Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1544 ความคลั่งไคล้

บทที่ 1544 ความคลั่งไคล้

เขาจำได้ว่าถังย่าปฏิบัติหน้าที่เคร่งครัดและรอบคอบอย่างมากมาโดยตลอด เวลาที่จะออกไปไหน เธอก็มักจะเช็คครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อความแน่ใตเสมอ

แต่ทว่า คราวนี้แม้แต่ประตูไม่ได้ล็อคถังย่าก็ยังไม่รู้เลย แล้วก็ออกไปทันที

ข้อคิดโยงไปถึงการแสดงออกของถังย่าเมื่อสักครู่นี้ ความกลัดกลุ้มภายในหัวใจของซิวหน่ายซิงก็มากขึ้นเรื่อยๆ แท้ที่จริงแล้วเรื่องอะไรกันแน่ ที่สามารถทำให้ถังย่าเป็นกังวลและกระวนกระวายใจได้ขนาดนี้

ในความเป็นจริง จั่วยีไม่ได้คิดลึกอะไรเลย

เขาหาถังย่าไม่เจอ ก็เตรียมที่จะเดินกลับไป

แต่ทว่า จั่วยีกลับพบกับจ้านเซินระหว่างทาง

จ้านเซินมองไปที่ท่าทางที่รีบร้อนของเขา แล้วขมวดคิ้วและพูดว่า “นายกำลังทำอะไร?”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และสายตาอันคมกริบก็มองไปบนใบหน้าของจั่วยี

จั่วยีมองไม่เห็นร่างของเขา จนเกือบที่จะเดินตรงไปพุ่งชนเขา

เขาตะลึงงันไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “เปล่าครับ ไม่ได้ทำอะไร”

จั่วยีทำท่าทางอึกๆอักๆ ทำให้ในใจของจ้านเซินยิ่งรู้สึกงุนงงมากยิ่งขึ้น

จ้านเซินหรี่ตาลง แล้วมองดูเขาอย่างไม่ปลอดภัย “จั่วยี ตอนนี้นายกำลังเล่นลูกไม้อะไรกับฉันอยู่หรือเปล่า?”

สีหน้าของเขาเย็นชา และน้ำเสียงของเขาก็เผยให้เห็นจิตสังหารที่กระหายเลือดออกมา

ทันใดนั้นจั่วยีก็สั่นเทาขึ้นมา แล้วเอ่ยปากพูดอย่างสั่นเครือว่า “หัวหน้า ผมเปล่านะครับ ผมจะกล้าเล่นลูกไม้กับหัวหน้าได้ยังไงล่ะครับ”

เขาโบกมือไปมา และหน้าแดงด้วยความประหม่า

สาเหตุที่จ้านเซินมีความรู้สึกอ่อนไหวมากอยู่อย่างนี้ก็เป็นเพราะฉินซี

จั่วยีรู้สึกได่อย่างชัดเจนว่า อารมณ์ของจ้านเซินเริ่มที่จะค่อยๆฉุนเฉียวขึ้นมาแล้ว

“งั้นนายก็บอกฉันมา ว่านายมาจากที่ไหน”

จ้านเซินจับจ้องไปที่เขาอย่างตรงไปตรงมา และกำลังรอคำตอบจากเขาอยู่

เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว จั่วยีไหนเลยจะกล้าปกปิดเอาไว้ “ผมมาจากในห้องของคุณหนูถังครับ”

เขาทำได้เพียงเอ่ยปากออกมาด้วยความจำใจ เพราะกลัวว่าจ้านเซินจะโกรธมากจนตั้งใจปลิดชีวิตเขา

“ถังย่าเหรอ?”

สีหน้าที่ประหลาดใจปรากฏออกมาบนใบหน้าอันหล่อเหลาของจ้านเซิน

จั่วยีเป็นลูกน้องของเขา จึงมีการติดต่อโดยตรงกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น และไม่ค่อยได้ไปถังย่า

ถังย่ามีซิวหน่ายซิงแล้ว ดังนั้นก็เลยไม่จำเป็นต้องใช้จั่วยี

จ้านเซินซักถามต่อไปว่า “ทำไมนายต้องไปหาถังย่าด้วย ช่วงนี้ฉันไม่ได้มอบหมายงานให้นายเลยเหรอ”

ตอนนี้เรื่องที่ใหญ่ที่สุดภายในองค์กรก็คือค้นหาที่อยู่ของฉินซี

ถ้าหากมีข่าวของฉินซี จั่วยีควรจะมารายงานเขาเป็นคนแรกสิ ไม่ใช่ไปหาถังย่า

ดังนั้น ทำไมตอนนี้จั่งยีถึงไปหาถังย่าล่ะ?

ถึงแม้ว่าช่วงนี้อารมณ์ของจ้านเซินจะแปรปรวนไปหมด แต่สมองของเขายังคงปลอดโปร่งอยู่

แล้วบนใบหน้าของจั่วยีก็ได้ปรากฏสีหน้าที่ลำบากใจออกมา “เอ่อ…….”

เขาไม่รู้ว่าจะบอกกับจ้านเซินอย่างไร ถ้าทำให้จ้านเซินรู้ว่าถังย่าขอให้เขาเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของเขาอย่างลับๆ และถ้ามีอะไรต้องรายงานเธอได้ทุกเมื่อ เช่นนั้นจ้านเซินจะต้องโกรธเขามากแน่นอน

จั่วยีโกหกไม่เก่ง แต่ก็ทำได้เพียงกัดฟันพูดออกไปว่า “หัวหน้าครับ ผมกับคุณหนูถังไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่ของของคุณหนูถังหาย แล้วผมก็บังเอิญไปเจอเข้าพอดี ผมก็เลยเอาไปให้เธอเท่านั้นเองครับ”

นับตั้งแต่เมื่อก่อนที่นานมากๆแล้ว เขาก็คอยอยู่เคียงข้างจ้านเซินมาโดยตลอด

เขาจงรักภักดีมานานหลายปี และไม่เคยพูดโกหกเลย

นี่คือการพูดโกหกครั้งแรกของจั่วยี เขาจึงพูดจาอ้ำๆอึ้งๆ จ้านเซินมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาโกหก

ทันใดนั้นจ้านเซินก็คิดโยงไปถึงการทรยศของฉินซี เขาจึงรู้สึกโกรธมาก แล้วพูดว่า “พอแล้ว!”

เขาตะโกนสั่งด้วยเสียงที่เคร่งขรึม แล้วจับคอเสื้อของจั่งยีเอาไว้ และลากเขาเข้ามาอย่างกะทันหัน

จั่วยีสูง 183 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าสูงมากเลยทีเดียว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้านเซินที่สูง 190 เซนติเมตร เขายังดูอ่อนแอมากอย่างเห็นได้ชัด

จั่วยียังมีปฏิกิริยาตอบสนองใดใดกลับมา เขาก็เดินมาอยู่ข้างๆจ้านเซินแล้ว

ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก จนจั่วยีสามารถรู้สึกถึงความโมโหเดือดดาลที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของจ้านเซินได้อย่างชัดเจน

ทันใดนั้นก็รู้สึกหวาดผวาจนขาทั้งสองข้างของเขาอ่อนแรง และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

“จั่วยี เห็นแก่ที่นายอยู่เคียงข้างฉันมานานหลายปี ฉันจะให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย บอกฉันมา ว่าทำไมนายถึงได้ไปที่ห้องของถังย่า”

ภายในใจของจ้านเซินมีความโกรธนิรนามกลุ่มหนึ่งลอยขึ้นมา และภายในดวงตาสีดำขลับก็ได้เปล่งประกายแสงแห่งความเคร่งขรึมออกมา

เขาไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเขาคิดไปว่าถังย่าก็มีโอกาสอย่างมากที่จะทรยศตัวเองด้วยอีกคน เขาก็รู้สึกเศร้าอย่างหาที่สุดมิได้

ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นความรู้สึกที่จ้านเซินไม่มีตอนที่เผชิญหน้ากับฉินซี

ปฏิบัติต่อฉินซี จ้านเซินจะมีความรู้สึกไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก และอยากจะแย่งฉินซีคืนมาจากเงื้อมมือของลู่เซิ่น

ฉินฉีรู้จักกับเขามาก่อนชัดๆ จ้านเซินจึงรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้แย่ไปกว่าลู่เซิ่นเลย ทำไมฉินซีถึงชอบลู่เซิ่น จนถึงขั้นทรยศเขาเพื่อลู่เซิ่นได้

แต่ทว่า เมื่อคิดถึงถังย่า จ้านเซินกลับรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจได้ถูกทิ่มแทง จนทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบๆไม่หยุด

จั่วยีรู้สึกว่ามือที่อยู่บนลำคอรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ และใบหน้าที่ขาวซีดของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง “แค่กๆๆ……”

เขาไอออกมาด้วยความเจ็บปวด และใช้แรงตบไปที่แขนของจ้านเซิน

จั่วยีอยากจะพูดออกมา แต่จ้านเซินก็ไม่ให้โอกาสเขาได้เอ่ยปากพูดเลย

ในตอนที่จั่วยีคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกจ้านเซินบีบคอจนตายไปเสียแล้ว ทันใดนั้นซิวหน่ายซิงก็ปรากฏตัวออกมา

“เดี๋ยวก่อนครับ!”

ซิวหน่ายซิงไม่คาดคิดว่าพอเดินออกมาจากประตูจะได้เห็นฉากที่โหดร้ายเช่นนี้เข้า

ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ในขณะที่กำลังมองดูจ้านเซินที่มีสีหน้ามืดมิดอยู่ ในใจของเขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

ในระยะนี้ ซิวหน่ายซิงถูกส่งออกไปปฏิบัติภารกิจ เขาตามหาฉินซีกับลู่เซิ่นอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ค่อยได้อยู่ในฐานสักเท่าไหร่

เหตุผลหลักๆก็คือจ้านเซินไม่วางใจซิวหน่ายซิง ดังนั้นจึงไม่อยากให้เขาอยู่ในองค์กรเป็นเวลานาน

ซิวหน่ายซิงเองก็เข้าใจความหมายของเขาเช่นเดียวกัน เขาจึงดูถูกเหยียดหยามอยู่ในใจเป็นอย่างมาก

ถ้าไม่ใช่ว่าถังย่าอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่เคยคิดที่จะอยากอยู่ในสถานที่แบบนี้หรอก

ซิวหน่ายซิงไม่ใช่คนที่ได้รับการฝึกฝนจากองค์กร นับตั้งแต่ที่เขาถูกถังย่านำตัวกลับมาด้วย เขาก็อยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด ดังนั้นเขาไม่มีความรู้สึกที่พิเศษต่อองค์กรเลย ในสายตาของเขามีเพียงถังย่าเพียงคนเดียวเท่านั้น ถังย่าให้เขาทำอะไร เขาก็จะทำอย่างนั้น

เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้น ทำให้จ้านเซินหยุดการกระทำไปชั่วขณะ

จั่วยีจึงถือโอกาสตอนที่จ้านเซินเผลอ รีบสลัดตัวออกมาจากการควบคุมของเขา

จ้านเซินยืนตัวตรงอยู่ที่จุดเดิม ในขณะที่กำลังมองไปที่มือขวาที่สั่นเทาเล็กน้อยของตัวเอง สีหน้าที่หมองคล้ำก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา

เขามาค้นพบในภายหลังว่า ในช่วงนี้ตัวเองนับวันยิ่งชอบบีบคอคนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำในตอนที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ความรู้สึกเช่นนี้ ก็เหมือนกับเมาเหล้าแล้วตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นโดยที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างไรอย่างนั้น

จ้านเซินมีสติสัมปชัญญะเป็นอย่างมากมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็อยู่ในขอบเขตการควบคุมของตัวเองทุกเรื่อง

ความรู้สึกที่ไม่รู้จักนี้ ทำให้หัวใจของจ้านเซินสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก

เขาไม่รู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ทำไมเขาถึงไม่มีความทรงจำในช่วงเวลาเมื่อสักครู่นี้เลย

“อ๊าก!”

ทันใดนั้นจ้านเซินก็รู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง เขาจึงพิงผนัง แล้วแผดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็มีสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้น

เส้นเลือดสีเขียวก็ปูดขึ้นมาบนหลังมือของเขา ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ดูเหมือนสัตว์ป่าที่บ้าคลั่งตัวหนึ่ง รู้สึกน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

จั่วยีกับซิวหน่ายซิงจึงถอยหลังกลับไปในทันที

พวกเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับจ้านเซินในตอนนี้กันแน่ และกังวลว่าหลังจากที่ก้าวเท้าขึ้นไปจะต้องโดนจ้านเซินฆ่าตายโดยเจตนาแน่ๆ

จะต้องเข้าใจว่า จ้านเซินนั้นเป็นคนมีพละกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในองค์กรทั้งหมด

ถ้าหากจ้านเซินอยู่ในสภาพที่คลุ้มคลั่งแบบนี้ การที่จะต่อสู้กับคนนับสิบด้วยตัวคนเดียวก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากเลยทีเดียว

จั่วยีเคยเห็นภาพนี้มากับตาตัวเองแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท