Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1334

ตอนที่ 1334

บทที่ 1334 อย่าใช้ชีวิตแบบนี้อีก

โชคดีที่จ้านเซินโทรมาวันนั้น ดูเหมือนเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ เขาไม่ได้พบเจออะไร

ฉินซีรู้สึกใจคอไม่ดีทั้งคืน แต่เมื่อไม่เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็ค่อยสงบจิตใจลงได้

ตารางงานของลู่เซิ่นยังคงยุ่งมาก หลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์เขาก็ออกไปจากเมืองหนาน เธอรู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตของฉินซีก็กลับเข้าสู่วิถีเดิมๆ เธอจะคุยกับลู่เซิ่นผ่านวิดีโอทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน ดำเนินงานขององค์กรในส่วนกลาง

เมื่อผ่านช่วงแรกมาได้สักระยะ เรื่องภายในองค์กรเธอก็ค่อนข้างที่จะคุ้นเคย และได้รับความไว้วางใจจากคนของที่นี่ ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายเหมือนช่วงมาแรกๆ

“ไปแล้วนะครับประธานฉิน สุขสันต์วันหยุดครับ!” พนักงานยิ้มก่อนจะโบกมือหย็อยๆส่งให้เธอ เธองุนงงเล็กน้อยเมื่อกลับขึ้นมาด้านบน

เธอไม่มีเรื่องอื่นให้จัดการแล้ว ไม่มีใครให้ไปเจอ มีแต่ความคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ทั้งอาทิตย์กับลู่เซิ่น

ในขณะที่คิดเรื่องนี้ โทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น

เมื่อเธอหยิบมันขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รับสายมัน

แต่คนที่โทรมาก็มีความอดทน โทรมาอีกรอบ ครั้งนี้เธอรับสาย

“ใครคะ?”

เสียงของอีกฝ่ายช่างคุ้นเคย “ฉินซี? ผมคือโจวเอ้อครับ ไม่ทราบว่าจำผมได้หรือเปล่า?”

แน่นอนว่าเธอจำได้ดี “ฉันจำได้ค่ะ”

เสียงของคุณโจวเอ้อแลดูมีความสุขในน้ำเสียง “เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณดูรีบมาก ผมไม่มีโอกาสได้เลี้ยงเครื่องดื่มคุณเลย คืนนี้คุณพอจะมีเวลาว่างไหมครับ ผมจะขอเชิญคุณมาที่บาร์สักหน่อย”

ฉินซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

แน่นอนว่าเธอไม่ได้โง่พอที่จะเชื่อว่าโจวเอ้อจะเชิญเธอไปดื่ม เห็นได้ชัดว่านี่คือข้ออ้าง และเรียกตัวเธอไปเพราะมีจุดประสงค์อื่น

แต่เธอเองก็อยากรู้ ว่าเขาต้องการที่จะคุยอะไรกับเธอ?

เธอจำท่าทีที่สนิทสนมกันของลู่เซิ่นและโจวเอ้อได้ และโจวเอ้อเองก็รู้ว่าเธอกับลู่เซิ่นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ถ้าหากลู่เซิ่นไม่เชื่อใจเขา ลู่เซิ่นคงไม่มีวันที่จะบอก

ดังนั้น … เธอจึงค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าลู่เซิ่นกับโจวเอ้อจะสนิทกันจริง และเธอสามารถไว้ใจเขาได้

เมื่อคิดได้อย่างนี้ก็ไม่มีอะไรที่เธอจะปฏิเสธ พยักหน้าตอบตกลง “โอเค ฉันจะไป”

“ไม่ต้องรีบครับ” เสียงของโจวเอ้อยังเต็มไปด้วยความยินดี “ผมจะส่งคนไปรับ จริงๆบาร์หาไม่ค่อยง่ายนัก กลัวว่าถ้ามาเองคุณจะหลงทางเอา”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ เธอก็ทำได้แค่ตอบตกลง

แต่หลังจากวางสาย ความอยากรู้อยากเห็นของฉินซีก็เพิ่มมากขึ้น

เป็นเรื่องขนาดไหนกันนะ ที่เขาอยากจะคุยกับเธอด้วยตัวเอง

เธอจำได้ชัดเจน ว่าโจวเอ้อเป็นผู้นำของตระกูลหนานกง เรื่องที่เขาจะพูดด้วยตัวเอง..คงจะไม่ใช่เรื่องที่มันง่ายนัก?

ฉินซีมัวแต่คิดว้าวุ่นไปเรื่อยก็คงหาคำตอบไม่ได้ เมื่อมองเวลา ก็เห็นว่าเป็นช่วงที่ลู่เซิ่นจะตื่นแล้ว คิดไปคิดมา เธอจึงต่อสายหาเขาทันที

ตามปกติ ลู่เซิ่นรับสายอย่างไว แต่เสียงแหบพร่าเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน “มีอะไรหรือเปล่า? วันนี้โทรมาเร็วจัง”

ฉินซีพูดต่อ “เมื่อกี้โจวเอ้อโทรมาหาฉัน พูดเหมือนกับว่ามีอะไรที่อยากจะคุยกับฉันสองคน”

ลู่เซิ่นนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะถามกลับมา “รับปากไปแล้วเหรอ?”

ฉินซีพยักหน้า “อืม โจวเอ้อบอกจะส่งคนมารับฉัน”

ลู่เซิ่นไม่ได้ขัดอะไร “อืม ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ”

เขาไม่ได้ดูแปลกใจสักนิด เหมือนกับว่ารู้เรื่องนี้แล้ว

ฉินซีมุ่นคิ้ว “เขามีเรื่องอะไรที่อยากคุยกับฉัน?”

ลู่เซิ่นได้ยินเสียงของเธอดูกังวลเล็กน้อย เขาขำเล็กน้อย พลางพูดปลอบใจ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ไม่ต้องตกใจ”

“คุณรู้เหรอ ว่ามันคือเรื่องอะไร”

“อืม” ลู่เซิ่นตอบกลับเบา ๆ

“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่บอกฉันมาตรงๆ” ฉินซีรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “ให้ฉันสงสัยอยู่คนเดียว”

ลู่เซิ่นยิ้มเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ฉินซี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยครับ แค่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากถ้าคุยผ่านทางโทรศัพท์ ดังนั้นผมเลยให้โจวเอ้อมาอธิบายต่อหน้าให้คุณฟัง ส่วนที่รับคุณไปที่บาร์ เพราะว่า กับโจวเอ้อไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ผมกลัวคุณไปคนเดียวจะเบื่อ อยากให้คุณไปพักผ่อนสักหน่อย”

ฉินซีตะลึงนิดหน่อย”… อย่างนี้เหรอ”

ความอ่อนโยนของลู่เซิ่นทำให้ความสงสัยเมื่อครู่กลายเป็นเรื่องไร้สาระ ฉินซีรู้สึกผิดเล็กน้อย

เมื่อนึกไปถึงสิ่งที่โจวเอ้อเพิ่งพูด จริงๆก็คืออยากให้เธอไปดื่มเครื่องดื่ม เป็นเธอที่ตระหนกไปเอง

ลู่เซิ่นเสริมต่อ “ไม่คิดว่ามันจะทำให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวนะ โอ๋”

เสียงที่อ่อนโยนของเขา มันทำให้เธอรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกสองเท่า “… โอเค”

เมื่อเห็นว่าเธอสบายใจขึ้น ลู่เซิ่นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก คุยกันแค่ไม่กี่ประโยค ก่อนจะวางสายไป

ฉินซีจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือของเธอ ก่อนหรี่ตาลง

…… เธอคงตระหนกไปเองช่วงนี้

เพราะอิสระที่ได้รับมามันไม่ง่าย เธอเลยยิ่งกลัวถ้าหากต้องสูญเสียมันไป ดังนั้นทุกก้าวจึงเต็มไปด้วยความหวาดระแวงสงสัย กลัวว่าจ้านเซินจะพบเบาะแสใดใด และจะนำตัวเธอกลับไปเกาะที่เธอจากมาอีกครั้ง และอีกครั้งที่ต้องห่างจากลู่เซิ่นคนรัก

แต่อิสรภาพที่เต็มไปด้วยความระแวงนี้ เป็นสิ่งที่เธอต้องการจริงหรือ?

ฉินซีกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

คำพูดสุดท้ายของฟางฟางดังสะท้อนขึ้นมาอีกครั้ง

“จำไว้เสมอนะ เธอไม่ใช่เครื่องจักรขององค์กร จิตวิญญาณเธอที่เป็นอิสระ”

ตอนนี้ … วิญญาณเธอถูกกักขัง อะไรคือความแตกต่าง?

ราวกับว่าได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งในใจของฉินซี

เธอไม่รู้ว่าตอนนี้จ้านเซินคิดจะทำอะไร กำลังวางแผนอะไร แต่เธอก็รู้ ช่วงเวลาที่เธออยู่ในเมืองหนาน ไม่ได้รับการเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดมากนัก

ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่ต้องระแวดระวังเท่าใด

ทำทุกอย่างให้ดี ก็พอแล้ว

สิ่งที่เหลือคือการได้รับอิสรภาพที่ยากจะชนะ

สิ่งที่หนักอึ้งภายในใจมาทั้งวัน คือการได้อยู่ในอ้อมแขนของจ้านเซินรึ?

รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของฉินซี

เธอจะไม่ทำผิดแบบเดิมอีก

เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเธอค่อยๆกลับมาสงบลง เธอรับโทรศัพท์

“คุณฉินครับ ผมเป็นคนขับรถที่คุณโจวส่งมา ตอนนี้ผมรออยู่ข้างหน้าแล้ว รถเบนท์ลีย์สีดำที่มีป้ายทะเบียน XXXX จอดอยู่ที่ทางออกครับ”

ฉินซีตอบกลับ “โอเคค่ะ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท