Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1327

ตอนที่ 1327

บทที่ 1327 ความรู้สึกที่แท้จริงของการนัดเดท

“คุณ…สวยจัง” รอ ฉินซีเดินมาตรงหน้า ความรักในสายตาของลู่เซิ่นแทบจะบ่งบอกความหมาย ห่อฉินซีที่อยู่ตรงหน้าทั้งตัว ซ่อนไว้ยังที่ไม่มีใครก็ตามในโลกนี้จะหาเจอ

ฉินซีเงยหน้ามองเขายิ้มแย้ม “คุณก็หล่อค่ะ”

เธอไม่ได้ชมไปงั้นๆ เพราะเธอมองออก ลู่เซิ่นก็ตั้งใจแต่งตัวเพื่อนัดเดทคืนนี้

ทรงผมที่จัดแต่งอย่างประณีต แก้มโกนหนวดเกลี้ยงเกลา เสื้อตัวนอกยังคงเป็นเสื้อสูทเรียบเนี้ยบ แต่เสื้อตัวในเปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตที่ใส่ประจำเป็นเสื้อยืดที่เนื้อผ้าดีมาก ความเป็นทางการจริงจังแลดูหายไปไม่น้อย แต่เพิ่มความเท่เข้ามามากทีเดียว

ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ ยื่นดอกไม้ที่เตรียมมาอย่างดีให้เธอ “นี่ของคุณครับ”

ฉินซีมองดอกกุหลาบกำลังบานในอ้อมแขน ในที่สุดก็มีความรู้สึกทั้งสองคนจะไปเดทกันจริงๆ

เธอรู้สึกซาบซึ้ง แม้จะรู้ดีว่ารอบด้านมีกล้องวงจรปิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขยับไปข้างหน้า จูบเบาๆ ที่มุมปากของลู่เซิ่น “ขอบคุณค่ะ”

ลู่เซิ่นรีบหันมา สายตาที่มองฉินซีลึกซึ้ง ดูแล้วเหมือนจะจับฉินซีเข้ามาในอ้อมกอดกระชับแน่นจูบดูดดื่มถึงจะยอมปล่อย

แต่ฉินซีเหมือนปลาปราดเปรียว หลังจากจูบเบาๆ ก็ผละจากอ้อมกอดของลู่เซิ่นอย่างรวดเร็ว ไม่สนลู่เซิ่นที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เปิดประตูรถ เข้าไปนั่งข้างใน ยังเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน เปิดหน้าต่างรถยิ้มให้ลู่เซิ่น “คนขับรถลู่ ยังไม่ไปอีกหรือคะ”

ลู่เซิ่นถูกเธอแหย่จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา รู้สึกหมั่นเขี้ยว หันเดินไปทางที่นั่งคนขับ

—— ไม่เป็นไร ราตรีนี้ยังอีกยาว

เดทของสองคน ลู่เซิ่นไม่ได้ให้คนขับรถตามมา แต่ขับรถมาเอง

รอเขานั่งลง ก็ติดเครื่องรถขับออกไป

ฉินซีก้มหน้ามองดอกไม้ในอ้อมแขนครู่หนึ่ง เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ หันไปมองลู่เซิ่น “เราจะไปไหนกันคะ”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “คุณลองถามดอกไม้สิ ดอกไม้อาจช่วยบอกคุณได้นะ”

น้ำเสียงของเขาแฝงความเสียใจ ฉินซีอดไม่ได้ที่จะอยากหัวเราะ

ขึ้นรถมาไม่มองเขาเอาแต่มองดอกไม้นี่นะ ลู่เซิ่นถึงกับน้อยใจเชียวหรือ

ลู่เซิ่นใช้ท่าทางตอบเธอ “ถึงกับ”

“แต่ฉันอยากถามคนที่ให้ดอกไม้นี่คะ” น้ำเสียงฉินซีอ่อนโยน มองลู่เซิ่นออดอ้อน

ลู่เซิ่นแกล้งชักสีหน้า เมื่อถูกฉินซีง้อขนาดนี้ ริมฝีปากเผยอยิ้ม “ไปกินข้าวครับ”

เขาไม่พูดอะไรอีก ฉินซีก็ไม่ซักไซ้อีก สองคนหาเรื่องสัพเพเหระมาคุยกัน ไม่นานก็มาถึงจุดหมาย

ช่อดอกกุหลายถูกลู่เซิ่นหยิบจากอ้อมแขนของฉินซี วางที่เบาะหลังรถ แล้วจูงมือเธอเดินเข้าไปข้างใน

ร้านอาหารน่าจะเป็นกิจการในเครือบริษัทลู่ซื่อ คงกลัวฉินซีจะกังวล จึงจองสถานที่ทั้งร้าน ผู้จัดการรอที่น่าประตูอย่างนอบน้อม ช่วยลู่เซิ่นกับฉินซีเปิดประตู

ฉินซีพยักหน้าให้เขานิดๆ แล้วเดินตามลู่เซิ่นเข้าไป

การตกแต่งของร้านอาหารหรูหรามาก ไม่ใช่หรูหราแบบอลังการ แต่เป็นความหรูหราแบบมีคลาส

แต่ลู่เซิ่นกับฉินซีถือว่าคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ ทั้งสองคนจึงเดินไปที่นั่งอย่างสบายๆ

ลู่เซิ่นสั่งอาหาร ฉินซีสั่งเหมือนกับเขา บริกรพยักหน้าแล้วออกไป

“กำลังคิดอะไรอยู่ครับ” ลู่เซิ่นถามขึ้น

ฉินซียิ้มตอบ “กำลังคิด…นี่เป็นนัดเดททางการครั้งแรกของเราสองคนค่ะ จริงมั้ยคะ”

ลู่เซิ่นพยักหน้ายอมรับ “จริงด้วย”

รอยยิ้มบนใบหน้าฉินซีกว้างขึ้น “เพราะอย่างนี้…เรื่องราวของพวกเรามีสีสันจริงๆ ตอนแรกอยู่ด้วยกันก่อน ค่อยแต่งงาน ทะเลาะกันจนหย่าหลอกๆ แล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง นี่เพิ่งจะเป็นเดทแรกของเราค่ะ”

ลู่เซิ่นฟังที่เธอพูดก็ยิ้มออกมาบางๆ “ก็จริง…เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามลำดับที่ควรจะเป็น”

“แต่อย่างนี้ก็ดีนะคะ” ฉินซีพูดต่อ “ต่อไป…เรื่องของพวกเรา จะได้ไม่เหมือนใคร”

แสงไฟของร้านอาหารไม่ถึงกับสว่างมากนัก อาศัยเพียงแสงไฟเหนือโต๊ะอาหารเท่านั้นถึงจะเห็นใบหน้าของฉินซีได้ชัดเจน เดิมทีวันนี้เธอสวยจนลู่เซิ่นเผลอหยุดหายใจ ขณะนี้ท่ามกลางแสงสลัว มองใบหน้าด้านข้างเปื้อนยิ้มของเธอ ลู่เซิ่นรู้สึกว่าต้องระงับความปรารถนาของตัวเอง เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ

ลู่เซิ่นจึงไม่อดกลั้นอีก

ทันใดนั้นเขาลุกขึ้น ก้มตัวลง เชยคางของฉินซี จูบอย่างแม่นยำ

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แม้ว่าฉินซีจะไม่ทันตั้งตัว กระทั่งรู้สึกว่าริมฝีปากเคลื่อนขยับอย่างรอไม่ไหว ในใจก็หัวเราะออกมา

—— ตอนที่เจอหน้ากันลู่เซิ่น ก็คิดจะทำอย่างนี้แล้วละสิ

แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ แต่ทำตามจังหวะของลู่เซิ่น เผยอปากนิดๆ

การจู่โจมของลู่เซิ่นจึงหนักหน่วงขึ้น

ฉินซีถูกจูบจนแทบหายใจไม่ออก ถึงค่อยถูกปล่อย ดวงตาที่หลับพริ้มอยู่ค่อยคืนสติ ก็เห็นลู่เซิ่นยังนั่งลง กำลังหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดลิปสติกของฉินซีที่ทิ้งรอยไว้ที่ที่ริมฝีปากของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะสีหน้าพึงพอใจของเขา ฉินซีคงจะคิดว่าจูบเร่าร้อนเมื่อครู่คือจินตนาการของตัวเอง

เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ยื่นมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ ช่วยเช็ดรอยลิปสติกที่ลู่เซิ่นยังไม่ได้เช็ดออกจนหมด ค่อยพูดขึ้น “รอฉันเช็ดลิปสติกก่อนไม่ได้หรือไงคะ”

ลู่เซิ่นอากัปกิริยาเป็นงานเป็นการ น้ำเสียงจริงจัง “รอไม่ไหว”

ฉินซีชำเลืองมองเขาอย่างตำหนิ วางกระดาษทิชชู่ลง “งั้นก็เช็ดเองละกัน!”

หลังจากลู่เซิ่นกับฉินซีจัดการความวุ่นวายจากลิปสติกเสร็จ อาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ฉินซีกับลู่เซิ่นกินพลางคุยพลาง อาหารฝรั่งเศสมื้อนี้ใช้เวลาถึงสองชั่วโมง ถึงสิ้นสุดลง

สองคนจูงมือออกจากร้านอาหาร ฉินซีหันไปมองลู่เซิ่น “ต่อไปจะทำอะไรดีคะ คนขับรถลู่”

ในเมื่อลู่เซิ่นเป็นคนเสนอเรื่องเดท เขาต้องจัดเตรียมทุกอย่างสมบูรณ์พร้อมแน่นอน

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “ทำเรื่องที่คู่รักทั่วไปทำกันมั้ย ไปโรงหนังกันมั้ย”

ฉินซีหน้าเปลี่ยนสีนิดหนึ่ง

เธอไม่ได้เข้าโรงหนังนานมากๆ

ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะ…หลายปีก่อนที่หน้าโรงหนังเธอได้รับโทรศัพท์จากพ่อบ้านตระกูลฉิน พลิกชะตาชีวิตของเธออย่างสิ้นเชิง

ตั้งแต่นั้นมา โรงหนังก็คือสถานที่ต้องห้ามของฉินซี

เธอรู้สึกตลอดว่าที่นั่น ตัวเองอาจเผชิญเรื่องร้าย

แน่นอนลู่เซิ่นไม่มีทางรู้รายละเอียดเรื่องนี้ เพียงแต่ยิ้มแย้มมองเธอ รอคำตอบ

ฉินซีไม่อยากให้หมดสนุก ได้แต่สูดลมหายใจลึก ฝืนเก็บความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่อยู่ในใจ ยิ้มให้ลู่เซิ่น “ได้ค่ะ ไปกันเถอะ”

ลู่เซิ่นจับสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนกลับมาปกติอย่างรวดเร็วไม่ได้ จึงฟังไม่ออกว่าน้ำเสียงของเธอฝืนใจ เมื่อได้ยินเธอตอบรับ ก็พาเธอเดินไปข้างนอก

ฉินซีรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ฝ่ามือมาจากลู่เซิ่น ในใจแอบอธิษฐาน

…หวังว่ามีเขาอยู่ด้วย ทุกอย่างจะราบรื่นปลอดภัย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท