Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1429

ตอนที่ 1429

บทที่1429 ผ่อนคลายความสัมพันธ์

จ้านเซินอยากจะเอ่ยปากห้าม แต่เขาพึ่งจะอ้าปาก อีกฝ่ายก็ส่งชามมาให้เขาแล้ว

พนักงานยิ้มอย่างเอาใจ “บอส ของคุณครับ”

จ้านเซินมองชามที่เต็มไปด้วยซี่โครง ในใจซับซ้อนอย่างมาก

ต่อหน้ารอยยิ้มที่สดใสของพนักงาน จ้านเซินได้แต่รับมาอย่างช่วยไม่ได้

ตักก็ตักมาแล้ว ตอนนี้จะเทกลับไปก็ไม่ได้

“อืม”

จ้านเซินพยักหน้า ถือชามจากไป

เขาหาฉินซีเจอ นั่งลงข้างๆเธอ

ฉินซีกำลังกินซี่โครงในชามของตนอย่างพึงพอใจ เห็นการเคลื่อนไหวด้านข้าง ก็เงยหน้าเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าเป็นจ้านเซิน ฉินซีก็เก็บสายตากลับมา สายตามองเห็นชามของจ้านเซินโดยไม่ระวัง

ทันใดนั้นฉินซีก็รู้สึกว่าซี่โครงที่อยู่ในปากไม่หอมหวนอีกต่อไปแล้ว

เธอขมวดคิ้ว คายกระดูกออกมา

ฉินซีมองไปที่จ้านเซิน เอ่ยปากอย่างไม่พอใจ “พนักงานที่มาใหม่ของโรงอาหารลำเอียงเกินไปแล้ว ทำไมตักให้นายเยอะขนาดนั้น ตักให้ฉันน้อยขนาดนี้”

เธอมองตรงไปที่ชามของจ้านเซิน อยากที่จะแย่งมา

จ้านเซินกำลังกังวลว่าจะกำจัดซี่โครงทั้งหมดในชามยังไง ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยมีนิสัยกินทิ้งกินคว้าง นี่เป็นการสั่งสอนในองค์กร

“ให้เธอ”

โดยไม่ลังเล จ้านเซินผลักชามไปที่หน้าฉินซีทันที “เธออยากกิน ชามนี้ให้เธอหมดเลย”

ถึงอย่างไรเขาก็ไม่หิวเลยซักนิด แม้ว่าจะหิว ก็จะให้ฉินซีก่อน

ต่อหน้าความใจกว้างของจ้านเซิน ฉินซีคุ้นชินกับมันมานานแล้ว

เมื่อก่อนตอนเธออยู่องค์กร จ้านเซินมักจะเป็นแบบนี้

ฉินซียื่นตะเกียบออกไปที่ชามของจ้านเซินโดยไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย “นายไม่กินจริงๆหรอ?”

ก่อนที่จะลงมือ ฉินซีก็ถามขึ้นอีกรอบ

จ้านเซินพยักหน้า เอ่ยปากพึมพำ “ไม่หิวเท่าไหร่”

เขาใช้สายตาส่งสัญญาณให้ฉินซี ให้เอาไปกินก็พอ

แต่ฉินซียังมีข้อจำกัด “ฉันเองก็กินเยอะขนาดนั้นไม่ไหว จะฝืนใจช่วยนายซักครึ่งนึงแล้วกัน”

ขณะที่พูด ฉินซีก็คีบซี่โครงในชามของจ้านเซินไปแล้วครึ่งนึง

ใบหน้าเป็นธรรมของฉินซีเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับสุนัขจิ้งจอกที่ขโมยปลาได้สำเร็จ จ้านเซินที่มองอยู่กระตือรือร้น

“โอเค ที่เหลือให้นาย นายรับผิดชอบกินให้หมด อย่าทิ้งขว้าง”

ฉินซีผลักชามกลับไปตรงหน้าจ้านเซิน พูดพลางยิ้ม

จ้านเซินไม่ได้อยู่ตามลำพังกับฉินซีอย่างสบายๆเป็นธรรมชาติแบบนี้มานานแล้ว เกิดความรู้สึกพิเศษขึ้นในใจ แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นรสชาติแบบไหน

ต่อหน้ารอยยิ้มที่สดใสของฉินซี จ้านเซินพยักหน้าอย่างไม่เป็นตัวเอง “อืม”

เขาตอบตกลงเบาๆ แล้วฉินซีก็ส่งของใช้แล้วทิ้งมาให้

“ผ่านมาหลายปีแล้ว ซี่โครงของที่นี่ยังมีรสชาติเหมือนเดิม พ่อครัวเฒ่าที่ทำซี่โครง อายุก็น่าจะมากแล้วนะ”

ฉินซีครุ่นคิด เปิดหัวข้อขึ้นมา

เธอพูดพร้อมถอนหายใจ จ้านเซินพูดคล้อยตาม “อืม เขาไม่ได้ทำซี่โครงแล้ว ส่งต่องานฝีมือให้ลูกชายเขา ที่เธอกินอยู่ตอนนี้คือลูกชายเขาทำ”

พูดคำนี้ออกไป ฉินซีก็เข้าสู่ความทรงจำ

เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ พริบตาเดียวเธอกับจ้านเซินก็เติบโตแล้ว

แล้วคนดั้งเดิมพวกนั้นในองค์กรก็มาแล้ว ไม่รู้ว่ากลุ่ม “สัตว์ประหลาด” ในห้องทดลองนั้นเป็นยังไงบ้าง?

แต่ฉินซีก็ไม่ได้ใส่ใจ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีกับคนพวกนั้น

พวกเขาเฉยเมยเกินไป ทุกครั้งที่ฉินซีเข้าไป มักจะต้องนอนลง ถูกทรมานจนไม่เหมือนคน

“จริงหรอ?”

ฉินซีดื่มซุปไปหนึ่งอึก ชิมรสชาติ “ดูเหมือนว่าพ่อครัวเฒ่าจะมีผู้สืบทอดแล้ว ฝีมือของลูกชายเขาไม่เลวเลย”

ริมฝีปากแดงโค้งขึ้น ฉินซีในตอนนี้ดูเงียบสงบและอ่อนโยน สวยงามราวกับตัวละครในภาพวาด

ถ้าเป็นไปได้ จ้านเซินหวังจริงๆว่า เวลาจะสามารถหยุดอยู่ที่ตรงนี้

ตอนที่ทั้งสองพูดคุยกัน เหยาจ้าวเองก็ได้อาหารมาแล้ว

หลังจากที่ทั้งสามจัดการอาหารกลางวันไปแล้ว ก็ออกจากโรงอาหาร

ถึงหน้าประตู ฉินซีโบกมือให้จ้านเซิน นายไปทำงานเถอะ ฉันไปฝึกต่อ”

ตอนนี้เวลาที่อยู่กับจ้านเซินเธอเป็นธรรมชาติมาก ทำให้จ้านเซินเกิดภาพลวงตา รู้สึกเหมือนเรื่องในวันนั้นไม่เคยเกิดขึ้น

ฉินซียังคงเป็นเธอในตอนเด็ก เธอไม่ได้อยากหนีจากการควบคุมขององค์กร

เหตุการณ์ที่ผ่านมา เป็นเพียงแค่ฝันร้ายของจ้านเซิน ตอนนี้ตื่นจากฝันแล้ว เรื่องทั้งหมดกลับมาสู่สภาพเดิมที่เคยเป็น

จ้านเซินยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของฉินซี ดวงตาสีเข้มฉายแววมืดสลัว

เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ยังไง เอาแต่รู้สึกว่ามันไม่จริง แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริง

จ้านเซินมองส่งฉินซีจากไป ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูโรงอาหาร

“ครืดครืดครืด….”

ในตอนที่จ้านเซินกำลังใจลอยอยู่นั่นเอง มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมา

เขาขมวดคิ้ว หยิบมือถือออกมา

จ้านเซินเหลือบมองหมายเลขที่โทรเข้ามา กดปุ่มรับสาย

“ฮัลโหล ถังย่า”

โทรศัพท์สายนี้ เป็นถังย่าโทรเข้ามา

ปลายสายโทรศัพท์ ถังย่ากำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง รายงานให้เขาฟัง “ฉันไปดูลู่เซิ่นที่โรงพยาบาลมาแล้ว ช่วงนี้เขาค่อนข้างสงบ อาการบาดเจ็บบนร่างกายก็ดีขึ้นพอสมควรแล้ว ในขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าสงสัย”

เธอบีบไหล่ที่ปวดเมื่อย บนหน้าผากยังมีเหงื่อที่ยังไม่แห้ง

เพื่อหลีกเลี่ยงความอ่อนตัวของกล้ามเนื้อในร่างกาย เมื่อกี้ถังย่าพึ่งไปออกกำลังที่สนามมวย ฝึกซ้อมพร้อมกับซิวหน่ายซิง เพื่อให้ระบบในร่างกายทำงานตามปกติ

พูดถึงลู่เซิ่น สีหน้าของจ้านเซินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที

ริมฝีปากบางเปิดเบาๆ เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชา “คอยตามดูเขาต่อไป ถ้าลู่เซิ่นมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอะไรก็ตาม รายงานฉันทันที”

ทางฝั่งลู่เซิ่นมักมีอันตรายซ่อนอยู่ ถ้าไม่กำจัดทิ้ง จ้านเซินก็ยากที่จะนอนหลับอย่างสงบได้

แล้วตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉินซีพึ่งผ่อนคลายลงเล็กน้อย จ้านเซินไม่ต้องการให้มันต้องเสื่อมถอยไปอีกเพราะลู่เซิ่นเป็นเหตุ

ที่ทำให้จ้านเซินไม่วางใจขึ้นไปอีกก็คือ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจของฉินซีคิดอะไรอยู่กันแน่

ยังคงเป็นเหมือนเดิม เป็นห่วงเป็นใยลู่เซิ่นอยู่ไหม

ถ้าเขาทำให้ลู่เซิ่นตาย แล้วฉินซีจะฆ่าตัวตายตามไปไหม

เพราะความไม่แน่ใจนี้ ทำให้จ้านเซินไม่กล้าลงมือเสียที

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ใส่ใจความรู้สึกของฉินซีมากเกินไป ไม่อย่างนั้นเขาก็กำจัดลู่เซิ่นไปตั้งนานแล้ว

ถังย่ารู้ความกังวลในใจของเขา พยักหน้า “ค่ะ”

การรายงานของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว พูดตามเหตุผล ก็ควรวางสายไปได้แล้ว แต่ถังย่ากลับทำใจไม่ได้เล็กน้อย

ถังย่ากลับมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ช่วงเวลานี้จ้านเซินไม่เคยโทรหาเธอเลยซักครั้ง

เธอยังได้ยินว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างจ้านเซินกับฉินซีไม่เลวเลยทีเดียว เมื่อกี้ยังกินข้าวด้วยกัน

ดังนั้น ถังย่าจึงแทบรอไม่ไหวที่จะโทรมาหา เห็นๆอยู่ว่าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรที่ต้องรายงาน แต่ก็ยังอยากคุยกับจ้านเซิน อยากที่จะฟังเสียงของเขา

ความรักของถังย่าไร้ถึงขนาดนี้ เอาตัวเองไปจมอยู่ในกองฝุ่น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท