Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1297

ตอนที่ 1297

บทที่ 1297 ภารกิจ

ฉินซีเข้าใจเช่นกัน

เธอลดตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “นี่ทำไมจ้านเซินถึงซ่อนชื่อของลู่เซิ่น?”

ถังย่าเงียบ แต่การแสดงออกของเธอแสดงให้เห็นทุกอย่างแล้ว

ฉินซีเงียบ

ในงานเลี้ยงนี้ กลุ่มเป้าหมายของเธอไม่ใช่แขกคนสำคัญและไม่ได้เป็นผู้จัดงานด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสิทธิ์ซ่อนเขาในรายชื่อแขกเพียงเพราะเธอต้องการพบกับลู่เซิ่น ดังนั้นคนเดียวที่ทำได้คือคนในองค์กร

“ฉันคิดว่าเขาคงไม่ใส่ลู่เซิ่นเสียแล้ว” เสียงของฉินซีเบามาก หากตั้งใจฟังให้ดีจะพบว่ามีความตึงเครียดซ่อนอยู่ในนั้น

“ตอนนี้เขายังคงสนใจที่จะระวังลู่เซิ่น? ”

ถังย่านิ่งไปนิด ส่ายศีรษะก่อนยิ้ม “ฉันขอเดาว่า เขาไม่ได้ระวังเรื่องลู่เซิ่น เขายังไม่เชื่อใจเธอแค่นั้น”

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเงยหน้าขึ้นมองถังย่า

ฉินซีเข้าใจแล้วว่าถังย่ากำลังหมายถึงอะไร

ในปีที่ผ่านมานี้ จ้านเซินบอกใบ้ถึงความรู้สึกของเขาที่มีเกี่ยวกับฉินซีหลายครั้ง แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจและหลีกเลี่ยงมัน

“ยังไงก็ตาม ฉันคิดว่าทำแบบนี้ ก็เพื่อที่จะเหลือทางหนีทีไล่ทัน”

หลังจากทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ถังย่าก็เอ่ยขึ้น “ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันควรที่จะมีความสุข”

ฉินซีมุ่นคิ้ว “ทำไมถึงพูดแบบนี้?”

เธอคงต้องยอมรับ ถึงแม้จะรู้จักกับจ้านเซินมานาน แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจชายคนนี้

ไม่ว่ายังไง ก็คงไม่เข้าใจเขาเท่าถังย่า

“ตอนที่เธอลงมือ ไม่น่าจะเป็นตอนที่พวกเขากำลังเจรจาธุรกิจกันอยู่” ถังย่าวิเคราะห์ด้วยท่าทีจริงจัง “ดังนั้นเธอจะไม่รู้เลยว่าเป้าหมายจะเจรจากับลู่เซิ่นเมื่อไหร่ เธอกับลู่เซิ่น คงอาจไม่ได้พบกัน”

ฉินซีเงียบ

ที่ถังย่าพูดมันก็ถูก

ตอนที่เจรจากัน มีสายตาจับจ้องอยู่มากมาย

อีกฝ่ายจะดูเอกสารอย่างรัดกุม เมื่อระบบรักษาความปลอดภัยลดน้อยลง แผนของเธอคือหาโอกาสก่อนจะเจรจา และทำการคัดลอกเอกสาร

วิธีนี้เธอจะไม่ได้พบกับลู่เซิ่นอย่างแน่นอน

“ดังนั้นจ้านเซินจึงต้องทำวิธีนี้ เพื่อที่จะกันไม่ให้เธอได้เจอกับเขา ตอนนี้เธอต้องทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับลู่เซิ่นแล้ว เขาจะได้ไม่เข้มงวดมากนัก ถ้าหากเขายังสนใจเรื่องของลู่เซิ่นอยู่ คงไม่ให้เธอทำภารกิจนี้แน่” น้ำเสียงของถังย่าดูสงบ

ถึงอย่างไรฉินซีก็เป็นคนที่อยู่ในเกม เธอสามารถมองอะไรได้ทะลุปรุโปร่ง เรื่องนี้เป็นเพราะเกี่ยวพันกับลู่เซิ่น ก็เลยยังไม่ได้สติ

แต่หลังจากฟังสิ่งที่ถังย่าพูด ฉินซีก็แสดงสีหน้าถึงความเข้าใจทันที ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “จริงๆแล้ว… ”

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ… … ” ถังย่าไม่ปล่อยให้เธอพูดจบ พูดขัดขึ้นมา “นิสัยที่หยิ่งผยองของจ้านเซิน การป้องกันเช่นนี้จะป้องกันไม่ให้คุณถูกจับตามองด้วย”

แม้ถังย่าจะพูดไม่ทันจบ แต่เธอก็เข้าใจโดยพลัน

โอกาสที่จะได้ติดต่อกับลู่เซิ่นในระหว่างปฏิบัติภารกิจ จ้านเซินก็ไม่ได้เพิ่มการตรวจสอบอะไร นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่น่าแปลกที่เธอจะต้องดีใจ

ปัญหาเดียวก็คือ … เธอยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับลู่เซิ่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

เธอควรทำอย่างไร?

ความยุ่งเหยิงปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของฉินซี

และถังย่าดูเหมือนจะจับความรู้สึกนั้นของฉินซีได้ “ถ้าฉันเป็นลู่เซิ่น ฉันยินดีที่จะแลกเงินจำนวนมากเพื่อมาเจอเธอนะ”

ฉินซีรู้ว่าถังย่าจงใจพูดปลอบเธอ ก่อนจะส่งยิ้มไปให้

ถังย่ามาส่งอาหาร พูดทุกอย่างที่ควรพูด ก่อนจะจากไป

ฉินซีไม่ได้ลุกไปส่ง เธอเพียงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม แต่โบกมือลา

ถังย่าเห็นได้ชัดว่าระหว่างคิ้วของฉินซียุ่งเหยิงไปหมด เธอคงคิดหนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เรื่องแบบนี้ … ทำได้เพียงให้ฉินซีดิ้นรนเอง มันยากสำหรับคนที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยแบบเธอไม่ควรไปพูดอะไร

เมื่อประตูหอพักปิดลง ความสับสนก็ปรากฏบนใบหน้าของฉินซีมากขึ้น

นี่เป็นอีกปัญหาหนึ่ง

หากรับภารกิจ เธอก็จะได้มีโอกาสพบกับเขา แต่การได้รับเอกสารมานั้น หมายความว่าลู่เซิ่นจะเสียผลประโยชน์

หากไม่รับ แน่นอนว่าเธอคงไม่ต้องมีอะไรขัดแย้งกับเขา แต่จะเสียโอกาสที่จะได้พบกับลู่เซิ่นไป

ยิ่งไปกว่านี้ เธอก็ไม่รู้จะอ้างอะไรกับจ้านเซินเหมือนกันถ้าไม่รับภารกิจนี้

แต่ … ถ้าไม่ภารกิจงานนี้คนอื่นจะเอาไป

ฉินซีเม้มริมฝีปาก ก่อนจะตัดสินใจ

เธอต้องไปด้วยตัวเอง

จริงๆถ้ามันไม่ได้ เธอก็จะยอมให้ภารกิจนี้ล้มเหลวไป ถึงแม้จะต้องกลับมารับโทษ ก็ยังดีกว่าเป็นคนที่ทำลายกิจการของลู่เซิ่นด้วยน้ำมือตัวเอง

หลังจากตัดสินใจแล้ว อะไรๆก็ง่ายขึ้นมาก

ความกังวลบนใบหน้าของเธอค่อยๆ หายไป เธอยืนขึ้นบิดขี้เกียจ คิดไว้ว่าจะไปนอนหลับให้สบาย

ในตอนนี้เธอมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง

อีกห้าวันต่อจากนี้ … จะได้พบเจอกับลู่เซิ่น!

เธอต้องคว้าทุกโอกาสเพื่อดูแลตัวเองให้ดี เธอกลัวว่าจะดูไม่สมบูรณ์แบบเมื่อได้อยู่ต่อหน้าเขา

ในเวลาเดียวกัน ประเทศ F

ในเวลานี้ การประชุมระดับสูงของตระกูลลู่ได้สิ้นสุดลง

ลู่เซิ่นเดินออกจากห้องประชุม ขยี้หัวตาด้วยความเหนื่อยล้า

หนึ่งปีมานี้ ลู่เซิ่นกลับกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเดิม มีออร่าความเป็นผู้นำกว่าแต่ก่อนมาก

หนึ่งปีที่ผ่านมา ในคืนแต่งงาน เขาซื้อหุ้นของตระกูลลู่จำนวนมากในราคาที่ต่ำกว่าในตลาด จากนั้นจึงจัดการผนวกหุ้นที่อารองและอาสามถือไว้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้นับหุ้นที่ลู่เหวยและสูหยิงมอบมาให้เขา แค่หุ้นของเขาเองก็มีความมั่นคงเพียงพอที่จะได้ตำแหน่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของตระกูลลู่

และในปีเดียวกัน เขาขับไล่พวกที่เข้าครองตำแหน่งเป็นหมาหวงก้างที่ขี้เกียจทำงานหนุนหลังโดยอารองและอาสามออกไป และขยายธุรกิจใหม่ๆ พวกด้านอินเทอร์เน็ต บริษัทเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มูลค่าบริษัทในตลาดหุ้นก็สูงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

เมื่อตระกูลลู่ออกมาจากเมืองหนานที่เป็นที่มั่นของธุรกิจตระกูล ขยายมาพัฒนาที่ประเทศF ภายในประเทศF ตอนแรกถึงจะไม่ใช่บริษัทที่อยู่ในระดับสูงเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ กลายเป็นบริษัทใหญ่ที่ไม่เป็นสองรองใคร

เมื่อเป็นแบบนี้ มีฐานที่มั่นที่เมืองหนาน แถมยังมีประเทศF สนับสนุน อิทธิพลของตระกูลลู่ก็ยิ่งใหญ่ไพศาล ราวกับเป็นสัตว์ร้าย ที่คอยควบคุมชะตาของทรัพยากรต่างๆที่สำคัญ

ความสำเร็จของตระกูลลู่ ภายใต้การกุมบังเหียนของลู่เซิ่นนั้น ทำให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากหันมาเคารพบูชาเขายิ่งกว่าเทพเจ้า แค่ลู่เซิ่นไปออกนิตยสารไหน หรือแม้กระทั่งนิตยสารทางการเงินที่อ่านยาก ก็มักจะถูกเหมาออกไปทั้งแผง

เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นไอดอลในดวงใจจากบรรดาผู้ที่ใฝ่หาความมั่งคั่งและความสำเร็จอย่างไม่หยุดยั้ง ความนิยมและฐานะทางการเงินของเขาพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ

แต่มีเพียงคนที่ใกล้ชิดลู่เซิ่นเท่านั้น ที่รู้ว่าความสำเร็จทั้งหมดนี้เกิดมาจากความสิ้นหวังของเขา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท