Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1464

ตอนที่ 1464

บทที่ 1464 พบเจออันตราย

เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ ทำให้ฉินซีตะลึงงัน

แต่ว่า ไม่นานเธอก็ได้สติ

ฉินซีสูดหายใจเข้าลึก พยายามบังคับตัวเองให้สงบลง

เธอไม่ได้พูดอะไรออกไป นิ่งเงียบรอให้ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยปากขึ้น

หรูเว่ยเสียงคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่บุกมาจะเป็นผู้หญิง แววตาเผยความประหลาดใจออกมา:“คุณกำลังหาอะไรอยู่?”

แต่ว่าเขาอยู่เขาคุกคลีอยู่ในวงการนี้มาหลายปี ในใจของหรูเว่ยเสียงเยือกเย็นจนกลายเป็นน้ำแข็งเสียแล้ว

ความประหลาดใจในตอนแรกเริ่ม จางหายไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ขอเพียงแค่เป็นภัยต่อหลูจื๋อหลินล้วนเป็นศัตรูของเขา

หรูเว่ยเสียงที่อยู่ตรงข้ามถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม ฉินซีพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า:“หากฉันบอกว่า ฉันไม่ได้หาอะไร คุณจะเชื่อไหม?”

เธอดัดเสียงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

ประโยคง่ายๆของฉินซีประโยคนี้ ทำให้หรูเว่ยเสียงโกรธในทันใด

“คุณคิดว่าผมจะเชื่อไหม?”

มือที่บีบไหล่ของฉินซีบีบแรงขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของหรูเว่ยเสียงเผยความโกรธออกมา

เขาไม่มีอารมณ์ที่จะมาล้อเล่นกับฉินซี

ฉินซีรู้สึกได้ถึงอารมณ์โกรธของเขา ยิ้มอ่อนพลางเอ่ยปากขึ้นว่า:“ฉันเข้าใจแล้ว”

เธอทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับกำลังพูดคุยในชีวิตประจำวันเท่านั้น

หรูเว่ยเสียงมองไปที่ดวงตาเรียบเฉยของเธอ และถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า:“คุณไม่กลัวผมลงมือข้าคุณเลยเหรอ?”

รูม่านตาของเขาหรี่ลง คิดว่าฉินซีเป็นคนที่แปลกที่สุดที่เขาเคยเจอมาในหลายปีนี้

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงจะคุกเข่าร้องขอชีวิต ขอร้องเขาให้ปล่อยเธอไป

แต่ฉินซีมีเพียงแค่แรกเริ่มที่รู้สึกตกใจ เวลาที่เหลือล้วนแต่สงบสติอารมณ์ ราวกับที่นี่เป็นบ้านของตน เขาต่างหากที่เป็นคนบุกรุก

ฉินซีไม่ได้ตอบคำถามเขาตรงๆ ยกริมฝีปากขึ้นเบาๆ:“หากฉันบอกว่าฉันกลัว แล้วคุณจะปล่อยฉันไปไหม?”

เธอกลับถามย้อนกลับเขา และจ้องมองตรงไปที่หรูเว่ยเสียง

หรูเว่ยเสียงส่ายหัวอย่างไม่ลังเล:“ไม่”

เขาเป็นบอดี้การ์ดที่หลูจื๋อหลินจ้างมา การดูแลรักษาสิ่งของในห้องแห่งนี้เป็นความรับผิดชอบของเขา

ในเมื่อฉินซีอยากจะมาขโมยของที่นี่ นั้นก็หมายความว่าเธอล้ำเส้นของเขา แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมใจอ่อนปล่อยเธอไป

“นั้นก็ถูกแล้ว”

ฉินซีมองบน พลางยักไหล่:“คุณก็บอกเองว่าคุณจะไม่ปล่อยฉันไป แล้วถ้าฉันจะขอร้องคุณจะมีประโยชน์อะไร ก็แค่ทำให้คนหัวเราะเยอะ ฉันเป็นคนรักศักดิ์ศรีของตัวเอง ต่อให้ต้องตายก็ต้องตายอย่างมีมีเกียรติ ฉันจะไม่ยอมก้มหน้าอย่างเด็ดขาด คุณเลิกหวังเถอะ”

เธอวิพากษ์วิจารณ์ ท่าทางยอมตายแต่ไม่ยอมศิโรราบ ราวกับตนเองกำลังช่วยคลายความทุกข์ยากของประชาชน

ความเป็นจริงแล้วภารกิจที่ฉินซีทำอยู่ตอนนี้เดิมก็ทำเพื่อประชาชน เพียงแต่ว่าใช้วิธีการที่บอกคนอื่นไม่ได้แค่นั้นเอง

แต่ว่า หลายๆครั้งวิธีการปกติก็ไม่สามารถต่อกรกับคนเลวได้

เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องใช้วิธีพิเศษที่พอจะให้อภัยได้ ฉินซีไม่รู้สึกว่าผิดตรงไหน

เผชิญหน้ากับท่าทีเห็นความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิ ของเธอ ในใจลึกของหรูเว่ยเสียงไม่รู้จะพูดอะไรออกมา

คำพูดทั้งที่ดีและไม่ดีต่างให้ฉินพูดออกมาจนหมดแล้ว เขายังจะมีอะไรที่ต้องพูดอีก

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมในใจของหรูเว่ยเสียงจู่ๆก็รู้สึกสนุกขึ้นมา

เขาอยากที่จะแกล้งฉินซีเล่น ดูว่าเธอจะไม่รู้สึกหวาดกลัวเหมือนที่ปากเธอพูดหรือเปล่า

หรูเว่ยเสียงพูดขึ้นอย่างไร้ความรู้สึกว่า:“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ผมก็จะส่งคุณไปตามทางของคุณ”

“คาชา!”

หรูเว่ยเสียงชักปืน

เขาเล็งไปที่เธอ ราวกับตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะฆ่าเธอทิ้ง

เมื่อสักครู่นี้ฉินซีก็แค่ต้องการยื้อเวลาเท่านั้น เพื่อหาโอกาสในการหลบหนี

เมื่อเห็นว่าเขาชักปืน ดวงตาก็เผยแววสับสนอลม่านออกมา

“ช้าก่อน!”

ฉินซีไม่อยากตายก่อนวัยอันควรแบบนี้ เธอรีบเรียกหรูเว่ยเสียงเพื่อให้เขาหยุด

เธอใช้โอกาสนี้คว้าปืนของแล้วเปลี่ยนตนเองให้เป็นฝ่ายรุก

หรูเว่ยเสียงคิดไม่ถึงว่าด้านหลังของเธอจะเป็นแบบนี้ เขาก็แค่คลายมือลงนิดเดียว แต่กลับทำให้เธอได้โอกาสและปืนที่อยู่ในมือก็หล่นลง

เมื่อได้สติว่าฉินซีกำลังจะหลบหนี ชั่วขณะนั้นหรูเว่ยเสียงก็โกรธ

เขาไม่อ่อนข้อให้ และเริ่มโจมตีฉินซีอย่างรุนแรง

ฉินซีไม่ได้อยากทำร้ายใคร เธอหยิบปืนขึ้นมายิ่งไปทั่วห้อง และยังไม่ยอมจากไป

เธอรับปากจ้านเซินไว้แล้วว่า จะต้องหาหลักฐานให้ได้แล้วลงโทษหลูจื๋อหลินตามกฎหมาย

ตอนนี้เธอยังทำไม่สำเร็จ แน่นอนว่าเธอจะไม่จากไปมือเปล่า

เมื่อทราบวัตถุประสงค์ของเธอแล้วหรูเว่ยเสียงก็รีบโทรเรียกหน่วยสนับสนุน:“รปภ.รีบขึ้นมาสักสองสามคน มีคนบุครุก”

เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง รอบกายเต็มไปด้วยไอแห้งความหนาวเหน็บ

……

ในขณะเดียวกัน

ลู่เซิ่นก็อยู่ในงานปาร์ตี้ และรอการกลับมาของฉินซีอย่างร้อนใจ

สายตาของเขาไม่เคยละสายตาจากฉินซี เมื่อสักครู่นี้ตอนนี้ฉินซีจากไปตัวคนเดียว ลู่เซิ่นก็รู้ว่าเธอไปจัดการภาระกิจ

ฉินซีบอกว่า อย่างมากเธอก็จะไปแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้เลยเวลามาห้านาทีแล้ว เธอยังไม่โผล่มาแม้แต่เงา

เมื่อเห็นว่าฉินซียังไม่กลับมา ใจของลู่เซิ่นก็อดไม่ได้ที่จะร้อนรน

เมื่อเข็มนาฬิกาชี้ไปที่สี่สิบนาที ลู่เซิ่นก็ไม่สามารถระงับความกังวลของตนได้ รีบเดินไปข้างๆโจวเอ้อ

ลู่เซิ่นพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า:“โจวเอ้อ ดูเหมือนว่าฉินซีจะเกิดเรื่อง ผมจะขึ้นไปดูสักหน่อย นายพลางตัวอยู่ตรงนี้แล้วกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นให้รีบติดต่อผม”

เขาพูดพลางใส่หูฟังบลูทูธ

เมื่อโจวเอ้อได้ยินน้ำเสียงกลัดกลุ้มของเขา ก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของเรื่องที่เกิดขึ้น

เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง พลางพูดขึ้นเสียงเบาว่า:“ได้ คุณก็ระวังตัวด้วย”

โจวเอ้อกำชับลู่เซิ่นเพราะไม่วางใจ แต่เหมือนลู่เซิ่นกลับไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย

ในใจของเขาเหลือเพียงฉินซีคนเดียว และอาศัยช่วงเวลาที่ไม่มีใครสนใจ วางของไว้ที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องน้ำ

ขณะที่ลู่เซิ่นอยู่ระหว่างทางไปช่วยฉินซี เขาก็เห็นรปภ.กลุ่มหนึ่ง ปากบ่นพึมพำว่า:“เร็วเข้า!อย่าชักช้า เดี๋ยวหัวหลุดจากบ่าหรอก!”

สีหน้าท่าทางของรปภ.กลุ่มนั้นรีบร้อน ดูเหมือนว่ากำลังเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น

ใจของลู่เซิ่นเต้น“ตึกๆ” ลางไม่ดีผุดขึ้นมาให้หัวของเขา

“ฉินซี คงไม่ได้ถูกจับได้หรอกนะ?”

คนเยอะขนาดนี้ ดูเหมือนจะไปจับใคร

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ลู่เซิ่นก็อดไม่ได้รีบเร่งฝีเท้าของตน

ไม่ได้!

เขาจะต้องรีบไปช่วยฉินซี ก่อนที่เธอจะถูกจับได้

ลู่เซิ่นรู้ดีว่าชุดของพนักงานเสิร์ฟนั้นเป็นที่สังเกตเกินไป จึงเปลี่ยนชุดก่อน จากนั้นไปตามทางของฉินซี แล้วปีนขึ้นไปบนห้องของหลูจื๋อหลิน

เท้าของเขาเหยียบพื้นอย่างเงียบๆ ก็เห็นฉินซีกับผู้ชายคนหนึ่งกำลังต่อสู้กันอยู่

ผู้ชายคนนั้นใส่ชุดเหมือนกับรปภ.ที่เขาพบเจอไม่มีผิด

เมื่อเห็นว่าฉินซีตกอยู่ในอันตราย สีหน้าของลู่เซิ่นก็เปลี่ยนไป และรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท