Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1439

ตอนที่ 1439

บทที่1439 สงบใจรอฉัน

“เปลี่ยนอันอื่นดีกว่า”

เดิมทีโจวเอ้อก็รู้สึกว่าอันนี้มันธรรมดา น่าจะค่อนข้างเหมาะ แต่กลับไม่คิดว่าสวมแล้วจะมีผลลัพธ์แบบนี้

เขารู้สึกว่า ยังดูเด่นเกินไป

ลู่เซิ่นถอดหน้ากากออก หยิบเสือดาวข้างๆขึ้นมา

หลังจากเขาสวมเข้าไปอีกครั้ง โจวเอ้อก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยได้

“เอ่อ….”

“เปลี่ยนอีกอัน”

โจวเอ้อส่งสิงโตไปให้

ลู่เซิ่นมองเขาอย่างขุ่นเคือง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ทำไมมีแต่สัตว์ ไม่มีที่เรียบง่ายหน่อยหรอ แบบที่ไม่มีลวดลายอะไร”

มองไปจนทั่ว นอกจากพวกอันที่เขาลองไปเมื่อกี้ ยังมีกระต่าย แกะ เสือและอื่นๆ

ลู่เซิ่นรู้สึกว่าโจวเอ้อคงจะอยากย้ายสวนสัตว์มานี่

“มี”

ตอนนั้นโจวเอ้อสุ่มหยิบมาจากร้านขายของเล่น

ร้านขายของเล่นนะ! มีแต่ของเล่นของเด็ก

เด็กๆเป็นธรรมดาที่จะชื่นชอบแนวสิงสาราสัตว์ ดังนั้นจึงมีแบบเยอะหน่อย

แบบที่เรียบง่าย ไม่มีลวดลาย กลับมีน้อยมาก

แต่โจวเอ้อก็หามาได้สองสามอัน

เขารู้ ลู่เซิ่นไม่ค่อยชอบของที่หวือหวา

โจวเอ้อส่งอันที่เป็นสีดำล้วนให้

ในตอนที่ลู่เซิ่นเห็นหน้ากากสีดำ บนนั้นมีแถบสีทองอยู่สองสามเส้น ตาก็เป็นประกาย

หลังจากเขาสวมแล้ว ส่องกระจกดู ก็เอ่ยปากอย่างพอใจ “เอาอันนี้แหละ”

โจวเอ้อสังเกตดูเล็กน้อย อันนี้หลบซ่อนกว่าพวกเมื่อกี้หน่อยจริงๆ

ดังนั้น โจวเอ้อจึงหยิบสีเงินอีกอันขึ้นมา

“งั้นฉันเอาอันนี้”

ลายสัตว์พวกนั้นมันเว่อร์เกินไป แล้วยังดูปัญญาอ่อนด้วย

โจวเอ้อเองก็ไม่ได้ชอบมาก อาจเป็นเพราะอยู่กับลู่เซิ่นมานานแล้ว แม้แต่ความชอบยังค่อยๆเปลี่ยนเป็นคล้ายกัน

ทั้งสองอยู่ที่นี่เตรียมการเพื่องานเลี้ยงในอีกสองวัน พริบตาเดียวฟ้าก็สว่างแล้ว

……

ขณะเดียวกัน

ในองค์กร

ฉินซีไม่ฝันทั้งคืน หลับจนฟ้าสว่าง

เดิมทีเธอนึกว่าเมื่อคืนตนจะต้องนอนไม่หลับแน่ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะหลับได้สนิทขนาดนี้

อาจเป็นเพราะเดี๋ยวจะได้เจอลู่เซิ่นแล้ว อารมณ์ดี มีความสุขจนคุณภาพการนอนดีขึ้นมา

ฉินซีคิดอย่างดีใจ ไม่ได้รอให้นาฬิกาปลุกดัง ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างตัว

แต่ก่อนตอนเธออยู่ข้างนอก เธอขี้เกียจมาก

ช่วงหนึ่งเดือนกว่ามานี้ ฉินซีก็กลับมาสู่กิจวัตรเดิม

พอฉินซีจัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ตอนที่ออกไป ก็บังเอิญได้ยินเสียงเคาะประตู

“ก๊อกก๊อกก๊อก…..”

ฉินซีวางผ้าขนหนูไว้บนไม้แขวนเสื้อ นึกว่าเหยาจ้าวมาแล้ว ใบหน้าเผยความตื่นเต้นดีใจ

เธอรีบเดินไปเปิดประตู

ในนาทีที่ประตูห้องเปิดออก รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีก็หายไปทันที

คนที่อยู่นอกประตูไม่ใช่เหยาจ้าว แต่เป็นจ้านเซิน

จ้านเซินเห็นอารมณ์เธอเปลี่ยน ก็ขมวดคิ้ว “เธอเป็นอะไร?”

เขารู้สึกว่าอารมณ์ของฉินซีดูผิดปกติ หรี่ตาลงอย่างอันตราย

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร นายมาทำไม”

ฉินซีส่ายหัว น้ำเสียงยังมีความเศร้าซึมจากการพึ่งตื่นนอน

มองไม่เห็นเหยาจ้าว ในใจของฉินซีก็รู้สึกไม่เป็นสุข และยังรู้สึกกังวล

แต่ว่า เธอไม่สามารถแสดงออกมาต่อหน้าจ้านเซิน

ฉินซีสูดหายใจลึก ไม่นานก็จัดการอารมณ์ได้

จ้านเซินก้มมองเธอจากมุมสูง อยากจะหาพิรุธในการแสดงออกของเธอ “วันนี้เธอออกไปปฏิบัติภารกิจ ฉันมาทำให้เธอผ่อนคลาย เตือนเธอซักสองสามคำ”

“ฉันเข้าไปได้ไหม?”

จ้านเซินมองเข้าไปข้างใน เอ่ยปากเบาๆ

ฉินซีพึ่งตระหนักได้ว่าเขายังยืนอยู่ที่หน้าประตู จึงรีบพูดขึ้น “ได้แน่นอน”

เธอเบี่ยงตัว ให้จ้านเซินเดินเข้าไป

ในตอนที่ฉินซีเตรียมจะปิดประตูห้อง เหยาจ้าวก็รีบร้อนมา

“รอก่อน!”

เห็นฉินซีจะปิดประตู เหยาจ้าวก็รีบส่งเสียงหยุดไว้

ฉินซีได้ยินเสียง ใบหน้าก็เผยความตื่นเต้นดีใจ

เธอสังเกตสีหน้าของเหยาจ้าวอย่างละเอียด เห็นเขาดูท่าทางผ่อนคลายมาก ในใจก็รู้สึกโล่งไม่น้อย

ดูท่าเรื่องที่มอบหมายไปเมื่อคืน เหยาจ้าวจะทำสำเร็จแล้ว

ฉินซีแสร้งทำเป็นเฉยเมย “นายมาทำอะไร?”

เธอทำท่าขวางประตูห้องไว้ ไม่ให้เหยาจ้าวเข้ามา

เหยาจ้าวยืนกั้นกลางประตูด้วยความหน้าหนา “เฮ้เฮ้ น้องสาวคนดีของฉัน เธอบอกว่าฉันมาทำอะไร แน่นอนว่าเป้าหมายเดียวกับจ้านเซินไง”

เขาใช้โอกาสนี้ เข้าใกล้ฉินซี

เหยาจ้าวใช้เสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนที่ได้ยินพูดขึ้น “ทางด้านลู่เซิ่นตอบตกลงมาแล้ว เธอออกไปอย่างวางใจได้”

เสียงของเขาเล็กเหมือนยุง จ้านเซินที่อยู่ในห้องไกลๆก็ไม่ได้ยิน

ร่างของฉินซีบังเอิญบดบังรูปปากของเหยาจ้าวพอดี เธอได้ยินคำพูดของเหยาจ้าว ดวงตาสีเข้มก็มีแสงแวบผ่าน

เธอเม้มมุมปาก ไม่ได้พูดอะไร

ฉินซีอดกลั้นอารมณ์ตื่นเต้นในใจเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใครต้องการให้นายมาส่ง”

แม้ว่าใบหน้าของเธอจะดูหมดความอดทน แต่ก็ยังปล่อยมือที่จับประตูไว้

ฉินซีพูด พลางหันตัวเดินเข้าไปในห้อง

เธอปล่อยมือกะทันหัน ทำเอาเหยาจ้าวเกือบจะล้มลงกับพื้น

เหยาจ้าวรีบจับขอบประตูไว้ ถึงประคองตัวไว้ได้

เขากัดฟันกรอดมองไปที่ฉินซีที่หันตัวไปอย่างไม่แยแส แล้วพูดอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย “ฉินซี เธอใจร้ายเกินไปแล้วนะ”

เหยาจ้าวเดินตามไปอย่างรวดเร็ว

มองดูความเข้ากันได้ของเหยาจ้าวกับฉินซี จู่ๆจ้านเซินก็รู้สึกอิจฉา

ตอนนี้เวลาที่ฉินซีอยู่ต่อหน้าเขา จ้านเซินมักจะรู้สึกว่ามีอะไรน้อยกว่าเมื่อก่อน

“ฉันใจร้ายตรงไหน”

เพราะว่าทำเรื่องสำเร็จมาครึ่งนึงแล้ว ฉินซีจึงอารมณ์ดีมาก พูดจาก็มีความขี้เล่น

จ้านเซินพอจะดูออก ว่าตอนนี้ฉินซีดีใจมาก

เพียงแต่ เธอมีความสุขเพราะจะได้ออกไปทำภารกิจ หรือว่า อยากออกไปเจอลู่เซิ่น ถึงได้มีความสุขล่ะ?

จ้านเซินเหลือบตาขึ้น ในสมองคิดอย่างสับสน

“เธอ!”

เหยาจ้าวถูกฉินซีทำให้โกรธจนฉุน อดไม่ได้ที่จะกรอกตา

“หึ!”

เขาหึอย่างเย็นชา “ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน ฉันจะไม่โต้เถียงกับเธอ”

เหยาจ้าวหย่อนก้นลงบนโซฟา

จ้านเซินก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ “ใกล้ได้เวลาแล้ว เธอเก็บของเรียบร้อยหมดหรือยัง?”

เขารู้ ว่าเวลาฉินซีปฏิบัติภารกิจ ชอบเอาอุปกรณ์ของตัวเองไปด้วย

“เก็บเรียบร้อยแล้ว”

เมื่อพูดถึงเรื่องธุรกิจ ใบหน้าของฉินซีก็กลับมาจริงจัง พยักหน้า

จ้านเซินหยิบกล่องเล็กๆหนึ่งใบออกมาส่งให้เธอ “ด้านในเป็นหน้ากากกับเสื้อผ้าที่เธอจำเป็นต้องใช้ สำหรับงานเต้นรำสวมหน้ากากในครั้งนี้ ฉันเตรียมไว้ให้เธอแล้ว”

เขาคิดไว้รอบคอบมาก

ฉินซีเปิดออกดู ด้านในเป็นชุดกระโปรงประดับเลื่อมสีเบอร์กันดี

ความยาวถึงหัวเข่าพอดี สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก

ด้านในยังมีหน้ากากสีทอง ดูละเอียดสวยงามมาก

ปฏิเสธว่า จ้านเซินเข้าใจความชอบของเธอมากจริงๆ

ใบหน้าของฉินซีเผยรอยยิ้มบางๆ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ของคุณนะ จ้านเซิน ฉันออกไปครั้งนี้ จะไม่ทรยศความคาดหวังของนาย นายรอฉันอย่างสบายใจอยู่ที่องค์กรได้เลย”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท