Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1529

ตอนที่ 1529

น้ำเสียงที่อ่อนโยนของฉินซีพูดขึ้น: “ใช่ ฉันมีเรื่องที่สำคัญมากๆเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับความปลอดภัยของฉันกับลู่เซิ่น อยากมอบให้อยู่ในมือของนาย เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้ความอดทนและความเด็ดขาดอย่างเต็มที่ นายทำได้ไหม?”

เธอตั้งใจแสร้งทำท่าทีเคร่งขรึม พูดอย่างจริงจัง

ในทันทีโจวซิงก็รู้สึกถึงภาระที่อยู่บนบ่า หนักอึ้งไม่น้อยเลย

เขาเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า พยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง: “ฉินซี เธอสั่งมาได้เลย ฉันทำได้แน่นอน!”

แม้ฉินซีจะอยู่แสนไกล มองไม่เห็นสีหน้าท่าทางของโจวซิง แต่กลับรู้สึกได้จากในน้ำเสียงถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงของโจวซิง

เธอยิ้มด้วยความพึงพอใจ: “ฉันกับลู่เซิ่นจะเริ่มหลบหนีแล้ว เส้นทางนี้ลำบากยากเข็ญ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้เจอกับพวกนายอีก จ้านเซินที่ด้านนั้นเอาแต่สืบหาตำแหน่งของฉันกับลู่เซิ่น ตอนนี้พวกเราต้องการใครสักคนที่สามารถเป็นผู้นำควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดที่เมืองไห่ได้ จับตาดูการเคลื่อนไหวของจ้านเซิน แล้วรายงานพวกเราได้ตลอดเวลา”

ฉินซีตั้งใจพูดเรื่องให้จริงจังสักหน่อย เพื่อให้โจวซิงรู้สึกว่า เรื่องนี้สำคัญมากจริงๆ

“โจวซิง นายคิดดู ถ้านายกับโจวเอ้อออกมาด้วยกัน งั้นก็ไม่มีใครสามารถจับตาดูร่องรอยของจ้านเซินได้น่ะสิ ถึงตอนนั้นถ้าจ้านเซินถือโอกาสตอนที่ไม่ทันระวังตัว โอบล้อมพวกเราเข้ามา พวกเราจะทำยังไง? ดังนั้น ตอนนี้ภาระที่แบกอยู่บนร่างกายของนายหนักมาก ไม่แน่ว่าจ้านเซินอาจจะมาหาถึงที่ได้ทุกเมื่อ ไปถามนายเรื่องตำแหน่งของฉันกับลู่เซิ่น นายเคยคิดดูไหม ถึงตอนนั้นนายควรทำยังไงถึงจะเอาตัวรอดจากจ้านเซินได้”

ฉินซีพูดอย่างชัดเจน ถึงน้ำเสียงจะสงบนิ่ง แต่กลับชวนให้ครุ่นคิด

คำพูดของเธอ เคาะระฆังเตือนภัยของโจวซิงให้ดังขึ้น

โจวซิงค่อนข้างเสียใจที่ไม่รอบคอบ การกระทำเมื่อครู่ของตนเองบุ่มบ่ามเกินไปจริงๆ

เขากัดฟัน: “ฉินซี ผมเข้าใจความหมายของคุณแล้ว”

ฉินซีไม่เหมือนกับโจวเอ้อ ที่ปฏิเสธในทันที แต่กลับใช้วิธีที่ปฏิเสธอ้อมๆ ทำให้โจวซิงเข้าใจ ว่าตอนนี้เขาควรจะทำอะไรที่สุด

โจวซิงครุ่นคิดตามคำพูดของฉินซี แล้วก็ยอมรับเรื่องนี้อย่างง่ายดายมากขึ้น ไม่ก่อให้เกิดการต่อต้านอีกด้วย

เมื่อสำเร็จตามต้องการแล้ว ฉินซีก็ไม่ได้พูดอะไรมาก: “นายเข้าใจก็ดีแล้ว”

ฉินซียิ้มพูดขึ้น: “นายกับโจวเอ้อสำคัญเหมือนกัน ฉันหวังว่าหลังจากผ่านเรื่องนี้ไป จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของนายนะ”

คำพูดให้กำลังใจของเธอ ทำให้โจวซิงรู้สึกมีความฮึกเหิมในการทำงานขึ้นมาในใจทันที

โจวซิงพยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง: “ฉินซี คุณสบายใจได้ ไม่ว่าผมจะมีตำแหน่งหน้าที่อะไร ผมกับพวกคุณก็ยังเป็นพวกเดียวกัน เพียงแค่พวกคุณต้องการผม ก็สามารถเรียกใช้ผมได้ตลอดเลย”

จริงๆเขาก็ไม่ได้อะไร เพียงแค่ต้องแยกจากฉินซีกับลู่เซิ่นแล้ว จึงรู้สึกเสียใจและอาลัยอาวรณ์เท่านั้น

เหมือนกับที่เมื่อครู่ฉินซีพูดมาทั้งหมดนั้น หลังจากแยกกันครั้งนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้เจอกันอีก

แม้โจวซิงกับฉินซีจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่พวกเขากลับรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า ความรู้สึกอย่างนี้เหมือนกับความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่สามารถใช้หลักการทั่วไปมาจินตนาการได้

ในใจของฉินซีเต็มไปด้วยคำปลอบโยน: “โจวซิง ไม่นานเราก็จะได้เจอกันอีกนะ”

เธอรู้ถึงความกังวลของโจวซิง ประโยคสุดท้ายจึงพูดเพื่อกำจัดสิ่งที่อยู่ในใจของเขา

โจวซิงเข้าใจแล้ว: “อื้ม”

โจวเอ้อยืนฟังอยู่ข้างๆ เห็นฉินซีพูดเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้น้องชายที่ดื้อรั้นของเขาว่านอนสอนง่ายขึ้นมาได้ ในใจชื่นชมอย่างมาก

อยากให้รู้ว่า ในครอบครับของพวกเขาโจวซิงเป็นคนที่หัวแข็งดื้อรั้นอยู่เสมอ ความคิดเหมือนกับคนแก่ เพียงแค่เชื่อในเรื่องไหนแล้ว จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด

แต่ หลังจากได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฉินซีในระยะนี้ นิสัยของโจวซิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการซึมซับเข้ามาโดยไม่รู้ตัว เรื่องนี้โจวเอ้อเห็นกับตาของตัวเอง จำใส่ใจไว้แล้ว

เป็นฉินซีที่ทำให้โจวซิงเปลี่ยนไปยอดเยี่ยมทีละนิดๆ ในใจของเขาซาบซึ้งมาก

ฉินซีพูดกับโจวเอ้ออีกสองประโยค นัดเวลาเจอกันช่วงบ่าย แล้วจึงวางสาย

เธอส่งมือถือให้ลู่เซิ่น: “จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว”

ฉินซีเอ่ยปากเรียบๆ ในน้ำเสียงซ่อนความเหงาหงอยเอาไว้เล็กน้อย

แม้เธอจะพยายามปกปิดเอาไว้ แต่แค่ลู่เซิ่นเห็นก็มองออกถึงความในใจของเธอแล้ว

ลู่เซิ่นเดินเข้าไปใกล้ๆ จ้องมองเธอ ริมฝีปากบางๆขยับขึ้น: “เป็นอะไรไป? ไม่ดีใจเหรอ?”

เขากอดฉินซี ถามขึ้นเบาๆ

ฉินซียื่นแขนเรียวยาวออกมา โอบเอวที่แข็งแรงของเขาเอาไว้แน่น ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น: “ก็ไม่ใช่ไม่ดีใจ แค่รู้สึกไม่อยากไปจากที่นี่ ไม่อยากทิ้งคุณปู่เช่ไป”

เธออยากไปดูโลกภายนอกกับลู่เซิ่นมากๆ แต่กลับรู้สึกว่าชีวิตชนบทอย่างนี้ ก็มีเอกลักษณ์พิเศษไม่เหมือนใครดี

บางทีนี่อาจจะเป็นของมีค่าที่ไม่สามารถเก็บเอาไว้ทั้งสองอย่างได้

ลู่เซิ่นลูบผมสวยๆของฉินซีเบาๆ เสียงแหบพร่าพูดขึ้น: “ผมเข้าใจ ถ้าคุณไม่อยากไปจากที่นี่ เราก็ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักก็ได้”

ความจริงแล้ว เขาก็รู้สึกว่าชีวิตชนบท ได้ปลูกผักปลูกดอกไม้ในทุกๆวันก็ดีนะ

ไม่มีความวุ่นวายอย่างโลกภายนอก ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่มีข้อผูกมัด

ฉินซีส่ายหน้า: “ไม่ได้ ตอนนี้เรายังต้องหลบหนีนะ จะหยุดอยู่ที่นี่ได้ยังไง ถ้าโดนจ้านเซินหาเจอ แล้วคุณปู่เช่จะทำยังไง? ฉันไม่อยากทำให้คุณปู่เช่เดือดร้อน ฉันติดค้างเขามามากพอแล้ว”

ครั้งที่แล้ว คุณปู่เช่ช่วยชีวิตของเธอ ครั้งนี้ คุณปู่เช่ก็ช่วยชีวิตของลู่เซิ่นอีก

ฉินซีไม่ใช่คนเนรคุณ ตอนนี้พวกเขาเองยังใช้ชีวิตได้ไม่ปลอดภัย จะให้คุณปู่เช่พลอยลำบากไปกับพวกเขาได้ยังไงล่ะ

ลู่เซิ่นมองเธอที่ทุกข์ใจ เห็นใจมากๆ: “ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ เราหนีไปก่อนชั่วคราว รอให้เรื่องจ้านเซินคลี่คลายลง แล้วเราค่อยกลับมาหาคุณปู่เช่ ถ้าตอนนั้นคุณปู่เช่เห็นด้วยที่จะไปกับพวกเรา ไปอาศัยอยู่ด้านนอก เราก็จะพาเขาไปเที่ยวรอบโลก ถ้าคุณปู่เช่ไม่เห็นด้วย เราก็มาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเขาสักระยะหนึ่ง คุณคิดว่าอย่างนี้ดีไหม?”

เขาลองถามดู ปลอบเธอที่เศร้าใจด้วยความระมัดระวัง

ลู่เซิ่นอ่อนโยนขนาดนั้น ทำให้ฉินซีรู้สึกอบอุ่นใจ

เธอรู้สึกว่าตนเองโชคดีมากจริงๆ ที่ได้เจอผู้ชายดีๆอย่างลู่เซิ่น

ฉินซีพยักหน้า: “อื้ม”

เธอรู้สึกว่า อย่างนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

ลู่เซิ่นดูเวลา: “เวลาเหลือไม่มากแล้ว เรากลับไปบอกลาคุณปู่เช่กันเถอะ”

ถึงเขาจะไม่ยินยอม แต่เรื่องราวที่วางอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ต้องไปจัดการให้เสร็จสิ้น

ฉินซีเดินตามหลังเขาไปอย่างว่าง่าย เห็นเขาหยิบอุปกรณ์จับปลาจากบนพื้นขึ้นมา เดินไปทางกระท่อม

เธอหายใจเข้าลึกๆ บังคับให้ตนเองใจเย็นลง

ฉินซีรู้สึกว่า ตนเองให้ความสำคัญกับความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ก่อนตอนที่อยู่ในองค์กร เธอไม่มีอารมณ์ความรู้สึกและความปรารถนาของมนุษย์เลย

ในตอนนี้ เธอกลับพบว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่

แม้ความรู้สึกจะเปราะบางมาก แต่ในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกก็มอบพลังที่มากมายให้แก่เธอด้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท