Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1563 วิธีการ

บทที่ 1563 วิธีการ

“……ก็ได้” หลังจากนั้นไม่นาน โจวเอ้อถึงได้ใจเย็นลง แล้วก็ตอบรับ

พวกเขาไม่ถือว่าเป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมีชีวิตรอดมาจากสนามที่นองเลือดนี้ได้อย่างไร

แต่พวกเขาแตกต่างจากองค์กรที่เลือดเย็นไร้มนุษยธรรม ก็คือพวกเขาไม่เคยเป็นคนที่ไม่มีบรรทัดฐาน จะไม่ลงมือกับผู้คนโดยไม่มีเหตุผล

เพียงแต่ตอนนี้ทำตามวิธีของฉินซี เธอกับลู่เซิ่นมาถึงจุดที่พวกเขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้…….โจวเอ้อก็ไม่ได้มีท่าทีหลีกเลี่ยงหรือขัดขวางอะไร

ใบหน้าของฉินซีส่องประกายความสุขออกมา

เธอก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเกลี้ยกล่อมโจวเอ้อได้มากแค่ไหน ในสถานการณ์นี้ ก็ถือว่าไม่ได้พยายามมากเท่าไหร่

คนอย่างโจวเอ้อถ้ารับปากแล้ว ก็จะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย และเวลาต่อไปก็จะเริ่มพิจารณาขั้นตอนอย่างจริงจังแล้ว “เวินจิ้งมาบาร์ของฉันค่อนข้างบ่อย ถือว่าโอกาสเยอะพอสมควร พวกคุณคิดที่จะ……..ใช้ยา หรือใช้วิธีอื่น?”

ฉินซีกับลู่เซิ่นมองหน้ากัน เธอกำลังจะพูด แต่กลับถูกลู่เซิ่นห้ามไว้ แย่งพูดก่อน “ยาดีกว่า”

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองลู่เซิ่น

ด้วยความเข้าใจโดยปริยายระหว่างคนทั้งสอง เธอจึงรู้จุดประสงค์ของการกระทำของลู่เซิ่นอย่างแน่นอน

หรือบางทีลู่เซิ่นอาจจะรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะออกหน้า ดังนั้นจึงพูดประโยคแบบนี้ด้วยตัวเอง

ฉินซียิ้มจาง ๆ ในใจ เธอสามารถเข้าใจความคิดของลู่เซิ่น

นั่นคือ….ไม่เวลาอยู่ข้างนอกเธอจะเป็นคนแบบไหนก็ตาม แต่ในใจของลู่เซิ่น หวังว่าเธอจะเป็นคนที่สะอาดและไร้ที่ติเสมอ และอย่าเปื้อนโคลนและทรายเพราะเขา

…….ถ้าให้คนในองค์กรรู้ ว่าเธอถูกยกให้เป็นตุ๊กตาแก้วเช่นนี้ เกรงว่าคนพวกนั้นจะตกตะลึงจนลูกตาหล่นลงมา

แน่นอนว่าลู่เซิ่นสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของฉินซี เขาก็ไม่รู้สึกละอาย หันมายิ้มให้ฉินซี แล้วหันไปมองโจวเอ้อ

โจวเอ้อไม่เห็นท่าทางเล็กๆน้อยๆของทั้งสองคน กำลังคิดวางแผนอย่างรอบครอบ “ถ้าใช่ยา…….จริงๆแล้วก็ง่ายมาก เวินจิ้งเป็นคนไม่ค่อยระแวดระวัง และรู้จักบาร์เทนเดอร์ของเราเป็นอย่างดี เมื่อถึงเวลาก็ให้บาร์จัดการ ไม่ยาก——“

ความสนใจของฉินซีถูกคำพูดของเขาเบี่ยงเบนไป แต่ยิ่งฟังคิ้วก็ยิ่งขมวดมากขึ้น ไม่รอโจวเอ้อพูดจบ ก็ขัดจังหวะเขาทันที “ไม่ได้”

โจวเอ้อฟังน้ำเสียงของเธอแข็งแกร่ง นึกว่าแผนการของตัวเองมีข้อบกพร่อง เงยหน้าขึ้นมองเธอ “ทำไม?มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”

ฉินซีเม้มปาก “พวกเราจะลากคุณลงไปในน้ำอีกไม่ได้แล้ว”

โจวเอ้อเป็นใบ้ไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ลากฉันลงไปในน้ำหมายความว่าอย่างไร……..”

น้ำเสียงของฉินซีแน่วแน่ “แผนการของพวกเราไม่มีทางพลาดอย่างเด็ดขาด ฉันมั่นใจว่าวินจิ้งกับมู่วี่สิงตอนนี้ต่างรู้สึกในใจ ฉันไม่ค่อยรู้นิสัยของมู่วี่สิงเท่าไหร่ แม้ว่าจะได้เวินจิ้งคืนกลับมาใหม่ เขาอาจจะหงุดหงิดเพราะพวกเราวางยาเวินจิ้ง ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวโยงไปถึงคุณ พวกเราก็จะเจรจากับเขาโดยตรง บอกว่าเรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำ ยังมีเหตุผลที่จะอธิบายได้ แต่ถ้าคุณถูกจับบีบไว้ตรงกลาง…….คุณไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะต้องลงมือทำ สิ่งที่คุณพูดได้ก็คือเพื่อช่วยพวกเรา และเมื่อมู่วี่สิงใจเย็นลงแล้ว แล้วถ้าเขาคิดจะเล่นงานคุณ ก็จะทำให้คุณลำบากไปด้วย”

โจวเอ้อเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ “แต่ในเมื่อเวินจิ้งเกิดเรื่องในที่ของฉัน มู่วี่สิงก็รู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับลู่เซิ่นดี เขาไม่มีทางที่จะไม่สงสัยฉันไปด้วย”

ฉินซีพยักหน้าเล็กน้อย “แต่เขาก็ทำได้แค่สงสัย แต่ไม่มีหลักฐานอะไร บาร์ของคุณมีกล้องวงจรปิดใช่ไหม หากคุณปิดกล้องวงจรหรือตัดคลิปวิดีโอนี้ทิ้งเพื่อปกป้องบาร์เทนเดอร์ที่วางยา ก็จะชัดเจนเกินไป ถ้าคุณไม่กำจัดหลักฐานนี้ เรื่องบาร์เทนเดอร์ของคุณวางยาถ้าให้มู่วี่สิงรู้แล้วเผยแพร่ออกไป ก็จะมีผลกระทบอย่างมากต่อบาร์ของคุณ”

ฉินซีพูดเช่นนี้ โจวเอ้อไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ

เขาเห็นลู่เซิ่นเป็นพี่น้อง แต่บาร์ของเขาก็คือชีวิตของเขา ถ้าหากเขาคิดที่จะช่วยลู่เซิ่นแต่ไม่ได้คำนึกถึงจุดนี้ เมื่อพิจารณาคำพูดที่ละเอียดถี่ถ้วนของฉินซีแล้ว โจวเอ้อก็คิดว่าการที่บาร์เทนเดอร์วางยามีความเสี่ยงมากจริงๆ

ฉินซีเห็นดวงตาของโจวเอ้อที่หลบตา ก็รู้ว่าเขาใจเย็นลงแล้ว

แน่นอนว่าฉินซีรู้ดีว่าช่วงนี้โจวเอ้อช่วยพวกเขามาไม่น้อย แต่เธอไม่เคยคิดว่าการช่วยเหลือจากผู้อื่นเป็นเรื่องธรรมชาติที่ควรทำ

เนื่องจากลู่เซิ่นกับโจวเอ้อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ดังนั้นเป็นความเคยชินที่อีกฝ่ายจะละเลยและคิดเผื่ออีกฝ่าย นี่ไม่ใช่ความผิดของลู่เซิ่น ฉินซีเชื่อแบบนั้น ถ้าวันนี้ลู่เซิ่นกับโจวเอ้อสลับจุดยืนกัน โจวเอ้อก็จะไม่รู้สึกว่ามันผิดปกติอะไร

แต่ฉินซีจำเป็นต้องคิดเผื่อเขาให้มากๆ

ไม่ว่าเพื่อนจะสนิทสนมกันแค่ไหน ก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรโดยปราศจากเงื่อนไขได้

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้โจวเอ้อมาทำคนเดียว สิ่งที่สามารถเลี่ยงได้ ก็จะไม่จำเป็นต้องลากเขาลงไปในน้ำด้วย

และลู่เซิ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไร ในเวลานี้ก็เริ่มพูดขึ้น

เขามองไปที่โจวเอ้อและพยักหน้าเล็กน้อย “…… สิ่งที่ฉินซีพูดนั้นสมเหตุสมผล โจวเอ้อฉันมีวิธีที่ดีกว่านี้ คุณไม่จำเป็นต้องเสี่ยงด้วย”

โจวเอ้อเงยหน้าขึ้นและมองเขา “วิธีอะไร?”

ลู่เซิ่นหัวเราะ “มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยแค่ขยับนิ้วมือก็ได้แล้ว ในเมืองหนานฉันยังมีคนอยู่ จะหาคนที่สามารถทำงานแบบนี้และยังไม่โดนจับได้ ก็หาตัวไม่ยาก”

โจวเอ้อยังไม่ได้พูด ฉินซีก็พูดขัดจังหวะลู่เซิ่นแล้ว “ไม่ได้”

ใบหน้าของโจวเอ้อและลู่เซิ่นแสดงท่าทางงงงวยพร้อมกัน

ฉินซีแสดงท่าทีที่แย่ออกมา และเหยียดนิ้วชี้ไปที่หน้าอกของลู่เซิ่น “ฉันถามคุณ หากคุณคือมู่วี่สิง ฉันคือเวินจิ้ง และมู่วี่สิงคือคุณพวกเราเปลี่ยนบทบาทกัน มู่วี่สิงวางยาโป๊ให้ฉัน เธอจะคิดยังไง?”

ลู่เซิ่นตกตะลึง สีหน้าดูไม่สบายใจ เม้มปากไม่พูดอะไร

โจวเอ้อพยักหน้าอย่างชัดเจน “จริงสิ…….ถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะคิดว่าคุณคิดอะไรกับเวินจิ้ง ถึงได้วางยา”

ฉินซีพยักหน้า “เป็นเช่นนี้ล่ะ”

โจวเอ้อไม่ใช่คนโง่ เมื่อพูดขนาดนี้แล้ว เขากลอกตาและมองไปที่ลู่เซิ่นที่เงียบ และเข้าใจในทันที

……ลู่เซิ่นอาจจะไม่เข้าใจว่ามู่วี่สิงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ถ้าพวกเขาไม่ใช้คนของโจวเอ้อ และไม่ใช้คนของเขาที่เมืองหนาน เช่นนั้นก็มีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น

ลู่เซิ่นตั้งใจจะหลีกเลี่ยงตัวเลือกนี้ จึงได้แย่งพูดใช่ไหม

เพียงแค่……ดูเหมือนตอนนี้พวกเขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงตัวเลือกนี้ได้แล้ว

แต่ตัวเลือกนี้ โจวเอ้อก็ลำบากใจที่จะเอ่ยออกมา จึงทำได้เพียงหุบปาก และอยู่เงียบๆเหมือนลู่เซิ่น

สุดท้ายคนที่พูดก็คือฉินซี

เธอมองดูคนเงียบสองคน ไม่รู้ว่าอ่านความหมายของพวกเขาสองคนออกไหม แต่น้ำเสียงก็ยังพูดอย่างเรียบง่าย

“ดังนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ ให้ฉันไป”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท