Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1444

ตอนที่ 1444

บทที่ 1444 พบหน้า

เหมือนสุภาษิตที่ว่ารับของคนอื่นแล้วต้องตอบแทน

หลังจากทั้งสามคนรับของขวัญ ก็เกรงใจไม่กล้าทำหน้านิ่งอีก

เมื่อจัดการทั้งหมดเรียบร้อย โจวเอ้อก็เดินกลับไปหาลู่เซิ่น

“เรียบร้อยแล้ว”

โจวเอ้อตบมือ ในใจรู้สึกโล่งอก

ลู่เซิ่นมองเขาท่าทางสบายใจ พยักหน้า “ขอบใจนาย พวกเราไปเฝ้าข้างหน้ากันเถอะ”

ลองกะเวลาดูแล้ว อีกแค่สิบกว่านาทีฉินซีก็น่าจะมาถึงแล้ว

ไม่รู้ว่าตอนที่ฉินซีเห็นเขาจะจำได้หรือไม่

ลู่เซิ่นครุ่นคิด ตัวเองใส่หน้ากากหนังคน แม้ก่อนหน้านี้สองคนจะอยู่ด้วยกันตลอด แต่ฉินซีคงจะคาดไม่ถึง เขาจะหน้าตาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ลู่เซิ่นกับโจวเอ้อเพิ่งจะมาถึงเคาน์เตอร์ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากไกลๆ

ลู่เซิ่นหันไปมองทางประตูทันที ดวงตามีประกายของการรอคอย

เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ นาทีนี้ ลู่เซิ่นได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นเร็วขึ้น

เขาสูดลมหายใจลึก บังคับตัวเองให้เย็นลง อย่าถูกจับได้

เวลาเดียวกัน

ฉินซียังไม่รู้ว่าลู่เซิ่นมารอแล้ว

เธอก้าวเท้าสง่างาม ท่วงท่าผลักประตูเข้าไปในสถานที่จัดงานเป็นธรรมชาติ

ลู่เซิ่นจ้องมองเธอไม่กะพริบ แววตามีความหมายลึกซึ้ง

สายตาของเขาเร่าร้อนขนาดนั้น ทำเอาฉินซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ไม่รู้เพราะอะไร ฉินซีรู้สึกว่าสายตานั้นคุ้นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยเห็นที่ไหน

ฉินซีครุ่นคิดครู่หนึ่ง ภาพใบหน้าคมคายนั้น แวบเข้ามาในหัว

เธอรู้สึกว่าสายตานั้นเหมือนกับลู่เซิ่นอย่างประหลาด

เมื่อเกิดความคิดนี้ ก็ถูกฉินซีระงับไว้อีกครั้ง

เป็นไปไม่ได้

ฉินซีนวดขมับตัวเอง บังคับตัวเองให้มีสติ

ตอนนี้ลู่เซิ่นคงกำลังวางแผน จะแอบเข้ามาในงานเลี้ยงพรุ่งนี้ไม่ให้ใครจับได้ จะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน

อีกอย่างคนที่อยู่ตรงหน้าหน้าตาธรรมดาๆ ต่างกับใบหน้าราวเทพบุตรของลู่เซิ่นลิบลับ จะเป็นคนเดียวกันได้อย่างไร

ฉินซีรีบปฏิเสธความคิดเลอะเทอะนี้อย่างรวดเร็ว

เธอระงับความรู้สึกแปลกๆ นี้ แล้วก้าวเท้าเดินแผ่วเบา ตรงไปทางเคาน์เตอร์

ขณะที่เธอเดินไปนั้น สายตาของลู่เซิ่นมองตาม ฝีเท้าของเธอตลอด

ฉินซีหยุดที่ตรงหน้าเขา หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋า “สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นเลขาของ ประธานหลู พรุ่งนี้ประธานของพวกเราจะจัดงานเลี้ยงที่นี่ ก็เลยส่งพวกเรามาตรวจสอบว่าเตรียมงานกันไปถึงไหนแล้วค่ะ”

ริมฝีปากขยับนิดๆ เธอพูดเรียบๆ ไม่มีท่าทางประหม่า

ก่อนที่จะมาถึงที่นี่ ฉินซีเตรียมของที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดพร้อมแล้ว

เธอผ่านมาแล้วหลายศึก จึงคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตเสี่ยงอันตรายแบบนี้

อยากจะอยู่ในวงการนี้ สำคัญที่สุดคือการรักษาความสุขุม พิสูจน์ความจริง ยิ่งเป็นช่วงเวลาวิกฤติ ถ้ากระวนกระวาย ก็มีโอกาสถูกจับได้

ดังนั้น ในองค์กรมีคลาสหนึ่ง สอนว่าจะรับมือกับสถานการณ์วิกฤตอย่างไร

ลู่เซิ่นจ้องมองฉินซีไม่กะพริบตา ไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร

มือของเขาสั่นนิดนึง ใจเต้นรัว อยากจะโผเข้าไปกอดฉินซี

แต่ลู่เซิ่นรู้ว่าเขาทำไม่ได้ ถ้าเขาแสดงท่าทางผิดปกติอะไรขึ้นมา การ์ดสองคนนั่น จะต้องเข้ามาจับเขาแน่

โจวเอ้อที่อยู่ข้างหนึ่งรู้สึกกังวล เขาอยากกระแอมเตือนลู่เซิ่น แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เกิดพิรุธ

ดีที่ลู่เซิ่นตะลึงไปเพียงสามวินาที ก็รู้สึกตัว

ลู่เซิ่นสูดลมหายใจลึกบังคับให้ตัวเองใจเย็น เขาพูดเสียงแหบ “โอเค ผมจะพาคุณไปครับ”

เขาก้มหน้า ขนตางอนยาวบังความรู้สึกในดวงตา

ลู่เซิ่นพูด ขณะที่พาฉินซีเข้าไปในสถานที่จัดงาน

ฉินซีมองด้านหลังสูงใหญ่ของเขา ความรู้สึกคุ้นเคยยิ่งทียิ่งมากขึ้น

ถ้าเมื่อครู่ไม่เห็นหน้าเขา เห็นเพียงด้านหลัง เขาคงเรียกชื่อลู่เซิ่นโดยไม่ลังเลสักนิด

ทว่า ตอนนี้ฉินซีไม่กล้ามั่นใจ

ฉินซีได้แต่เดินตามเขาไปด้วยความสงสัย ในใจครุ่นคิดจะใช้วิธีไหนทดสอบเขาดี

ขณะที่ จั่วยีจั่วเอ้อจะตามไป ก็ถูกโจวเอ้อขวางไว้ก่อน

“สองท่าน ผมพาพวกคุณไปดูทางนี้ครับ”

โจวเอ้อยิ้มแย้มมองทั้งสองคน พูดอย่างนอบน้อม

จั่วยีจั่วเอ้อ ขมวดคิ้ว “ถอยไป”

ตามคำสั่งของจ้านเซิน พวกเขาต้องติดตามฉินซีไม่ให้คลาดสายตา นอกจากเข้าห้องน้ำ เวลาอื่นห่างไม่ได้สักนาทีเดียว

ฉินซีได้ยินเสียงเอะอะข้างหลัง ก็ชะงักฝีเท้า “จั่วยีจั่วเอ้อ สถานที่ใหญ่มาก พวกเราแยกกันดูละกัน จะได้ประหยัดเวลา”

เธอเองก็ไม่อยากถูกจับตามองตลอด

ทว่า จั่วยีจั่วเอ้อปฏิเสธเธอแข็งขัน “เลขานุการฉิน พวกเราไปดูด้วยกันเถอะ”

เพื่อไม่เปิดเผยสถานะ ตอนที่อยู่ข้างนอกพวกเขาสองคนเรียกฉินซีว่า เลขานุการฉิน

จั่วยีเป็นพี่ชายปกติแล้วจะแข็งแกร่งกว่า

เขาไม่สนใจโจวเอ้อ เดินไปหน้าฉินซีจั่วเอ้อ ตามติดเธอ

ฉินซีคิดจะไล่สองคนนั้นไป หาโอกาสทดสอบผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า แต่นึกไม่ถึงสองคนนี้จะรักษาหน้าที่เคร่งครัด ไม่ยอมไปเด็ดขาด

มิน่าล่ะ จ้านเซินเคยพูด ต่อให้คนทั้งองค์กรหักหลังเขา จั่วยีจั่วเอ้อ จะต้องปกป้องเคียงข้างเขา

ทีแรกฉินซีไม่เชื่อ แต่หลังจากเรื่องวันนี้ เธอเชื่อเขาแล้ว

จ้านเซินไม่อยู่ที่นี่ พวกเขายึดมั่นคำสั่งของเขาตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด ถ้าเขาอยู่ด้วย คงจะยิ่งรับผิดชอบอีกหลายเท่า

ฉินซีมองตามหลังเขาสองคน แอบถอนใจอยู่เงียบๆ

ไม่มีทาง เธอได้แต่แกล้งทำเป็นสุขุมเดินต่อไป “งั้นก็ได้ ตามฉันมาละกัน อย่าวุ่นวาย”

แม้ว่าตอนนี้ฉินซีถูกจับตามอง แต่เธอยังมีอำนาจส่วนใหญ่ในมือ

ในเมื่อฉินซีมีประสบการณ์ด้านนี้มากมาย ออกมาปฏิบัติภารกิจทุกครั้งก็สำเร็จทุกครั้ง

เมื่อเทียบผลงานกับฉินซี จั่วยีจั่วเอ้อ ยังห่างชั้น

“ครับ”

จั่วยีจั่วเอ้อพยักหน้าพร้อมกัน

พวกเขาตามติดหลังฉินซี สองคนไม่ใช่แค่หน้าตาคล้ายกัน แม้แต่จังหวะก้าวเท้าก็เหมือนกัน

โจวเอ้อมองสองคนที่ตามติดหนึบเหมือนหมากฝรั่ง ก็ขมวดคิ้ว

ไม่ได้ เขาต้องหาวิธีไล่ จั่วยีและ จั่วเอ้อไป หาโอกาสให้ฉินซีกับลู่เซิ่นมีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง

ขณะเดียวกันนั้น ลู่เซิ่นก็ส่งสายตาให้เขา บอกใบ้ให้เขาหาโอกาสจัดการ

ทั้งสองคนสนิทสนมกันจนไม่ต้องพูดสื่อสารกัน เพียงแค่ส่งสายตาก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย

โจวเอ้อยืนอยู่ที่ที่จั่วยีจั่วเอ้อมองไม่เห็น พยักหน้านิดหนึ่ง ตอบรับลู่เซิ่น

แม้ลู่เซิ่นจะหงุดหงิด แต่ก็ยังบังคับตัวเองให้ใจเย็น

เขาพาฉินซีเดินไปข้างหน้า “เลขานุการฉิน ที่นี่คือฮอลล์จัดงานเลี้ยงของเรา”

ลู่เซิ่นมีความสามารถจดจำสิ่งต่างๆ แม่นยำ จึงจำสถานที่ทั้งหมดในหัวได้แต่แรกแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท