Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1292

ตอนที่ 1292

บทที่ 1292 แหวนแต่งงาน

ฉินซีรู้ ที่จ้านเซินพูดแบบนี้ ก็แปลว่าเขาผ่านบททดสอบของเขาแล้ว

เธอถอนหายใจเบาๆภายในใจด้วยความโล่งอก รู้ว่าตัวเองยังแสดงสีหน้าอะไรไม่ได้ทั้งนั้นตอนนี้ เธอจึงพยักหน้าเป็นนัยๆ ก่อนตอบรับ “ค่ะ”

จ้านเซินมองไปยังเธอ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ตอบรับตรงๆแบบนี้เลย?”

ฉินซียิ้มเย็นภายในใจ เธอไม่ตอบรับได้หรือ?

เธอลดระดับสายตา พูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “จริงๆแล้วไม่ควรเลี้ยงดูคนไร้ค่านะคะ”

จ้านเซินนิ่งไปนิด ก่อนหัวเราะออกมาเต็มเสียง

เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงโบกมือไปมาเท่านั้น

ฉินซีรู้ ว่าตัวเองควรพักผ่อนได้แล้ว เธอลุกขึ้นก่อนเดินตรงไปยังที่นั่งของตัวเอง

ด้วยความเครียดที่สะสม ทำให้พอหลับตาเธอก็จมลงสู่ห้วงนิทราทันที

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เครื่องบินก็ลงจอดแล้ว

ฉินซีเดินออกมาจากห้องเคบิน พลันกลิ่นความชื้นและกลิ่นเค็มของน้ำทะเลก็ลอยมาปะทะเข้าที่จมูกทันที ทันใดความรู้สึกที่ว่าตัวเองจากที่นี่ไปสองวันคล้ายจะเป็นเพียงแค่จินตนาการเท่านั้น

แต่เมื่อล้วงมือเข้าไปสัมผัสกับแหวนแต่งงานในกระเป๋าเสื้อ ฉินซีก็กล้ามั่นใจ ว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่ผลิตผลของจินตนาการจากสมองของเธอ

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ก็คล้ายกับว่าเธอได้เติมพลังความกล้าหาญเข้ามาในหัวใจ

เมื่อคืนวานเธอรู้สึกประหม่าเกินไป จึงไม่ได้สังเกตอะไร แต่เมื่อตอนนี้ได้ขบคิดอย่างละเอียดจึงได้ตระหนักรู้ถึงปัญหาที่สำคัญที่สุด — —

ในเมื่อจ้านเซินไว้ใจให้เธอทำภารกิจ นั่นหมายความว่า การกระทำของฉินซีในภายหลังจะไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป

ตราบใดที่เธอมีเหตุผลที่จะออกไปจากเกาะนี้ ภายหลังฉินซีจะออกไปไหน ก็เป็นเธอเองที่สามารถตัดสินใจได้

ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปในทิศทางที่ดี

เรื่องเข้าใจผิดระหว่างเธอกับลู่เซิ่นก็ได้ถูกแก้ไข จะได้จัดงานแต่งงานกับชายที่เธอรักตามใจปรารถนา พันธนาการจากองค์กรก็จะคลายลง คงจะได้เจอลู่เซิ่นง่ายกว่านี้

ฉินซีปลอบใจตัวเอง

กัดฟันทนไปอีกนิดเดียวเท่านั้น บางทีคงจะเห็นความหวัง

เมื่อกลับมาถึงเขตฐาน ดูเหมือนจ้านเซินจะถูกรายล้อมไปด้วยงานมากมายทันที ฉินซีดีใจที่จะได้ออกไปเอง

เมื่อปิดประตูห้องพักลง ฉินซีเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยสีหน้าสงบ

แต่เมื่อประตูห้องน้ำปิดลง ความสงบของเธอก็พลันสลาย เธอแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะหยิบแหวนแต่งงานขึ้นมา

เมื่อวานทุกอย่างดูเร่งรีบไปเสียหมด จนเธอไม่มีโอกาสที่จะหยิบมาดูดีๆ

แหวนแต่งงานของเธอดูเหมาะสมกับรสนิยมของฉินซีมาก มันดูเรียบง่ายทว่าสง่า แหวนวงเล็ก ตรงกลางประดับด้วยเพชรเม็ดงาม ส่องแสงระยิบแม้อยู่ในห้องน้ำ

ฉินซีลูบแหวนไปมา อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงฉากที่เขาสวมแหวนให้เธอ พลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนมุมปากงาม

ทันใด – เธอรู้สึกว่าปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงความเรียบไม่เสมอกันบนตัวแหวน

ฉินซีก้มลงไปสำรวจดูอย่างพินิจพิเคราะห์อย่างระมัดระวัง

รอยนูนที่ขึ้นลงเรียบเนียนไม่เสมอกันบนตัวแหวนนั้นมาจากที่ลู่เซิ่นสลักชื่อไว้บนแหวนนั้นนั่นเอง

ตัวอักษรสลักนั้นไม่มีอะไรแปลกใหม่ มีเพียงอักษรภาษาอังกฤษตัว L และ Q สองเท่านั้น อยู่แนบชิดใกล้กันราวกับว่า จะเป็นตัวแทนของคนสองคนที่อยู่ห่างกันพันไมล์

มุมปากของฉินซียกยิ้มกว้างกว่าเดิม ภายในใจไม่อาจกักเก็บความสุขเอาไว้ได้

ลู่เซิ่นพูดในตอนแรกว่า งานแต่งได้ถูกจัดเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว และเธอยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

แต่หลังจากได้เห็นชุดแต่งงานที่เหมาะกับเธออย่างสมบูรณ์แบบกับแหวนแต่งงานที่ออกแบบมาเพื่อเธอวงนี้ และหากฉินซียังคงสงสัย ก็คงเป็นความผิดของเธอเอง

ฉินซีถอนหายใจเบาๆ เอื้อมมือดันแหวนใส่เข้าไปจนสุดโคนนิ้ว

แหวนวงนี้เข้ากับมือเธอมาก ถึงแม้จะกระทบกับแค่แสงในห้องน้ำ แต่ยังคงส่องแสงระยิบงามตา น่าเสียดายที่มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่สามารถชื่นชมมันตอนนี้ได้

วงแหวนนี้คงถูกลิขิตไม่ให้ต้องกับแสงอาทิตย์

ฉินซีจ้องมองไปยังแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธออยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้าย และถอดมันออกช้าๆ

เธอไม่รู้ว่าลู่เซิ่นจัดการอย่างไรกับแหวนแต่งงานของเขา อาจจะใส่มันเลยพร้อมที่จะโอ้อวดคนทั่วทั้งสารทิศ แต่ด้วยตอนนี้ เธอคงไม่เสี่ยงที่จะสวมลงบนนิ้วเป็นแน่

แม้เธอจะพอรู้ว่า เมื่อความวุ่นวายของวันนี้จบลง จ้านเซินก็คงลดความระมัดระวังในตัวลู่เซิ่นมากขึ้น ตราบใดที่ไม่เกิดเรื่องอะไรกับตัวเอง เขาก็คงไม่ไปสนใจอะไรในตัวลู่เซิ่นอีก และก็คงไม่สนใจแหวนบนนิ้วของลู่เซิ่นมากนัก ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เธอไม่อาจจะเสี่ยงสวมมันได้เหมือนเขา

ถ้าหากจ้านเซินรู้เข้า เรื่องที่พยายามมาตั้งแต่ต้นจะสูญเปล่า

ฉินซีถอนหายใจอีกครั้ง กุมแหวนแต่งงานไว้ในมือ ทันใดเธอก็เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ว่า เธอมีสร้อยคอติดมาด้วย

เธอปลดตะขอของสร้อยคอ ก่อนจะนำแหวนคล้องเข้าไป

ถ้าทำวิธีนี้เธอจะได้ห้อยแหวนไว้บนคอเธอตลอดเวลา

สร้อยคอนี้เป็นของขวัญที่ลู่เซิ่นมอบให้เธอ เธอพบเข้าตอนที่เธอจัดเก็บกระเป๋า ฉินซีไม่มีโอกาสที่จะโยนทิ้งมันไป ไม่คิดว่าจะเก็บไว้จนถึงทุกวันนี้ และมีประโยชน์เสียด้วย

แม้ว่าสร้อยคอมันจะไม่ได้ทำให้ปลอดภัยขนาดนั้น แต่ฉินซีก็ไม่ไว้ใจที่จะทิ้งแหวนของเธอไว้ที่นี่

นี่เป็นวิธีเดียวที่เธอจะสามารถพกไว้ใกล้ตัวได้ตลอด

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอก็เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำและจัดการเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ความรู้สึกเหนื่อยล้าถาโถมมาอีกครั้ง

แม้ว่าขากลับเธอจะหลับบนเครื่องบินก็ตาม แต่ที่นั่งบนเครื่องก็ไม่เหมาะที่จะนอน ตอนนี้ฉินซีก็รู้สึกหนักอึ้งบนเปลือกตาเสียแล้ว

เมื่อมองดูแล้วไม่มีอะไรให้เธอต้องทำ เธอดึงผ้าม่านให้ลงมาปิดสนิท แช่น้ำเสร็จ และจะเตรียมนอนพักผ่อนทันที

เธอกะว่าจะให้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วค่อยตื่นขึ้นมาเสียหน่อย

ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเคาะประตูหน้าห้อง ฉินซีคงจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็วันรุ่งขึ้น แต่เสียงเคาะประตูก็ยังคงปลุกเธอจากนิทราอย่างต่อเนื่อง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองเวลา ก่อนจะสงสัย

ใครมาหาเธอในเวลานี่กันนะ?

ทันใดเธอก็นึกถึงจ้านเซินขึ้นมาทันที

แต่ความคิดนี้ก็ถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็ว

ถ้าจ้านเซินอยากเข้ามาละก็ เขาจะเคาะประตูก่อนและเปิดเข้ามาเลย คงไม่อดทนรอเคาะเพื่อเรียกเธอให้เดินไปเปิด

แต่นอกจากจ้านเซิน เธอก็คิดไม่ออกอีกว่าจะเป็นใครไปได้

ด้วยความสงสัย ฉินซีจึงลุกจากเตียงและค่อยๆเดินไปยังประตู

ประตูถูกเคาะอีกครั้ง

แรงที่ใช้ในการเคาะประตูไม่ได้หนัก อีกทั้งยังมีความสุภาพไม่ได้รีบเร่ง ฉินซีฟังจากเสียงเคาะเธอจึงค่อนข้างมั่นว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ทำอันตรายเธอแน่ คิดได้ดังนั้นเธอจึงยื่นมือออกไปเปิดประตูโดยไม่ลังเล คนที่รออยู่ข้างนอกกลับเป็นคนที่เธอคาดไม่ถึงเสียนี่

“ถังย่า?” ดวงตาของฉินซีเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”

สีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของถังย่า เธอโบกมือทักฉินซี ก่อนยื่นเอกสารที่เธอถือมาตรงหน้าเธอ “ฉันแค่มาส่งของให้เธอ”

ฉินซีเม้มปาก มีหลายสิ่งที่เธอต้องการอยากจะถาม แต่เธอก็รู้ ว่าที่นี่คือองค์กรใหญ่

ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเธอ ได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท