Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1413

ตอนที่ 1413

บทที่ 1413 สมองได้รับความเสียหาย

เหยาจ้าวตามอยู่ด้านหลัง แววตาส่องประกายความหมายลึกซึ้ง

จ้านเซินวิ่งเบาๆ มาจนถึงห้องทดลอง

เขาวางฉินซีลงบนเตียงผู้ป่วยอย่างอ่อนโยน : “รีบดูเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

จ้านเซินนึกถึงที่คนเฝ้าประตูสองคนนั้นบอกว่าฉินซีกุมหัวไว้ตลอดเวลา ปากก็ร้องปวดหัว

หรือว่าเรื่องที่เขาเป็นห่วงจะเกิดขึ้นจริง

ฉินซีพยายามแหกออกจากการสะกดจิตของเหยาจ้าว จนทำให้สมองและสติของนางได้รับความเสียหาย

ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉินซีจะกลายเป็นคนเพี้ยนไหม

จ้านเซินไม่อยากจะเชื่อว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงขนาดไหน เขาขมวดคิ้วแน่น

“ได้”

เหยาจ้าวพยักหน้า เริ่มเปิดเครื่องมือ

เขาตรวจฉินซีอย่างละเอียด แต่สีหน้ากลับไม่ค่อยดี : “เมื่อกี้ฉันตรวจฉินซีดูแล้ว พบว่าสมองในส่วนของสติของเธอได้รับความเสียหาย ถึงจะไม่ร้ายแรง แต่ก็มีผลกระทบกับชีวิตประจำวันของเธอ ตอนนี้เธอต้องได้รับการดูแลอย่างสงบ ไม่ควรคิดอะไรมากมายในช่วงเวลาล่อแหลม”

สมองในส่วนสติละเอียดมาก ภายใต้สถานการณ์ปกติไม่สามารถดำเนินการผ่าตัดได้

และการซ่อมแซมของอย่างนี้ ทำได้แค่รักษาอย่างสงบ

ต่อให้เป็นเหยาจ้าวก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้

ผลตรวจที่เหยาจ้าวได้รับ เหมือนกับที่จ้านเซินคิดโดยมินัดหมายพอดี

จ้านเซินมองฉินซีที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ไร้สีเลือดเหมือนตุ๊กตาที่แตกหัก ในใจมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

เมื่อกี้ที่ฉินซีสลบอยู่บนพื้น จ้านเซินกลัวจริงๆ

จ้านเซินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าใจของเขาแทบจะหยุดเต้น

เขากลัวจะสูญเสียฉินซีไป

“ฉันเข้าใจแล้ว”

จ้านเซินพยักหน้า ความกดดันในตัวทำให้คนกลัว

เขาเดินไปตรงหน้าฉินซี ดวงตาดำสนิทส่องประกายความหม่นหมอง

จ้านเซินพูดเสียงแหบแห้ง : “เธอจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่”

นิ้วหยาบๆ ของเขาสัมผัสแก้มที่เรียบลื่นของฉินซีเบาๆ สัมผัสที่อ่อนโยนทำเขาอ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว

เหยาจ้าวมองการเคลื่อนไหวของเขา ถอนหายใจเงียบๆ ในใจ : “ตอนนี้ยังไม่รู้ ต้องรอดูความสามารถด้านการฟื้นฟูร่างกายของฉินซีเอง เร่งไม่ได้”

สำหรับฉินซีตอนนี้แล้ว การพักผ่อนเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง

ดีกว่าหลังจากเธอตื่นขึ้นมาแล้ว คิดอะไรไปมากมาย

จ้านเซินเห็นด้วยกับข้อนี้ เขาพยักหน้า : “อืม”

เขามองเหยาจ้าวและสั่งว่า : “คุณออกไปก่อน ฉันอยากอยู่กับเธอตามลำพังสักครู่”

ดวงตาของจ้านเซินซ่อนสีหน้าที่เหยาจ้าวมองไม่เข้าใจไว้

เหยาจ้าวไม่สบายใจ มองฉินซีแวบหนึ่งและเดินออกมา

“ได้”

เหยาจ้าวเดินออกมาและปิดประตู

จ้านเซินลากเก้าอี้ตัวหนึ่งและนั่งลงข้างฉินซี

เขาจับมือของฉินซีไว้ ภายในน้ำเสียงซ่อนความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุดไว้ : “ฉินซี คุณรังเกียจฉันขนาดนี้ รังเกียจสถานที่ที่เลี้ยงดูให้คุณเติบโตมาหรือไงกัน?”

จ้านเซินจ้องมองไปที่ฉินซี ทำให้ฉินซีที่แกล้งหลับอยู่กลัว

ความจริงแล้ว ฉินซีปวดหัวมากจริงๆ

ตลอดทางมานี่ ฉินซีพยายามอดทนไว้เพราะคิดถึงและเป็นห่วงลู่เซิ่น ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจสถานการณ์ของตัวเอง

ตอนนี้ผ่อนคลายได้ ปวดหัวน้อยๆ

ครึ่งหนึ่งฉินซีแกล้งปวดครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งปวดจริง

กึ่งจริงกึ่งปลอมนี้ แม้แต่จ้านเซินและเหยาจ้าวก็ดูไม่ออก

จ้านเซินพูดต่อว่า : “ฉินซี คุณยังจำตอนพวกเราเด็กได้ไหม ตอนนั้นมีคนด่าฉัน หาว่าฉันเป็นอัมพาตที่หน้า เดิมทีฉันก็ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะพูดอะไร แต่คุณกลับเดินขึ้นมาด้านหน้าบังฉันเอาไว้ พูดอย่างเป็นทางการ คุณคือฮีโร่ของฉัน”

เขาหลับตาลง คิดถึงครั้งแรกตอนที่เจอกับฉินซี

จ้านเซินยิ้มมุมปากน้อยๆ ตอนนี้มาคิดๆ ดู ตอนนั้นไร้เดียงสา ไม่เรื่องรบกวนช่างดีจริงๆ

ฉินซีไม่รู้ว่าประโยคนั้นของเธอ อยู่ในใจจ้านเซินมาเป็นเวลาสิบปี

ทุกครั้งที่จ้านเซินแทบจะยืนหยัดไม่ไหว ในสมองของเขาก็จะมีประโยคนั้นของฉินซีปรากฏขึ้น

จ้านเซินก็เป็นคนมีเลือดมีเนื้อ เขาก็เหนื่อยเป็น แต่เพราะฉินซีให้กำลังใจเขา

“ฉันคิดตลอดว่า คุณมีความรู้สึกกับฉัน แต่คุณกลับค่อยๆ จากฉันไปทีละนิด ฉันไม่รู้ว่าคุณเริ่มห่างเหินจากฉันไปตอนไหน ยิ่งไม่รู้ว่าคุณอยากจะออกไปจากองค์กรตอนไหน ฉันแค่อยากจะรู้ คุณทนได้จริงไหม? ทนทิ้งฉันและทิ้งคนในองค์กรไป”

จ้านเซินพูดพลาง เสียงสั่นเครือขึ้นมา

เห็นดวงตาของฉินซีขยับเล็กน้อย เขาเม้มปากแน่น

ความจริงแล้ว จ้านเซินรู้สึกได้ว่าเธอแกล้งหลับตั้งแต่เมื่อกี้ตอนที่มาถึงห้องทดลองและได้ใกล้ชิดเธอแล้ว

แต่จ้านเซินไม่ได้เปิดเผย

คำพูดเหล่านี้ของเขา พูดไม่ออกเวลาที่เผชิญหน้ากับฉินซี จึงเลือกวิธีนี้มาลองดู

ฉินซีฟังอย่างเงียบๆ ในใจสับสนวุ่นวาย

เธอยอมรับ จ้านเซินดีต่อเธอมากๆ จริงๆ

แต่ ความรู้สึกของฉินซีบริสุทธิ์ใจมาโดยตลอด นี่เป็นแค่ความรู้สึกดีของพี่ชายต่อน้องสาว

ตั้งแต่ไหนแต่ไรฉินซีไม่เคยคิดความสัมพันธ์แบบชายหญิงมาก่อน ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เธอก็มีส่วนผิด เธอผิดต่อจ้านเซิน ที่รู้ตัวในตอนนั้นและพูดกับเขาให้ชัดเจน

ฉินซีทนทำร้ายจ้านเซินที่ปกป้องเธอมาตลอดไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไง คนที่โดนทำร้ายเจ็บที่สุดก็คือเขา

ใจของเธอรับผิดชอบไม่ไหว

แต่ฉินซีไม่สามารถตอบรับความรู้สึกนี้ของจ้านเซิน เธอรู้ดี ลู่เซิ่นคือคนที่เธอรัก

ถ้าเธออยู่ด้วยกันกับจ้านเซิน เธอจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต

“ฉินซี อย่าจากฉันไป อย่าจากองค์กรไป”

เสียงของจ้านเซินเบามาก เหมือนกำลังพึมพำกับตัวเอง

แต่ฉินซีกลับได้ยิน

พูดประโยคนี้จบ จ้านเซินลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องทดลอง

ในห้องทดลอง

ฉินซีค่อยๆ ลืมตาขึ้น

เธอมองเพดานขาวสะอาด หยดน้ำตาใสไหลลงมาตามแก้ม

ฉินซีรู้สึกเหมือนในใจของเธอมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับไว้ ทำให้เธอหายใจไม่ออก

เธอร้องไห้อย่างไม่มีเสียง เบ้าตาแดงระเรื่อ

เหยาจ้าวที่รออยู่ด้านนอกตลอด เห็นจ้านเซินออกมาเร็วขนาดนี้ สีหน้าปรากฏความประหลาดใจ

“พี่ใหญ่”

เหยาจ้าวเรียกอย่างเคารพ

เขามองสีหน้าลึกลับของจ้านเซิน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

จ้านเซินไม่มองเขาและพูดอย่างสงบนิ่งว่า : “คุณเข้าไปดูแลฉินซี เธอตื่นแล้วรีบบอกฉันทันที”

พูดจบ จ้านเซินก้าวขายาวเดินจากไป

เหยาจ้าวมองเงาด้านหลังเขา รู้สึกกว่าจ้านเซินแปลกๆ แต่ก็พูดไม่ออกว่าอะไรที่แปลก

เขาเก็บสายตากลับมา และผลักเปิดประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย

“ฮือฮือฮือ…”

พอเหยาจ้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงร้องของฉินซี ราวกับสัตว์ร้ายตัวน้อยที่กดดันตัวเองไว้ไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง

เห็นฉินซีร้องไห้ เหยาจ้าวรู้สึกแปลกใจ

เขาคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะตื่นเร็วขนาดนี้ และยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นท่าทีเสียน้ำตาของเธอ

“ฉินซี คุณเป็นอะไรไป?”

เหยาจ้าวรีบวิ่งน้อยๆ อย่างตื่นตกใจไปตรงหน้าฉินซี ถามอย่างห่วงใย

เมื่อก่อนไม่ว่าจะฝึกลำบากแค่ไหน บาดเจ็บหนักขนาดไหน ฉินซีก็ไม่เคยเสียน้ำตา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท