Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1376

ตอนที่ 1376

บทที่ 1376 สายตา

พูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มจางๆปรากฏ บนใบหน้าโจวซิง : “เชื่อว่าพวกเขาจะมาช่วยพวกเราออกไปเร็วๆ นี้ พวกเรารออย่างสบายใจได้”

หลายวันมานี้ สติของโจวซิงตึงแน่นมากๆ

เขารู้สึกว่าตัวเองไม่เคยอ่อนเพลียขนาดนี้มาก่อน รอหลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้น เขาจะต้องพักผ่อนอยู่บ้านสักครึ่งเดือน เอาพลังงานสติสมาธิและเซลล์สมองที่ใช้ฟุ่มเฟือยไปกับเรื่องนี้คืนกลับมา

“ดีจังเลย”

หลังจากฉินซีได้ยินข่าวนี้ รีบลุกขึ้นยืนทันที

เธออยากเจอลู่เซิ่นมากจริงๆ ช่วงระยะเวลาหลายวันมานี้ทุกคืนเธอจะฝันถึงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับลู่เซิ่น

เหยาจ้าวเป็นคนที่สงบที่สุดในสามคน

เขารู้ ถึงแม้ลู่เซิ่นจะพูดอย่างนี้ แต่คิดจะช่วยฉินซีออกจากมือของจ้านเซิน ก็ยังคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น

“พวกคุณสองคนอย่าเพิ่งตื่นเต้นดีใจ ลู่เซิ่นได้บอกคุณไหมว่าเขาเตรียมกลยุทธ์อะไรไว้สำหรับการต่อสู้?”

เหยาจ้าวอยากรู้ว่าลู่เซิ่นเตรียมอะไรยังไง

เมื่อถามอย่างนี้ โจวซิงส่ายหน้า : “ไม่มี”

เรื่องนี้ ลู่เซิ่นยังไม่ได้บอกอะไร

ขณะเดียวกัน

ลู่เซิ่นและโจวเอ้อก็กำลังเร่งรีบค้นคว้า

เขามองข่าวที่โจวซิงส่งมาให้ รวมภาพแผนที่โรงพยาบาลที่พิมพ์ออกมาจากคอมพิวเตอร์ และค้นคว้าอย่าตั้งใจ

ลู่เซิ่นนั่งลงบนโซฟา พูดเสียงแหบว่า : “ตามที่โจวซิงส่งข่าวมาทั้งหมด จ้านเซินครอบคลุมพื้นที่ชั้นสองทั้งหมดของโรงพยาบาลไว้ ไม่อนุญาตให้ใครเข้า ฉินซีอยู่ในห้องพักผู้ป่วยห้องในสุด”

ในมือเขาถือปากกาแดงหนึ่งแท่ง พูดพลางวงกลมรอบตำแหน่งห้องพักคนไข้ที่ฉินซีอยู่

“ใช่แล้ว”

โจวเอ้อพยักหน้าเห็นด้วย เปรียบเทียบอย่างตั้งใจ

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเร่งรีบและสำคัญ พวกเขาไม่สามารถมีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นได้

ลู่เซิ่นพูดต่อว่า : “โจวเอ้อบอกว่า ที่บันไดตรงนี้ ยังมีลิฟต์อีกด้าน ทั้งหมดอยู่ในสายตาของจ้านเซิน ห้องพักคนไข้ทุกห้องรอบๆ นี้มียามสองคน นอกจากนี้ในสวนยังมีกับดักที่จ้านเซินวางไว้อีก ประตูหลักหน้าหลังทั้งสองของโรงพยาบาล ทั้งหมดก็ถูกคนของจ้านเซินดูแลไว้หมดแล้ว ไม่มีโอกาสเข้าไปได้”

เขาขมวดคิ้ว ความเคร่งเครียดปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ลู่เซิ่นรู้ตั้งแต่แรกเริ่มว่าจ้านเซินไม่มีทางลดระดับการระมัดระวัง

ถึงแม้จะเป็นในโรงพยาบาล เขาก็จะคิดหาวิธีทำให้รอบคอบที่สุด

ดูจากตอนนี้ ที่เขาเดาไว้ทั้งหมดถูกต้อง

“หรือว่า พวกเราจะลองสำรวจรอบๆ กำแพงนี้ดูว่ามีสถานที่ตรงไหนที่เราเข้าไปได้บ้าง หรือจะเรียกว่า เราสามารถสร้างทางเข้าออกขึ้นมาได้เอง”

โจวเอ้อแนะนำ ความคิดเริ่มแตกต่าง

ตอนนี้ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ พวกเขาไม่สามารถใช้ความคิดแบบทั่วไปได้

เพราะว่าตัวจ้านเซินเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ใช้วิธีการแบบธรรมทั่วไปไปรับต่อสู้กับจ้านเซิน ต้องแพ้ราบคาบแน่นอน

ลู่เซิ่นก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน เขาพยักหน้า : “เดียวพวกเราสองคนออกไปวนดูด้านนอกรอบๆ กำแพงโรงพยาบาลกันสักรอบ ดูว่าตรงไหนเหมาะสำหรับการเข้าไป”

ไม่ว่ายังไง เขาจะช่วยฉินซีออกมาจากมือจ้านเซินให้ได้

ตอนนี้ลู่เซิ่นยังไม่รู้ว่าเหยาจ้าวก็เป็นพวกเดียวกันกับฉินซี ยังคงคิดว่าตอนนี้กำลังได้รับความทรมานอย่างไร้มนุษยธรรม เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นปวดใจยิ่งขึ้นจนแทบจะหายใจไม่ออก

“ได้”

โจวเอ้อไม่มีความคิดเห็นอะไร

ทั้งสองคนปลอมตัวและเดินไปรอบนอกโรงพยาบาล

ลู่เซิ่นพบคนน่าสงสัยหลายคนอยู่นอกโรงพยาบาล ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคนขายของข้างทาง แต่ดูแล้วไม่เหมือนคนทำธุรกิจ แต่กลับเหมือนกำลังระมัดระวังอะไรอยู่

เขาตกใจและเข้าใจในทันที นี้ก็คือสายตาที่จ้านเซินแทรกแซงไว้

ลู่เซิ่นรีบเตือนโจวเอ้อ : “ระวัง ตรงนี่มีสายตาของจ้านเซินอยู่ ห้ามเปิดเผยโดยเด็ดขาด”

ผ่านการเตือนของเขา โจวเอ้อเพิ่งจะรู้สึกได้ในภายหลัง

“อย่ามอง!”

ลู่เซิ่นผลักเขาหนึ่งครั้ง พุ่งเข้าไปกลางประตูใหญ่โดยไม่ระวัง

“แย่แล้ว!”

ในใจเขาบอกว่าไม่ดีแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีทางให้หันกลับแล้ว

ลู่เซิ่นรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า สายตาจำนวนมากจากด้านหลังกำลังจ้องมาที่ตัวเองและโจวเอ้อ

ถ้าตอนนี้พวกเขายังค้างอยู่ที่ประตูใหญ่นานขนาดนี้ ไม่ยอมเข้าไปสักที ต้องดึงดูดความน่าสงสัยของคนพวกนั้นอย่างแน่นอน

ในใจของโจวเอ้อลุกลี้ลุกลน

ขณะที่เขากำลังจะหันกลับ ลู่เซิ่นกลับขวางเขาไว้ : “อย่ากลับไป เดินต่อไปด้านหน้า พวกเขากำลังมองพวกเราอยู่”

ลู่เซิ่นบังสายตาการมองเห็นของคนพวกนั้นไว้ และพูดกระซิบข้างหูโจวเอ้อ

โจวเอ้อตระหนักถึงความสำคัญของเหตุการณ์

เขาพยักหน้า : “รู้แล้ว”

โจวเอ้อแกล้งทำเป็นว่าตัวเองสะดุดล้มลง และยืนขึ้นปัดฝุ่นบนตัว จากนั้นเดินต่อไปด้านหน้า

ใบหน้าของเขายังคงดูมีความลำบากใจอยู่เล็กน้อย เหมือนเป็นเพราะว่าเมื่อกี้ตัวเองล้มลงจึงรู้สึกเกรงใจ

โจวเอ้อรีบใช้โอกาสมองสำรวจรอบๆ แวบหนึ่ง ทำเหมือนกับจะดูว่าคนอื่นหัวเราะเยาะตัวเองไหม

จากโอกาสครั้งนี้ โจวเอ้อเห็นหลายคนที่สงสัยว่าจะเป็นสายตาให้จ้านเซิน

“หลายคนนั้นน่าสงสัย”

ขณะที่กำลังต่อแถว โจวเอ้อพูดยิ้มๆ

ทั้งสองคนดูสบายๆ ดูไม่ต่างจากคนทั่วไปที่มาหาที่โรงพยาบาล

คนที่อยู่ด้านหลังพวกเขามองพวกไม่นาน และเก็บสายตากลับไป

รู้สึกว่าการจ้องมองจากดวงตาราวกับเข็มทิ่มอยู่ด้านหลังหายไปในทันที ในใจลู่เซิ่นและโจวเอ้อถอนหายใจยาวโล่งอกขึ้นมาทันที

“พวกเขาน่าจะเป็นลูกน้องจ้านเซิน”

ลู่เซิ่นพูดพลางขมวดคิ้ว

เกรงว่าความลำบากในการช่วยฉินซีจะยิ่งใหญ่กว่าที่คาดคิดไว้ นี้ทำให้ลู่เซิ่นกังวลขึ้นอีกเล็กน้อย

เขาไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง แค่กลัวว่าถ้าแผนครั้งนี้ไม่สำเร็จ จะทำให้จ้านเซินโกรธแค้น จนพาฉินซีกลับเข้าไปในองค์กร

ลู่เซิ่นรู้ว่าสถานที่นั่นแข็งแกร่งและไม่สามารถทำลายได้ คนที่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่นั่น อยากจะหาสถานที่นั่นให้เจอเป็นเรื่องยากลำบากมาก

ที่นั่นเป็นพื้นที่แห่งความลับของจ้านเซิน ด้านในองค์กรล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีความสามารถ

อยากได้ของที่อยู่ในรังของคนอื่น การช่วยฉินซีออกมานั่นช่างยากกว่าการปีนขึ้นฟ้าเสียอีก

ดังนั้น ลู่เซิ่นจึงต้องรีบช่วยฉินซีออกมาก่อนที่จ้านเซินจะพาตัวเธอไป

“งั้นตอนนี้พวกเราควรทำไงดี?”

โจวเอ้อถามอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อกี้พวกเขาเพิ่งจะวนดูรอบโรงพยาบาลหนึ่งรอบ ก็ไม่เจอสถานที่ที่จะเข้าไปได้ ในใจอดกระวนกระวายไม่ได้

พวกเขาจะเอาแต่รออย่างไม่มีทางแก้ไม่ได้ พวกฉินซีรอไม่ไหวหรอก

“ใจเย็นๆ ก่อน พวกเราซื้อยาเสร็จแล้วค่อยกลับไปปรึกษากัน”

ยิ่งใกล้ช่วงเวลาสำคัญ ลู่เซิ่นยิ่งสงบนิ่ง เขารู้ว่าตัวเองจะลนลานไม่ได้ ฉินซียังต้องการเขา ยังรอให้เขาไปช่วยอยู่

ถ้าแม้แต่เขายังลนลาน แล้วฉินซีจะพึ่งพาใครได้

โจวเอ้อรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่สมควรพูด ระวังกำแพงมีหู จึงหุบปากลง

ทั้งสองคนรับบัตรคิว ทำตามขั้นตอน เบิกยามาหลายชนิดและออกจากโรงพยาบาลมา

เมื่อกลับถึงบ้าน ลู่เซิ่นเร่งรีบร้อนรนพุ่งกลับเข้าไปในห้องหนังสืออีกครั้ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท