Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1305

ตอนที่ 1305

บทที่ 1305 เจอหลินหยังไม่เป็นไร

น่าเสียดายที่ความรู้สึกนี้มีได้ไม่นาน ก็ถูกขัดด้วยเสียงกระดิ่งประตู

กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของฉินซีตื่นเต้นขึ้นมา แทบจะลุกขึ้นในทันที

แต่มือของเธอกลับโดนลู่เซิ่นดึงไว้

“มีคนมา” ฉินซีขมวดคิ้วมองลู่เซิ่น

ตัวตนของเธอ ความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เซิ่น ทำไมเธอถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ สำหรับคนอื่น นอกจากพวกเขาทั้งสองคนแล้วเป็นความลับที่ไม่สามารถพูดถึงได้

เพราะฉะนั้นวิธีการจัดการที่ดีที่สุด ก็คือการไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่น

แต่แรงที่ลู่เซิ่นตั้งใจส่งออกมาจากมือเขานั่นนั้นมุ่งมั่นมากจริงๆ

“เป็นหลินหยัง” ลู่เซิ่นเงยหน้ามองเธอ “ไม่ต้องหลบหลินหยัง สามารถเขาเชื่อถือได้”

คิ้วของฉินซียังคงขมวดกันอยู่ แต่จากแววตาของลู่เซิ่นแล้ว เธอก็เข้าใจเจตนาของลู่เซิ่นเช่นกัน

หนึ่งปีมานี้ ก่อนจะเจอหน้ากันครั้งนี้ ลู่เซิ่นและฉินซีใช้เวลาด้วยกันน้อยมาก เหมือนจะมีแค่หนึ่งคืนหรือช่วงเวลาสั้นๆ ตอนกลางวัน

ภายในระยะเวลาสั้นๆ หลบจากสายตาคนอื่นนั้นง่ายมาก

แต่ต่อจากนี้ ถ้าพวกเขาต้องล่องเรือสามวันในหนึ่งอาทิตย์อย่างนี้

ปิดบังหลินหยังใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่นั่นหมายความว่าลู่เซิ่นและฉินซีต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากตลอดเวลา ในเมื่อหลินหยังเป็นผู้ช่วยที่อยู่ในระดับสูงของลู่เซิ่นแล้วด้วย เวลาส่วนใหญ่ในหนึ่งวันจะอยู่ตัวลู่เซิ่น

นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลู่เซิ่นต้องการ

เดิมทีเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันก็ไม่ง่ายแล้ว ยังต้องคิดหาวิธีจะหลบคนอื่นยังไงอีก ช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว

ตั้งแต่ไหนแต่ไรลู่เซิ่นไม่เคยทำตัวน่าสงสาร

ลังเลอยู่ไม่นาน ฉินซีค่อยๆ นั่งลง

เธอไม่ได้พูดอะไร แต่การกระทำของเธออธิบายทั้งหมดแล้ว

ตอนนั้นใบหน้าของลู่เซิ่นค่อยเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆ เขาพูดส่งเสียงไปทางประตู : “เข้ามา”

เสียงสิ้นสุดลง ประตูค่อยถูกเปิดเข้ามา

หน้าของหลินหยังค่อยโผล่เข้ามา

จากทิศทางของฉินซี สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกหลินหยังได้อย่างชัดเจน

ตอนแรก การแสดงออกของเขาเหมือนปกติไม่เปลี่ยนไปเลย เป็นความเฉยเมยแบบนั้นที่ฉินซีคุ้นเคย

แต่เมื่อสายตาของเขาสบตาเข้ากับตนเอง ตาของเขาค่อยเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน

สายตาคมของฉินซี เห็นเขามือซ้ายของเขายื่นออกมาตีลงที่น่องของตัวเอง

เดิมทีเธอลังเลนิดหน่อยที่จะต้องเจอกับคนที่ข้างตัวลู่เซิ่นอีกครั้ง แต่เห็นการแสดงออกของหลินหยังอย่างนี้แล้ว ความตื่นเต้นน้อยๆ ในใจเธอค่อยๆ สลายหายไป จนกระทั่งอดยิ้มออกมาไม่ได้

“ฉิน…” ท่าทางไม่อยากจะเชื่อของหลินหยัง ปากที่ไม่กล้าพูดชื่อของฉินซีออกมา

ดีหน่อยที่ลู่เซิ่นส่งเสียงดังออกไปขัดจังหวะเขา : “เข้ามาก่อนค่อยพูด”

หลินหยังที่เหมือนเรียกสติกลับมาได้ด้วยคำพูดของเขา สีหน้าสงบลงเล็กน้อย เดินเข้ามาในประตูและหันกลับไปปิดประตูให้เรียบร้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ฉินซี ก็แทบจะดุไม่เลยว่ามีอะไรผิดปกติ

เขาเดินทางหาลู่เซิ่นอย่างลังเล : “ลู่…ประธานลู่…”

หลินหยังอยู่กับลู่เซิ่นมาหลายปีแล้ว ผ่านเรื่องน้อยใหญ่กันมานับไม่ถ้วน ฝึกฝนความสงบนิ่งมาเนิ่นนาน ครั้งนี้ได้เห็นความตื่นตกใจที่ไม่เห็นมานานหลายปี ทำให้ลู่เซิ่นรู้สึกตลกเล็กน้อย

แต่เขาไม่มีเวลามาดูหลินหยังเล่นตลกที่นี่ จึงกระแอมในลำคอเบาและพูดว่า : “ฉันไม่ต้องแนะนำแล้วสินะ ฉินซี”

หลินหยังอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่อ้าปากได้ไม่นานก็ปิดกลับ เหมือนกำลังพยายามกล้ำกลืนคำถามลงไปในท้องอย่างไงอย่างนั้น ปิดปากแน่นสนิทและหันไปก้มหน้าทางฉินซี ถือเป็นการทักทาย

รอยยิ้มในดวงตาของฉินซีเพิ่มมากขึ้น เธอก้มหน้าให้หลินหยังเช่นกัน

ลู่เซิ่นกล่าวขึ้นในเวลาที่เหมาะสม : “เรื่องราวทั้งหมด ฉันจะหาโอกาสอธิบายให้คุณฟังอย่างละเอียดในภายหลัง แต่ตอนนี้ที่คุณต้องจำมีสองอย่าง อย่างแรก ต่อจากนี้บนเรือสำราญฉินซีจะอยู่กับฉัน อย่างที่สอง ห้ามบอกใครเด็ดขาดเรื่องที่เห็นฉินซี”

เหมาะสมแล้วที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกับลู่เซิ่นมา หลังจากพูดไปไม่กี่คำสีหน้าเขาสงบลงไม่น้อย

หลังจากฟังลู่เซิ่นสั่งงานจบ เขาก็ไม่ถามอะไรมาก ทำแค่พยักหน้ารับ : “ได้ ฉันจะไม่บอกใครเรื่องที่ฉินซีอยู่ที่นี่”

ลู่เซิ่นพยักหน้า สีหน้าบ่งบอกถึงความพึงพอใจ และเปลี่ยนประเด็น : “มีธุระอะไร?”

ทันทีที่หลินหยังก้าวเข้ามาเขาก็ตกใจกับการมีอยู่ของฉินซี จดเกือบจะลืมจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่นี่ ได้ยินลู่เซิ่นถามแบบนี้ จึงรีบส่งเอกสารในมือออกไป : “ทางบริษัทส่งเอกสารพวกนี้มาให้ บอกว่าต้องให้ท่านจัดการด้วยตัวเอง”

ลู่เซิ่นพยักหน้า รับเอกสารมากวาดสายตาดู จริงๆแล้วไม่ใช่ปัญหายุ่งยากอะไร จึงเงยหน้าส่งสัญญาณบอกให้หลินหยังรอตรงนี้สักครู่ และก้มหน้าอ่านอย่างตั้งใจ

ฉินซีไม่มีอะไรทำ จึงนั่งอยู่อีกด้านลูบคางมองสำรวจลู่เซิ่น

ถึงแม้อยู่บนเกาะเธอจะไม่สามารถติดต่อกับลู่เซิ่นได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของลู่เซิ่นในหนึ่งปีมานี้

คิดว่านอกจากหลินหยังแล้ว ก็มีแค่ฉินซีที่รู้ว่าหนึ่งปีมานี้ลู่เซิ่นพยายามมากแค่ไหน

ทุกครั้งที่เจอกัน ลู่เซิ่นจะดูผอมกว่าเดิมลงเล็กน้อย

ถึงเขาจะมีนักโภชนาการอาหารดูแลโดยเฉพาะ และหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ ถึงแม่รูปร่างยังคงดีมาก กล้ามที่ควรมีก็มีไม่น้อย แต่ทั้งตัวดูเหมือนจะไม่มีไขมันเลย ทั่วทั้งร่างกายเหมือนคันธนูที่ยืดตึงไปหมด

แต่…คันธนูที่ที่อยู่ในลักษณะนี้ตลอดเวลาสามารถชำรุดได้เร็วมาก

บางครั้งฉินซีก็เป็นห่วงสถานการณ์ด้านสุขภาพของลู่เซิ่น

ถึงแม้บริษัทลู่ซื่อจะมีโรงพยาบาล ลู่เซิ่นเองก็มีหมอส่วนตัวของตัวเอง แต่ฉินซีกลับมีความรู้สึกว่าลู่เซิ่นไม่มีทางเชื่อฟังคำพูดของคนอื่น

เธอดูลู่เซิ่นได้ไม่นาน ก็รู้สึกถึงสายของหลินหยังที่พุ่งมาที่เธอได้อย่างทันที

ฉินซีเงยหน้ามองเขาด้วยความรู้สึกทั้งหมด เป็นอย่างที่คิดหลินหยังและเธอมองหน้ากัน

แววตาของหลินยังดูสบายไม่คิดอะไร ไม่เหมือนอยากจะถามอะไรเธอ กลับกันเหมือนกำลังจะบอกอะไรเธอ

เพียงแค่ว่าระหว่างเธอกับหลินหยังแล้วแม้แต่คุ้นเคยกันยังพูดไม่ได้เลย แน่นอนที่จะไม่เข้าใจในแววตาเขามีความหมายอะไรอยู่

“ฉันยังอยู่ตรงนี้น่ะ” ลู่เซิ่นไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ยักคิ้วหลิ่วตาให้เมียฉันต่อหน้าฉัน หลินหยัง กล้าเกินไปแล้ว”

หลินหยังตกใจ รีบเก็บสายตาลง และก้มหน้ามองเท้าตัวเองอีกครั้ง

แต่หลังจากเก็บสายตาลงแล้ว เขาเพิ่งจะมารู้สึกทีหลังถึงคำพูดสำคัญในประโยคของลู่เซิ่น

เมีย?

เดี๋ยวน่ะ ทำไมเขาถึงเรียกฉินซีว่าเมีย?

คนที่แต่งงานกับเขาไม่ใช่เวินจิ้งหรือ?

หลินหยังเชื่ออย่างไม่สงสัย ตามนิสัยของลู่เซิ่นแล้ว ไม่มีทางทำเรื่องนอกลู่นอกทางแบบนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียกคู่รักที่ออกนอกลู่นอกทางว่าเมียต่อหน้าคนอื่น

ดังนั้นเรื่องทั้งหมดนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่…

หลินหยังถึงขนาดรู้สึกว่าสมองรับกับข้อมูลจำนวนนี้ไม่ไหว เหมือนมีเรื่องราวมากมายถูกยัดเข้ามาในสมองเขา จนทำให้เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท