Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1421

ตอนที่ 1421

บทที่1421 ยัยตัวยุ่ง

สำหรับฉินซีแล้ว ปัญหาใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าคือจ้านเซิน

“เธอเข้าใจก็ดีแล้ว”

เหยาจ้าวเห็นเธอกลับสู่สภาพปกติ ความกังวลในใจก็คลายลงไปเยอะ

“ตอนนี้ร่างกายเธอรู้สึกยังไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่ไหม?”

เหยาจ้าวถามอย่างห่วงใย

“ไม่เป็นอะไรมาก ปวดอยู่นิดหน่อย แต่อยู่ในขอบเขตความอดทนของฉัน”

สำหรับฉินซี ความเจ็บปวดแค่นี้ถือว่าไม่เท่าไหร่

กลับกัน มันยังคอยย้ำเตือนฉินซีอยู่ตลอดเวลา ว่าจะต้องหาทางหนีออกจากองค์กรให้ได้

เหยาจ้าวพยักหน้า “เธอพักอีกหน่อยเถอะ ฉันจะไปรายงานให้จ้านเซินรู้”

ในตอนนี้เขาไม่อาจทำตามอำเภอใจอย่างแต่ก่อนได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะยิ่งทำให้จ้านเซินสงสัย

“อืม”

ฉินซีไม่ได้ต่อต้านอะไร เธอรู้ว่าทางฝั่งจ้านเซินจะช้าหรือเร็วก็ต้องเผชิญหน้า

อีกอย่าง เธอจำเป็นต้องจัดการอารมณ์ให้ดี ไม่ให้จ้านเซินเห็นพิรุธ

ฉินซีมองส่งเหยาจ้าวจากไป เอนตัวนอนลงบนเตียงผู้ป่วยค่อยๆหลับตาลง

สองวันมานี้ เป็นเพราะเป็นห่วงลู่เซิ่น ตั้งแต่ต้นฉินซีไม่ได้นอนอย่างสงบเลย

หลังจากรับรู้ว่าลู่เซิ่นปลอดภัยดี ฉินซีก็เข้าสู่ความฝันอย่างรวดเร็ว

……

เหยาจ้าวหาจ้านเซินจนเจอ “ฉินซีฟื้นแล้ว”

เขาบอกอาการของฉินซีให้จ้านเซินรับรู้

หลังจากจ้านเซินได้ฟัง ก็มีสีหน้าสงบนิ่ง

อันที่จริง จ้านเซินรู้อยู่แล้วว่าฉินซีแกล้งทำ

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เปิดเผยในที่สาธารณะ ก็เพื่อไม่ให้ฉินซีเสียหน้า

เขารับฟังคำพูดของถังย่า ไม่อยากบังคับฉินซีมากเกินไป

“ฉันรู้แล้ว”

จ้านเซินนั่งอยู่บนโซฟาไม่ขยับเขยื้อน ราวกับไม่สนใจว่าฉินซีจะอยู่หรือตาย

มันทำให้เหยาจ้าวแปลกใจมาก “คุณไม่ไปดูฉินซีหรอ?”

เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่ก่อนทุกครั้งที่ได้ยินว่าฉินซีฟื้นแล้ว จ้านเซินมักจะวิ่งเร็วที่สุด วันนี้เป็นอะไรไป?

การตอบสนองของจ้านเซิน ทำให้เหยาจ้าวงุนงงเล็กน้อย

จ้านเซินพลิกเอกสารในมือ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เอ่ยปากพูดโดยไม่เงยหน้า “ไม่ล่ะ นายดูเธอไว้ก็พอ ให้เธอพักฟื้นให้ดี อย่าไปคิดอะไรวุ่นวาย”

ตอนนี้อาการป่วยของฉินซีหนักขึ้น สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะหัวสมองเธอว้าวุ่น

ถ้าหากว่าฉินซีปล่อยวางได้ อาการป่วยก็จะดีขึ้น

แม้จะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆจ้านเซินถึงกลายเป็นแบบนี้ แต่เหยาจ้าวก็ยังรับคำสั่งอย่างซื่อตรง พูดตอบไปอย่างเคารพ “ครับ”

เขารู้สึกว่าขีดจำกัดที่จ้านเซินมีต่อฉินซีน้อยลงนิดหน่อยอย่างอธิบายได้ แม้แต่ความสงสัยที่มีต่อตัวเขาก็อ่อนลง แต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า หรือนี่เป็นวิธีการหนึ่งที่จ้านเซินทำให้พวกเขาระมัดระวังน้อยลง

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว นายก็ออกไปก่อน”

จ้านเซินเอ่ยปากนิ่งๆ พลิกเอกสารไปอีกหน้า

หางตาของเขามองเหยาจ้าวหันตัวเดินออกไป ในเวลาที่ประตูห้องถูกปิด จ้านเซินก็วางเอกสารในมือลง

นิ้วทั้งห้ากำแน่น จ้านเซินกำหมัดขึ้น แสงสลัวเลือนรางส่องประกายอยู่ในดวงตาที่แคบยาว

เขายินยอมให้เวลาฉินซีได้พิจารณา แต่หวังว่าฉินซีจะคิดให้ดี

เหยาจ้าวรีบร้อนกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย อยากจะเล่าเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้ให้ฉินซีฟัง แต่กลับพบว่าฉินซีนอนหลับไปแล้ว

มองไปที่ใบหน้าที่เหนื่อยล้าของเธอ เหยาจ้าวก็ถอนหายใจเบาๆ

เขาออกมาจากห้องผู้ป่วยเงียบๆ ไม่ได้รบกวนการพักผ่อนของฉินซี

ฉินซีหลับตื่นนึง ก็เป็นเช้าของวันถัดมาแล้ว

เธอหลับไปทั้งวันทั้งคืน ในหัววิงเวียน

เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เหยาจ้าวก็ถืออาหารเช้าเข้ามาพอดี

เหยาจ้าวเห็นเธอขยี้ตานั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มเอาใจ “ตื่นแล้วหรอ?”

เขารู้สึกว่า ฉินซีในตอนนี้ดูเหมือนกับเด็กน้อย ดูน่ารักไร้เดียงสา

“อืม”

ฉินซีพยักหน้าด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พึ่งตื่นขึ้นมาสมองยังคงเหม่อลอย

มองดูท้องฟ้าด้านนอก ฉินซีเอ่ยปากอย่างสับสน “ฉันหลับไปนานแค่ไหน”

เธอรู้สึกร่างกายชา ท้องฟ้าก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ

“หนึ่งวันหนึ่งคืน”

ในตอนนที่ฉินซีได้ยินเลขจำนวนนี้ ใบหน้าก็เผยความตกใจ

เธอนึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะนอนไปนานขนาดนั้น

“จ๊อก…”

ในอากาศส่งกลิ่นหอมของอาหาร ฉินซีไม่ได้กินอะไรมาวันนึงแล้ว ท้องเริ่มที่จะส่งเสียงประท้วง

ฉินซีลูบท้องน้อยที่ถูกปล่อยให้หิว มองไปที่เหยาจ้าว “ฉันหิวแล้ว”

เธอเปิดปากพูดอย่างเด็ดขาด รอเหยาจ้าวเอาอาหารมาให้

“ฉินซี เธอนี่เป็นยัยตัวยุ่งจริงๆ”

เหยาจ้าวมองดูเธอที่นั่งอยู่ ท่าทีออกคำสั่งกับตน ส่ายหัว แล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้

ลูกผู้น้องของเขาคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ

ฉินซีนอนเต็มอิ่มแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นเล็กน้อย พูดหยอกล้อกับเขาอย่างหาได้ยาก “รู้อยู่แล้ว ยังไม่รีบเอาข้าวเช้ามาให้อีก”

เธอเชิดคางขึ้น ท่าทีหยิ่งผยอง

มองไปที่ท่าทีขี้เล่นเล็กน้อยของฉินซี มุมปากของเหยาจ้าวก็แสยะขึ้นเล็กน้อย

แม้ว่าช่วงเวลาที่เขากับฉินซีรู้จักกันจะไม่นานมาก ยี่สิบกว่าปีก่อนแม้จะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของฉินซีที่เป็นเครือญาติ

แต่ว่า หลังจากได้สนิทสนมกับฉินซีแล้ว เหยาจ้าวก็ชอบลูกผู้น้องคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

เธอทั้งรักอิสระ แข็งแกร่ง ใจดีและสวยงามขนาดนี้ทำเอาคนรักใคร่

“ครับครับครับ”

เหยาจ้าวแสร้งทำเป็นไม่เต็มใจ ส่งอาหารเช้าให้เธอ

อาหารเช้าเป็นซุปซี่โครงรากบัวที่จ้านเซินสั่งให้ห้องครัวทำเป็นพิเศษ มีคุณค่าทางอาหาร ทั้งยังมีกลิ่นหอมหวานน่ากิน

สำหรับฉินซีที่กำลังป่วยอยู่ นี่เป็นยาฟื้นตัวที่ดีที่สุด

ฉินซีกินไปหนึ่งคำ รสชาติที่คุ้นเคยทำให้เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาแต่ก่อน

เห็นเธอกำลังจะปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง เหยาจ้าวรีบเปิดปากพูด “ฉินซี มีเรื่องหนึ่งฉันอยากจะพูดกับเธอ”

เขาเปิดประเด็นขึ้น ดึงความสนใจของฉินซี

“เรื่องอะไร?”

ฉินซีค่อยๆวางชามในมือลง เงยหน้ามองไปที่เหยาจ้าว

เหยาจ้าวถอนหายใจเบาๆสองที “คืออย่างงี้ เมื่อวานฉัน…”

เขาบอกเรื่องท่าทีที่ผิดแปลกของจ้านเซินเมื่อวานนี้ ให้ฉินซีฟังตั้งแต่ต้นจนจบ อยากรู้ว่าเธอจะมีความคิดเห็นยังไง

มือที่กำลังกินซุปของฉินซีชะงัก หยุดการเคลื่อนไหวลงช้าๆ

คิ้วของเธอขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตามคำพูดของเหยาจ้าว

อันที่จริง ฉินซีก็ไม่รู้ว่าจ้านเซินหมายถึงอะไร

แม้ว่าเธออยู่ในองค์กรจะใกล้ชิดกับจ้านเซินมาเนิ่นนาน แต่ก็มีหลายครั้งที่เดาความคิดเขาไม่ออก

จ้านเซินนั้นเปรียบเหมือนหลุมดำที่ลึกไม่มีสิ้นสุด เมื่อคุณจ้องมองลงไปในเหวลึก เขาก็กำลังจ้องมองคุณอยู่

เหวลึกนั้นมองคุณทะลุได้ แต่คุณจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากความมืดมิด

เหยาจ้าวเอ่ยถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “เธอว่า จ้านเซินคิดได้แล้วหรือเปล่า ว่าจะเริ่มปล่อยวางความตื่นตัวในตัวเธอ?”

เขารู้สึกว่า การมีอยู่ของเหตุผลนี้ไม่อาจตัดออกได้

ท้ายที่สุดแล้วความสัมพันธ์ระหว่างฉินซีกับจ้านเซินนั้นลึกซึ้งแค่ไหน ไม่ว่าใครก็มองเห็นได้

ยิ่งหลังจากได้เห็นว่าฉินซียินดีที่จะตายเพื่อลู่เซิ่น บางทีจ้านเซินก็รู้สึกสะเทือนใจอยู่เหมือนกัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท