จะต้องทำให้บริษัทลู่ซื่อกับองค์กรปะทะกัน ถ้าหากตาต่อตาขึ้นมา คงจะต้องพังกันทั้งคู่

เธอไม่มีทางเป็นห่วงองค์กร แต่ไม่มีทางยอมสร้างความลำบากมากขนาดนั้นให้ลู่เซิ่นแน่นอน

แม้ว่าเธออยากจะอยู่เคียงข้างลู่เซิ่นมากแค่ไหน แต่ก็ทำไม่ได้

แต่ความคิดของลู่เซิ่นไม่ใช่อย่างนี้

คืนวาน ตอนที่ฉินซีสารภาพกับเขา เขายังคิดว่าตัวเองจะนิ่งพอที่จะเผชิญหน้ากับการจากลาได้

แต่ขณะที่ฉินซีจะไปจริงๆ เขากลับพบว่าตัวเองอยู่ห่างไกลจากความรู้สึกสบายๆ อย่างที่เคยคิดไว้

“งั้นนาย…” หลินยี่อดไม่ได้ที่จะถาม

ลู่เซิ่นส่ายศีรษะ “แต่ฉันทำไม่ได้”

หลินยี่สีหน้าประหลาดใจ “ทำไมล่ะ”

ใบหน้าลู่เซิ่นฉายความเย็นชาแวบหนึ่ง “ถ้าฉินซีอยู่ต่อ พวกเขาจะต้องลงมือกับฉินซีแน่”

หลินยี่อึ้งไป “แต่ฉินซีเป็นคนของพวกเขานะ…”

พูดยังไม่ทันจบ เขาก็ตระหนักถึงความจริงขึ้นมา

ในองค์กรของหลินยี่เอง คนที่ทรยศองค์กร จะต้องถูกลงโทษ

ถ้าพูดว่าไม่ให้ฉินซีไปนั่นหมายถึงเธอทรยศองค์กร นั่น…เป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาเริ่มเข้าใจการกระทำของลู่เซิ่นขึ้นมาบ้าง

แต่ลู่เซิ่นไม่ได้พูดความจริงกับหลินยี่ทั้งหมด

ในหัวของเขานึกย้อนไปถึงข้อความสั้นในมือถือของตัวเอง

ข้อความสั้นที่ถังย่าเป็นคนส่งมา เวลาส่งคือตอนที่เขารอฉินซีในโบสถ์พอดี

ข้อความนั้นสั้นกระชับมาก แต่ทำให้เขาเย็นวาบไปทั้งตัว

“ที่ข้อมือขวาของฉินซีมีสมาร์ทชิป สามารถควบคุมระยะไกลได้ ตำแหน่งอยู่ใกล้ชีพจร”

ข้อความมีเพียงเท่านี้ ไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่พูดทุกอย่างที่ต้องการหมดแล้ว

ชิปใกล้ชีพจร…

เมื่อควบคุมแล้ว จะกลายเป็นอย่างไร

ลู่เซิ่นไม่กล้าคิด

แต่เขาแน่ใจได้ ถังย่าส่งข่าวนี้ให้เขา เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับความปลอดภัยของฉินซีเป็นแน่

แต่ทำไมฉินซีไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้…

สัญชาตญาณของลู่เซิ่นรู้สึกว่า ตัวเธอเองไม่แน่จะรู้ว่า ในร่างกายตัวเองมีของอันตรายอย่างนี้

ข้อความสั้นนั้นทำให้เขาไม่วู่วาม และทำให้เขาไม่เลือกใช้วิธีการใดๆ รั้งตัวฉินซีไว้

เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม จึงไม่ได้บอกเรื่องความลับในตัวเธอกับฉินซี

“เธอบอกมั้ย จะกลับมาตอนไหน” หลินยี่ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นกำลังคิดอะไร ได้แต่ถามเขา

ลู่เซิ่นส่ายหน้า “ไม่ได้บอก”

ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้ถาม

ในเมื่อตอนนี้เขารู้สถานการณ์ของฉินซีแล้ว ถ้าบังคับถามเธอ ถ้าเธอต้องเสี่ยงปรากฏตัว เพื่อมาพบกับเขา จะอันตรายแค่ไหน

ทุกอย่างมีความปลอดภัยของฉินซีเป็นเงื่อนไขอันดับแรก

เขาจึงไม่กล้าสร้างแรงกดดันให้ฉินซี แม้ว่าในใจตัวเองจะต้องเจ็บปวดเป็นทุกข์ ก็แสดงออกมาไม่ได้

เขาไม่ได้พูดออกมา แต่หลินยี่สนิทสนมกับเขามานานปี ความลำบากใจของเขาที่เก็บซ่อนไว้ หลินยี่ดูเหมือนจะมองเห็นชัดเจน

สุดท้ายแล้วหลินยี่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ถอนหายใจเบาๆ ลุกขึ้น ตบบ่าเขาเบาๆ

คำพูดปลอบใจไม่มีประโยชน์ หลินยี่รู้ดี สิ่งที่เขาจะทำได้นั้น แทบไม่มี

คนหนึ่งนั่งคนหนึ่งยืนเงียบๆ กระทั่งพ่อบ้านมาเคาะประตู

“คุณชายลู่” พ่อบ้านก้มหน้า “คุณผู้หญิงให้คุณ…ลงไปข้างล่างครับ”

น้ำเสียงของเขานอบน้อมมาก แต่ท่าทางเขาบอกชัดเจน ถ้าลู่เซิ่นไม่ลงไป เขาก็จะไม่ออกไป

ลู่เซิ่นไม่มีทางอื่น ได้แต่สบตากับหลินยี่ ลุกขึ้นยืน เดินตามพ่อบ้านออกไป

แขกเหรื่อมากมาย บ้านตระกูลลู่จึงเปิดชั้นหนึ่งของบ้านใหญ่และสนามหญ้าด้านนอก คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่คุยกันครึกครื้นที่ด้านนอก ส่วนคนที่รวมตัวกันในบ้านเป็นกลุ่มคนมีอายุ และตำแหน่งการงานใหญ่โต

บริษัทจัดงานฉลองสมรสจ้างวงดนตรีมืออาชีพ มาแสดงสดที่ด้านนอก เสียงกลองและดนตรีสนุกสนานดังเข้ามา คลอกับเสียงหัวเราะคึกคักของหนุ่มสาว

เมื่อไม่กี่นาทีก่อนในหูของลู่เซิ่นเสียงนี้ ยังเต็มไปด้วยความยินดี แต่ถึงตอนนี้ กลับยิ่งทำให้เขารำคาญ

“ลู่เซิ่น ทางนี้” เขาเพิ่งจะลงบันได ก็ได้ยินเสียงเรียกของสูหยิง

หลินยี่ส่งสายตาขอให้เขาโชคดี จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก

ลู่เซิ่นได้แต่สูดลมหายใจลึก ปรับอารมณ์ของตัวเอง เดินไปทางสูหยิง

“ยินดีด้วยค่ะๆๆ” ข้างสูหยิงคือพวกคุณนายไฮโซ ผู้หญิงหลายคนยกแก้วเหล้ามาทางเขา “ขอแสดงความยินดีกับประธานลู่เจ้าบ่าวหมาดๆ ค่ะ”

ลู่เซิ่นรู้สึกได้ แม้พวกเธอจะพูดกับเขา สายตากลับมองเขาสลับกับบนบันไดตลอด

พวกเธอกำลังมองหาใคร…ไม่ต้องพูดก็รู้

ลู่เซิ่นจึงไม่มีอารมณ์รับการแสดงความยินดี เขาไม่หยิบแก้วเหล้า เพียงแต่พยักหน้าให้พวกเธอ แล้วก็เดินหนีไป

สูหยิงย่อมไม่รู้ว่าเขากำลังกลุ้มใจเรื่องอะไร รู้สึกแต่ว่าเธอเสียหน้า รีบพยักหน้าขอโทษทุกคน แล้วตามลู่เซิ่นไป

“แกทำอะไร!” สูหยิงขมวดคิ้ว “นี่เป็นภรรยาของหุ้นส่วนแกนะ”

ลู่เซิ่นยิ้ม “แม่ พวกนั้นเป็นภรรยาตัวจริงหรือครับ”

สูหยิงถูกคำพูดของเขาอุดปาก ตอบคำถามไม่ถูก

เธอรู้ดีกว่าใคร พวกที่เรียกว่าภรรยา บางคนคือกิ๊ก บางคนคือบ้านรอง มีแค่ไม่กี่คน ที่เป็นบ้านใหญ่

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท