Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1422

ตอนที่ 1422

บทที่1422 ปริศนาคำทาย

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเหยาจ้าว ฉินซีส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้”

เธอเอ่ยปากพูดทันที ปฏิเสธการคาดเดาของเหยาจ้าว

ฉินซีอยู่กับจ้านเซินมาหลายปี ย่อมรู้จักเขาดีเป็นธรรมดา

ไม่ว่าทำอะไรจ้านเซินจะรอบคอบความขี้ระแวงในใจยังมากเป็นพิเศษ

เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เขาจะตัดสินใจ ปล่อยวางการระวังตัว ในช่วงเวลาเพียงแค่สองวัน

ต่อหน้าคำปฏิเสธที่เด็ดขาดของฉินซี เหยาจ้าวก็ขมวดคิ้ว

“งั้นเธอคิดว่าตอนนี้เราควรทำยังไง?”

เหยาจ้าวแม้ว่าจะอยู่ในองค์กรมาเป็นเวลาสองปีแล้ว แต่ความเข้าใจที่มีต่อจ้านเซินกลับห่างไกลจากฉินซีมาก

ฉินซีครุ่นคิดนิดหน่อย “จ้านเซินยิ่งเป็นแบบนี้ พวกเรายิ่งต้องระวังตัวให้มากขึ้น จะให้มีพิรุธไม่ได้เด็ดขาด ช่วงเวลานี้นายกับฉันอย่าพูดเรื่องที่เกี่ยวกับลู่เซิ่น เข้าใจไหม?”

เพื่อที่จะได้หนีออกไปโดยเร็ว ฉินซีได้เพียงปกปิดความในใจของตนไว้ก่อน

“เข้าใจแล้ว”

เหยาจ้าวพยักหน้า ถอนหายใจเล็กน้อยกับการเปลี่ยนแปลงของฉินซี

ความรักนั้นช่างแปลกประหลาด ทำให้ผู้คนเปราะบางเกินใครได้ แล้วยังมอบพลังไม่มีที่สิ้นสุดให้ผู้คนได้

มีบางที เหยาจ้าวเองก็อยากลองดูว่าแท้จริงแล้วความรักมีรสชาติแบบไหน น่าเสียดายที่ต้องติดอยู่ใน “กรง” อันหนาวเหน็บ ไม่มีโอกาสเลย

ในทุกวันที่ตื่นขึ้นมาสายตาก็เห็นแต่กลุ่มผู้หลักผู้ใหญ่ขององค์กร เหยาจ้าวรู้สึกว่าตัวเองหดหู่จนแทบขาดใจ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป รสนิยมทางเพศอาจมีปัญหาตามมา

หลังจากที่ฉินซีกินซุปกระดูกรากบัวในชามหมดแล้ว ก็ยื่นชามให้เขา

“นายก็รายงานสถานการณ์ของฉันต่อจ้านเซินทุกวัน ไม่ต้องปิดบังอะไร อธิบายไปตามความจริงก็พอ ส่วนเขาจะมาเยี่ยมฉันด้วยตัวเองหรือไม่ ก็ให้เขาตัดสินใจเอง นายไม่ต้องชักชวนเขา”

ฉินซีพูดเตือนอย่างไม่วางใจไปสองประโยค

ความสามารถในการรับรู้ของจ้านเซินนั้นกระตือรือร้นเป็นพิเศษ แค่ความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ก็สามารถถูกเขาค้นพบได้

สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือ ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำตามขั้นตอน เหมือนตามปกติ สภาพผ่อนคลาย แบบนี้จ้านเซินก็จับพิรุธไม่ได้โดยธรรมชาติ

“อืมอืม”

เหยาจ้าวรู้ถึงความร้ายแรงของปัญหา ก็ไม่กล้าที่จะปฏิบัติกับมันเหมือนเป็นของเล่น

“งั้นฉันไปก่อนนะ”

ซุปกระดูกรากบัวนี้จ้านเซินสั่งให้ห้องครัวทำเป็นพิเศษ เขายังต้องไปรายงานสถานการณ์ในวันนี้ของฉินซีให้จ้านเซินรับรู้ ไม่สามารถปล่อยให้เขารอได้

“โอเค”

ฉินซีมองส่งเขาจากไป

ห้องที่ว่างเปล่าเงียบลงทันที มันทำให้ฉินซีรู้สึกไม่สบายใจ

เธออยากให้มีเสียงเสียหน่อย แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในห้องล้วนถูกจ้านเซินเก็บไปหมดแล้ว

ภายในห้องเกลี้ยงเกลามาก สิ่งที่เข้ามาในสายตาล้วนเป็นสีขาว ไม่มีแม้แต่หนังสือพิมพ์ให้คลายความเบื่อหน่าย

มันทำให้ฉินซีหดหู่มาก คิดว่าครั้งต่อไปที่เหยาจ้าวเข้ามา จะต้องให้เขาเอาหนังสือมาซักเล่ม ดีที่สุดต้องเป็นแนวการบำรุงจิตใจและร่างกาย

ฉินซีคิดไม่ถึงว่า จ้านเซินคิดถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว

หลังจากเหยาจ้าวมารายงานสถานการณ์การกินอาการของฉินซีที่ห้องของจ้านเซินเสร็จแล้ว จ้านเซินก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นหนังสือส่งให้เหยาจ้าว

“เอาไปให้ฉินซี”

เหยาจ้าวพยักหน้ามองไปที่ปกหนังสือสีน้ำเงิน หันมองชื่อหนังสือด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

เขาตาโตจ้องมองด้วยความประหลาดใจ ไม่คาดคิดมาก่อน นี้คือหนังสือพระไตรปิฎก

นี่มันโค่นล้มจินตนาการของเหยาจ้าวไปเลย เขาคิดมาตลอดว่าบนชั้นหนังสือของจ้านเซินล้วนเป็นหนังสือด้านการทหาร หรือไม่ก็เป็นการวางแผน การวางกลยุทธ์

คิดไม่ถึงว่าคนอย่างจ้านเซินที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา จะอ่านหนังสือที่มีความเมตตาอย่างพระไตรปิฎก

เหยาจ้าวเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย “บอส คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้หยิบผิด?”

น้ำเสียงของเขาระมัดระวัง เกรงว่าจะทำให้จ้านเซินโกรธ

จ้านเซินเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “ไม่ผิด”

น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง ไม่มีอุณหภูมิแม้แต่น้อย

เห็นเขาพูดแบบนี้ เหยาจ้าวก็ปิดปากลงทันที “ครับ ผมจะเอาไปให้ฉินซี”

แม้ว่าเหยาจ้าวจะไม่เข้าใจว่าทำไมจ้านเซินถึงหยิบหนังสือแบบนี้มาให้ฉินซี แต่ก็ยังทำไปอย่างซื่อตรง

ในตอนที่ฉินซีมองเห็นชื่อหนังสือ สีใสก็ปรากฏขึ้นในแววตา

“ให้ฉันเถอะ”

ฉินซียื่นมือออกไป บ่งบอกให้เหยาจ้าวส่งหนังสือให้เธอ

เหยาจ้าวพูดพึมพำ พลางส่งหนังสือให้เธอ “ฉินซี ฉันรู้สึกจริงๆนะว่าจ้านเซินช่วงนี้ไม่ปกติ เขาถึงกับหยิบหนังสือแบบนี้มาให้เธอ เธอว่าเป้าหมายของเขาคืออะไรกันแน่?

เขาเอ่ยปากอย่างไม่เข้าใจ หวังว่าฉินซีจะสามารถตอบข้อสงสัยของเขาได้

“จ้านเซินอยากให้ฉันบำรุงสภาพจิตใจและร่างกาย ชำระตัวเองให้มาก ไม่ต้องไปคิดเรื่องวุ่นวายพวกนั้น ให้สภาพจิตใจมั่นคง ไม่คิดที่จะหนีออกจากองค์กรอีก”

ริมฝีปากสีแดงของฉินซี เปิดปากพูดช้าๆ

เมื่อก่อนตอนที่เธอยังอยู่องค์กร เข้าออกห้องหนังสือของจ้านเซินเป็นประจำ

ครั้งแรกที่ฉินซีเห็นว่าบนชั้นหนังสือของจ้านเซินมีพระไตรปิฎกอยู่ เธอเองก็แปลกใจมาก

แต่ภายหลังพบว่าจ้านเซินไม่หยุดแค่หนังสือแบบนี้เล่มเดียว บนชั้นหนังสือของเขามีทุกแบบทุกประเภท

และเพราะเหตุนี้ แม้ว่าการแสดงออกของจ้านเซินจะเย็นชาไร้อารมณ์ แต่ฉินซีรู้สึกมาโดยตลอด ว่าในใจของจ้านเซินยังคงมีความอบอุ่นอยู่

เหยาจ้าวคิดไม่ถึงว่าการแสดงออกของเขาจะคลุมเครือแบบนี้ คงมีเพียงฉินซีเท่านั้นที่สามารถเข้าใจความหมายได้

“ปริศนาระหว่างพวกเธอ ไม่มีใครเดาออกได้เลยจริงๆ”

บางทีนี่อาจเป็นความเข้าใจไปโดยปริยายจากการที่ฉินซีกับจ้านเซินอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน

“เฮ้อ…..”

ฉินซีถอนหายใจยาว ไม่ได้พูดอะไร

เธอไม่รู้ว่าควรอธิบายเรื่องราวระหว่างเธอกับจ้านเซินยังไง มองเหม่อไปที่พระไตรปิฎกในมือ

ในเวลาต่อมา ฉินซีเอาแต่อยู่ในห้อง อ่านหนังสือที่จ้านเซินให้มาอย่างซื่อตรง ทุกครั้งที่อ่านจบ ก็ให้เหยาจ้าวมาเอาไปคืนจ้านเซิน เปลี่ยนเป็นเล่มใหม่มา

ดูเหมือนว่าเธอจะตกตะกอนได้แล้ว ทุกวันอยู่แต่ในห้อง มากสุดก็ไปอาบแดดที่ระเบียง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย

จ้านเซินมักจะยืนอยู่บนที่สูง ดูท่าทางผ่อนคลายของเธอ สังเกตว่าเธอมีความคิดที่จะหนีไปหรือไม่

แต่จ้านเซินเฝ้ามองมาแล้วระยะนึง พบว่าฉินซีไม่คิดจะหนี

มันทำให้ในใจของเขาค่อยๆคลายความระแวดระวังลง

……

อีกด้านหนึ่ง

บาดแผลของลู่เซิ่นเองก็ดีขึ้นมากแล้ว กำลังเข้าสู่การฟื้นฟูสมรรถภาพ

โจวเอ้อได้รับข่าวสารของฉินซีมาแต่แรกแล้ว รู้ว่าแม้ว่าฉินซีจะถูกควบคุมพฤติกรรมอยู่ในองค์กร แต่ในด้านการกินอยู่ จ้านเซินไม่เคยปฏิบัติไม่ดีกับเธอ

หลังรับรู้ข่าวนี้ หัวใจของลู่เซิ่นก็วางไว้ในท้อง

ในขณะที่เขาพักฟื้นอย่างวางใจ ก็ได้วางแผนเรื่องที่จะช่วยฉินซีออกมาขึ้นอีกครั้ง

พอโจวเอ้อกลับมา ก็เห็นลู่เซิ่นกำลังฟื้นฟูสมรรถภาพอยู่อีก “ลู่เซิ่น โจวซิงบอกว่าอาการของนายตอนนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อนให้ได้รับบาดเจ็บ”

ลู่เซิ่นนอนอยู่บนเตียงมาครึ่งเดือน ในที่สุดก็เกือบจะฟื้นตัวได้แล้ว ไม่อาจปล่อยให้บาดแผลปริออกได้

“นายวางใจเถอะ ฉันรู้จักร่างกายของฉันดี

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท