Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1303

ตอนที่ 1303

บทที่ 1303 กลืนกินไปทั้งตัว

หลังจากรอมานาน การจูบของลู่เซิ่นก็ค่อยคลายออกจากริมฝีปากของฉินซี

แต่ร่างกายของทั้งสองคนยังแนบแน่นกันอยู่ ดังนั้นฉินซีจึงรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายลู่เซิ่นได้อย่างชัดเจน

เธอยิ้มอย่างมีเสน่ห์ พูดข้างหูลู่เซิ่นว่า : “…คิดถึงฉันขนาดนั้นเลย?”

ลู่เซิ่นมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเธอ มันเขี้ยว อยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัวทันที

แต่เขาก็รู้ว่า ที่ฉินซีมีความกล้ามั่นใจแบบนี้เพราะเชื่อมั่นในตัวเขาทั้งสิ้น

เขาเองก็ไม่สามารถทำลายความเชื่อมั่นเหล่านี้ได้

ดังนั้นถึงแม้ในใจจะมีความคิดมากมายหลายร้อยความคิด มือก็ยังคงลูบสะโพกฉินซีอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม

แน่นอนฉินซีรู้ความหมายของการกระทำนี้ของเขา และทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าเธอดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น แกล้งทำเป็นผลักลู่เซิ่นออก เธอมองไปรอบห้องและพูดอย่างกระซิบว่า : “ประธานลู่ ห้องนี้ใหญ่มาก ฉันขอพักที่นี่สักสองสามวันได้ไหม?”

ลู่เซิ่นยิ้ม เหล่ตาและพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ : “ทำไม ที่นี่ฉันไม่ได้ให้ใครพักง่ายๆ น่ะ อย่าคิดจะมาอยู่ฟรีกินฟรี”

ฉินซีวางกระเป๋าเดินทางในมือลง หมุนตัวและกะพริบตาปริบๆ ไปที่ลู่เซิ่น : “งั้น ไม่ทราบว่าประธานลู่ขาดเตียงอุ่นๆ ไหม?”

ลู่เซิ่นอดหัวเราะไม่ได้และรีบปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว แกล้งทำเป็นมองสังเกตฉินซีสักครู่ และกล่าวว่า : “ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่ต้องการ แต่ในเมื่อเป็นคุณ…ฉันก็จะฝืนรับไว้แล้วกัน”

เขาเพิ่งจะพูดจบ ทั้งสองคนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

ลู่เซิ่นรู้สึกว่าอารมณ์แบบเด็กที่เขาเก็บเอาไว้ในอกตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ค่อยๆ สลายไปพร้อมกับรอยยิ้มบ้างแล้ว

ฉินซีหัวเราะพอแล้ว จึงยืดตัวขึ้น : “ฉันไปทำงานก่อนน่ะ จะรีบกลับมา”

ลู่เซิ่นพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไร และเพียงแค่ยื่นคีย์การ์ดห้องพักให้ : “เดี๋ยวเปิดเข้ามาได้เลย”

ฉินซีหัวเราะรับไว้มองมัน และอยากจะหยอกล้ออีกครั้ง : “คุณไม่กลัวฉันเอาคีย์การ์ดให้คนอื่นหรือไง? เตียงประธานลู่ ไม่รู้มีว่าอีกใครอยากจะปีนขึ้นไปบ้าง”

แวบเดียว ลู่เซิ่นก็ดูออกทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร จึงยื่นมือออกจับคางเธอ และประทับรอยจูบอีกครั้ง : “ต่อให้มีคนอยากขึ้นมามากแค่ไหน เตียงของฉันก็มีแต่ที่ของคุณ”

ฉินซียิ้มออกมาเพราะประโยคนี้ แต่เธอก็ไม่รอช้าและออกไปทันที

ทุกภารกิจขององค์กรจะไม่ทำอย่างโดดเดี่ยว ก่อนที่ฉินซีจะออกมาทำภารกิจครั้งนี้ด้วยตัวเอง จะมีคนมาเตรียมงานไว้ให้เธอบนเรือสำราญนี้ก่อนเรียบร้อยแล้ว

องค์กรได้แทรกแซงคนเข้ามาในกลุ่มพ่อครัวและบริกรก่อนแล้ว ให้ฉินซีทำคนเดียว จะไม่ค่อยสะดวกสบาย ต้องการความเหลือจากพวกเขา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพูดคุยกับพวกเขาก่อน

แต่การจัดการครั้งนี้ของฉินซีไม่มีอะไรวุ่นวาย ดังนั้นพูดกันแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว

เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ทางเดินเขาห้องชุดจะไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด นอกจากจะมีการเรียก ไม่เช่นนั้นบริกรก็ไม่สามารถเข้าไปได้

การจัดการแบบนี้สามารถรับรองได้ว่าการเคลื่อนไหวของฉินซีจะไม่ถูกสังเกตการณ์โดยคนขององค์กร

เดิมทีเธอจัดการจองห้องชุดไว้ให้ตัวเอง คนที่องค์กรส่งออกมาครั้งนี้ นอกจากเธอแล้ว ก็ไปทำหน้าที่บริกรกันหมด ไม่สามารถมาที่ห้องรับรองชั้นหนึ่งได้ จึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเธอพักที่ห้องไหน

และเพื่อป้องกันความปลอดภัยให้ตัวเอง ฉินซีได้จัดการจองห้องที่อยู่ตรงข้ามกับลู่เซิ่นให้ตัวเอง

แบบนี้ โอกาสที่จะโดนจับได้ก็จะน้อยลง

ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันกับลู่เซิ่นได้สักที

ฉินซีคิดอย่างนี้ ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ เปิดประตูห้องลู่เซิ่น

ในสายตามีแต่ความมืดสนิท

ปิดไฟแล้ว?

สัญชาตญาณของฉินซีกระชับแน่นขึ้น

หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

เธอตัดสินใจกลั้นหายใจ ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไป มีมือคู่หนึ่งยื่นมาปิดปากเธอไว้จากด้านหลังกะทันหัน

เธอแทบจะเตรียมตัวจะต่อสู้ในทันที เธอกำหมัดเตรียมไว้แล้ว แค่รอให้ฝ่ายตรงข้ามพลาดเธอจะสู้กลับทันที

แต่วินาทีต่อมา เธอรู้สึกถึงความคุ้นเคยของลมหายใจที่อยู่ด้านหลัง

สองมือของฉินซีแทบจะโล่งใจในทันที

เธอทรุดไหล่ลงและพูดอย่างทำอะไรไม่ถูก : “ลู่เซิ่น!”

เกมน้อยๆ ของลู่เซิ่นถูกจับได้แล้ว ยังไม่ละอายใจ ยิ้มพลางเปิดไฟ : “ทำไมรู้เร็วขนาดนี้ล่ะ? ฉันยังอยากจะลองดูหน่อยว่าทักษะ

คุณเป็นยังไงบ้าง”

ฉินซีที่ถูกทำให้ตกใจ ใจยังทำอะไรไม่ถูก ได้ยินลู่เซิ่นพูดแบบนี้ จึงยิ้มเย็นชาออกมา : “ทักษะหรือ…ยังไงก็ไม่แย่ไปกว่าคุณ!”

พูดพลางรีบแตะไปที่หน้าแข้งของลู่เซิ่นอย่างรวดเร็วราวฟ้าแลบ

แน่นอนลู่เซิ่นไม่คิดว่าเธอจะสู้กลับ หลบไม่ทัน ทำให้ถูกแตะไปเต็มๆ

กระดูกที่หน้าแข้ง ปกติมนุษย์แทบจะไม่มีการป้องกันอะไรเลย โดนโจมตีอย่างนี้ ลู่เซิ่นเกือบจะทรุดลงไปนอนขดอยู่บนในทันที

ฉินซีรู้สึกได้รับชัยชนะในตอนแรก : “ฉันบอกแล้วไง! ตอนนี้ทักษะของฉันไม่แย่ไปกว่าคุณ!”

ใช่ว่าเธอจะภูมิใจโดยไม่มีเหตุผล ลู่เซิ่นในฐานะลูกหลานตระกูลลู่ เรียนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ยังเคยไปฝึกในค่ายทหารมาเป็นเวลาไม่น้อย ไม่ว่าเป็นสมรรถภาพทางร่างกาย หรือว่าทักษะการต่อสู้ ก็อยู่ในกลุ่มที่ดีทั้งนั้น

ฉินซีสามารถโจมตีเขาได้ แน่นอนว่าต้องภูมิใจ

แต่ลู่เซิ่นกลับไม่ตอบเธอ ผ่านไปหลายวินาทีแล้ว ยังคงนอนขดอยู่บนพื้น

ฉินซีรออยู่นานก็ไม่ได้รับการตอบกลับ เห็นลู่เซิ่นท่าทางเจ็บอย่างยิ่ง จึงอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้

…หรือว่าฉันจะเตะแรงไปหรือเปล่า?

ไม่ใช่สิ!

ฉันไม่ได้ฉันแรงขนาดนั้น

แต่…ทำไมเขาดูเจ็บขนาดนั้น?

เวลาผ่านไปอีกหลายวินาที ลู่เซิ่นยังคงไม่ขยับ ฉินซีเริ่มสงสัย อดคุกเข่าลงไปไม่ได้ : “คุณ…ไม่เป็นไรใช่ไหม? ฉันไม่น่าจะใช้แรงกับคุณขนาดนั้นน่ะ ถ้าคุณไม่จู่โจมฉันจากด้านหลัง ฉันก็คงไม่โจมตีคุณแบบนี้น่ะ…”

ลู่เซิ่นยังคงไม่ปฏิกิริยาตอบกลับ ยังคงซุกหน้าไว้ระหว่างเขา ทำให้มองสีหน้าไม่ออก

ใจของฉินซีลุกลี้ลุกลนมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่น่ะ กลับมาเจอกันไม่ง่ายเลย มีความสุขกับวันหยุดได้ไม่กี่วัน ตัวเองเตะเขาจนได้รับบาดเจ็บ น่าตลกไปแล้ว

ฉินซีรู้สึกผิด น้ำเสียงค่อยๆ อ่อนลง ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ลู่เซิ่น : “ให้ฉันดูหน่อยได้ไหม? ถ้าเป็นอะไร…”

เธอพูดไม่ทันจบ ก็ถูกลู่เซิ่นกดทับลงบนพื้นอย่างโดยกะทันหัน

ดีหน่อยที่บนพื้นปูพรมหนาๆ ไว้ ลู่เซิ่นใช้มือของตัวเองประคองท้ายทอยของฉินซีไว้ เธอไม่ได้โดนลู่เซิ่นทำให้ตกใจอย่างกะทันหันจนหน้ามืดตาลาย

เงยหน้าขึ้นมาเห็นรอยยิ้มตลกร้ายบนใบหน้าของลู่เซิ่น ฉินซีเข้าใจทุกอย่างแล้ว

ความกังวลทั้งหมดเมื่อกี้กลายเป็นความอับอาย ฉินซีอดที่จะเอื้อมมือไปทุบลู่เซิ่นไม่ได้ : “ฉันยังคิดว่าเตะคุณจนคุณเป็นอะไรไปแล้วเสียอีก!”

ลู่เซิ่นและปล่อยให้เธอโวยวาย ไม่นานเขาก็กุมหมัดของฉินซีไว้ โน้มตัวลงไปจูบ : “เชื่อใจสามีคุณเถอะ ไม่มีทางโดนเตะเบาๆ แค่นี้ของคุณทำให้ล้มลงได้หรอก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท