Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1517

ตอนที่ 1517

ลู่เซิ่นคิดว่าปู่เช่เพียงแค่ได้วิชาโดยผิวเผินเท่านั้น ไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ไม่คิดเลย ว่าเขาจะเก่งกาจถึงเพียงนี้

นี่สินะปรมาจารย์ที่เลี่ยงทางโลก เหมือนกับอาจารย์ที่ทำหน้ากากหนังคนที่ตอนนั้น

ปู่เช่จ้องมองทั้งสองที่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น พลันเร่งทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พอได้แล้ว เลิกยื้อเวลาได้แล้ว รีบไปหยิบถ้วยมา แล้วมาตัดน้ำซุปซะ”

เขาโบกมือ สั่งให้ฉินซีและลู่เซิ่นเคลื่อนไหว

เมื่อฉินซีเห็นว่าแผนการของเธอพังทลาย พลันรู้สึกเสียใจขึ้นมา

เธอเบะปาก หันไปทางลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นจ้องมองเธออย่างเอ็นดู ก่อนปลอบใจ “เป็นเด็กดีนะ ยาพวกนี้ดีต่อสุขภาพ ดื่มเข้าไปแล้ว อาการเมื่อสักครู่นี้ก็จะหายดี”

เขาไม่เคยรู้มาก่อน ว่าแท้ที่จริงแล้วสุขภาพของฉินซีจะย่ำแย่ขนาดนี้

วันนี้หากไม่ใช่ปู่เช่พูดออกมา เขาก็จะไม่รู้เลย

หากในระหว่างหนีเอาชีวิตรอด ฉินซีเป็นอะไรขึ้นมา ลู่เซิ่นจะต้องรู้สึกผิดมากแน่

ฉินซีกล่าวอย่างน่าสงสาร “อาเซิ่น ฉันไม่อยากดื่ม…,.”

เมื่อประโยคนั้นหลุดออก ลู่เซิ่นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เขาแสร้งทำสีหน้าเคร่งครัด ก้มหน้าลงจ้องฉินซี “ฉินซี ก่อนหน้านี้ทำไมเธอไม่บอกผม ว่าสุขภาพของเธอไม่ดี?”

เมื่อเห็นลู่เซิ่นเริ่มคิดบัญชี ฉินซีว่าง่ายขึ้นไม่น้อย

เธอก้มหน้าลง “ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกนาย นายจะกังวล”

ก่อนหน้านี้ในสถานการณ์แบบนั้น หากพูดออกไป ลู่เซิ่นต้องไปหาเธอที่องค์กรโดยไม่สนใจอะไรแน่

ฉินซีไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับลู่เซิ่น แล้วอีกอย่าง อาการพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่ป่วยเท่านั้น ต่อให้ไม่ทานยา พักผ่อนให้เพียงพอ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นได้

เมื่อคืนนี้ เธออยู่ข้างกายลู่เซิ่น นอนหลับสบายมาก เพียงแต่การหลบหนีตอนเช้า เพราะความตึงเครียด จึงทำให้ปวดหัวนิดหน่อย

อาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเธอ ในสายตาลู่เซิ่นนั้นเป็นเรื่องใหญ่

“ต่อจากนี้ ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน หากเธอไม่ดูแลสุขภาพให้ดี เราจะวิ่งหนีได้ยังไง ถ้าหากอาการกำเริบขึ้นมา ต้องรักษา หากไปหาหมอที่โรงพยาบาล ความพยายามของเราทั้งหมดก็จะสูญเปล่า”

ลู่เซิ่นกล่าว หวังว่าเธอจะเข้าใจ

ความจริงจังของเขา ทำให้ฉินซีเกิดประหลาดใจ

ไม่นาน ฉินซีเลือกที่จะยินยอม

“ได้ ฉันจะฟังนาย”

เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดของการทานยา ฉินซีทนไม่ได้ที่จะแยกออกจากลู่เซิ่นไปอีกหน

เธอไม่อยากจะเมื่อถึงเวลา อุตส่าห์หนีออกมาได้ แต่กลับตกไปอยู่ในเงื้อมมือของจ้านเซินอีก เพราะปัญหาของสุขภาพ จึงไม่กลับไปไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอคงรู้สึกผิดแย่

ลู่เซิ่นเห็นเธอเศร้าสร้อย จึงลูบหัวเล็กๆ ของเธอแผ่วเบา “โอเค รอเราออกไปแล้ว ผมจะพาไปทานเค้ก ยิ้มหน่อย”

เสียงปลอบใจที่อ่อนโยนของเขา ฉินซีค่อยๆ เผยรอยยิ้มภายใต้การปลอบใจของเขา

ทั้งสองเดินไปหยิบชามอย่างยืดยาด

ปู่เช่ยืนอยู่อีกทาง จ้องมองการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ พลันส่ายหน้า ริมฝีปากหยักยกขึ้น “เป็นไปตามคาดลู่เซิ่นมีวิธีจริงด้วย ให้ฉินซียอมดื่มอย่างเต็มใจ”

เขาถอนหายใจ พลันบ่นด้วยความหึงเล็กน้อย

นึกถึงตอนแรก เขาเพื่อให้ฉินซียอมทานยาแต่โดยดี เขาลงทุนไม่น้อย ภายใต้การล่อลวงและการบีบบังคับ ฉินซีถึงได้ยอมทานยา

ตอนนี้เพราะประโยคไม่กี่คำของลู่เซิ่น ฉินซีก็ว่าง่าย พลังของความรักนี่มันยิ่งใหญ่เสียจริง

……

ไม่นาน

ลู่เซิ่นและฉินซีหยิบชามเข้าไป

ฉินซียื่นถ้วยให้กับปู่เช่ “คุณปู่ อาการของฉันไม่ร้ายแรง ไม่ต้องดิ่มมากขนาดนั้นหรอกใช่ไหม ท่านตักน้อยหน่อย แค่ครึ่งถ้วยก็พอแล้ว”

แต่ให้มาถึงเรื่องแบบนี้ ฉินซีก็ไม่ลืมที่จะต่อรอง

ปู่เช่ถลึงตาใส่เธอ ทีแรกคิดที่จะตักให้เธอน้อยหน่อย ตอนนี้เขาคิดเปลี่ยนใจ “ไม่ได้ ต้องเต็มถ้วย”

เขากล่าว พลันรับถ้วยของฉินซีมาไว้ ตักหนึ่งถ้วยเต็มให้กับเธอ

ฉินซีถือถ้วยเอาไว้ จ้องมองสิ่งสีดำๆ ในถ้วย สูดดมกลิ่นที่รุนแรง ทิ้งน้ำตาแห่งความเศร้าเอาไว้

เมื่อเทียบกับฉินซี แม้ว่าลู่เซิ่นเองก็ไม่อยากดื่ม แต่ก็กล้าหาญกว่าเธอมาก

“คุณปู่เช่ ในนี้คงไม่ได้มีพวกงู มดอะไรแบบนี้จริงๆ หรอกนะ”

เมื่อลู่เซิ่นแหงนหน้า ขณะที่กระดกเท ฉินซีกล่าวอย่างนิ่งเฉย ทำให้ความกล้าหาญที่รวบรวมอย่างยากเย็น พังทลายลง

ลู่เซิ่นจับจ้องน้ำซุปสีดำๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ รูม่านตาขยาย

เมื่อกี้เขาได้ยินอะไร?

งู มด ตะขาบ…..

ทีแรกลู่เซิ่นคิดว่า ในนี้เป็นเพียงนาธรรมดาทั่วไป แต่ไม่คิดเลย ว่าจะมีอะไรมากมายขนาดนี้

เขาหมดความอยากที่จะดื่มต่อทันที แม้แต่อยากจะอ้วกออกมา

ลู่เซิ่นยกถ้วยออก ปฏิเสธด้วยการกระทำ

ปู่เช่ที่แรกเห็นลู่เซิ่นจะดื่มเข้าไปอยู่แล้ว หากอต่ เพียงเพราะประโยคของฉินซี หยุดชะงักลง จึงรู้สึกไม่สบอารมณ์

“เธอคิดว่าไงล่ะ?”

ปู่เช่ยิ้มมุมปากขึ้น จับจ้องเธอ

ฉินซีอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เธอไม่รู้จริงๆ ว่าคุณปู่เช่หมายถึงอะไร

คงไม่ได้เป็นเรื่องจริงหรอกนะ

นิสัยของปู่เช่ ก็ไม่ใช่ว่าจะทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้

ของพวกนี้สำหรับปู่เช่ เป็นของธรรมดาที่หอมหวาน

ปู่เช่จับจ้องสีหน้าที่ซีดเซียวของทั้งคู่ จึงระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง “โอเค ฉันไม่ล้อพวกเธอแล้ว พวกนี้เป็นเพียงใบยา แม้ว่าสีจะดูน่าเกลียด แต่ไม่ได้ดื่มยากหรอก ไม่ได้เติมอะไรอย่างอื่นด้วย พวกเธอสบายใจได้”

เสียงหัวเราะของเขา ไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำให้ฉินซีและลู่เซิ่นผวา หากแต่ทำให้พวกเขายากที่กลืนมากกว่าเดิม

เมื่อเห็นว่าฉินซีและลู่เซิ่นยังคงลังเล ปู่เช่ขมวดคิ้วแน่น

“ทำไม ไม่เชื่อฉันเหรอ?”

ปู่เช่กล่าวอย่างนิ่งขรึม “เอางี้แล้วกัน ฉันจะดื่มให้พวกเธอดูก่อน”

เขากล่าว พลันเดินไปหยิบถ้วย แหงนหน้าขึ้นกระดก

ปฏิกิริยาที่เด็ดขาดของปู่เช่ ฉินซีและลู่เซิ่นจ้องหน้ากัน

ทั้งคู่เสมือนกับว่าจะไปตายพร้อมกัน ช่างน่าขัน

ปู่เช่เข็ดคราบน้ำซุปที่มุมปาก “ตอนนี้พวกเธอเชื่อที่ฉันพูดได้แล้วใช่ไหม?”

เขาวางถ้วยลงที่อีกด้าน รอคำตอบของฉินซีและลู่เซิ่น

เมื่อเห็นปู่เช่ว่าอย่างนั้นแล้ว ทั้งคู่ได้แต่ยกถ้วยขึ้น

ยืดยาดสู้ทีเดียวจบเลยดีกว่า ดังนั้นฉินซีและลู่เซิ่นจึงเลียนแบบปู่เช่ กระดกเทน้ำสีดำเข้าปากรวดเดียว

ปู่เช่เห็นทีท่าของพวกเขา เกิดดีใจเป็นอย่างมาก

ยานี่ แม้ว่าจะดูไม่น่าทาน ไม่ต่างอะไรกับยาพิษ แต่เมื่อดื่มเข้าไปกลับไม่รู้สึกขม แต่กลับรู้สึกถึงความหวานเล็กน้อย

หลังจากที่ดื่มเข้าไป กลับรู้สึกเย็นสดชื่น ให้ความรู้สึกสบาย

ฉินซีกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ปู่คะ ไอนี่ดื่มไม่ยากเลย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท