Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1571 บางทีอาจจะเป็นสี่คน

บทที่ 1571 บางทีอาจจะเป็นสี่คน

เวยอานยังอยากจะถามอะไรอีก แต่คำตอบของเธอมีเพียงเสียงปิดประตูเท่านั้น

หลังจากที่หลินยี่เดินไป ภายในห้องก็เงียบสงบลงทันที

แล้วเวยอานก็ค่อยๆแสดงรอยยิ้มที่อ้างว้างออกมาท่ามกลางความเงียบงันของห้อง

……

ฉินซีถูกเสียงของเครื่องยนต์ปลุกขึ้นมา

เธอขมวดคิ้วและลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

เธอพยุงตัวขึ้นมานั่งตรงๆ และมองไปรอบๆสักพักหนึ่ง ความทรงจำของเมื่อวานจึงค่อยๆกลับคืนมาในหัวสมองอีกครั้งอย่างช้าๆ

หลังจากที่เธอกับลู่เซิ่นข้ามน้ำข้ามภูเขามาดูดาวถึงที่นี่ ก็พูดคุยเรื่องต่างๆมากมาย แล้วเวลาก็ได้ล่วงเลยไปจนถึงตอนเช้าตรู่โดยไม่รู้ตัว

ทั้งสองคนขี้เกียจจะทำนู้นทำนี่อีกต่อไปแล้ว โชคดีที่รถที่เขาขับเป็นรถออฟโรดที่กว้างขวาง พวกเขาก็เลยถือโอกาสนอนเบียดเสียดกันอยู่ในรถทั้งคืน

ฉินซีนึกว่าตัวเองจะนอนไม่หลับ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าลู่เซิ่นนอนอยู่ข้างๆ และข้างๆหูของเธอก็ได้ยินเสียงหัวใจของเขา ผ่านไปไม่นาน ฉินซีก็หลับลึกไป

หลังจากที่ฉินซีจะนึกทุกอย่างขึ้นมาได้ทั้งหมด เสียงของลู่เซิ่นก็ดังขึ้นมาข้างๆเธอ

ลู่เซิ่นกอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง จากนั้นเสียงเนือยๆที่แหบแห้งเล็กน้อยที่เกิดจากการตื่นนอนเมื่อสักครู่นี้ก็ดังขึ้นใกล้ๆใบหูของฉินซีว่า “ทำไมจู่ๆถึงตื่นขึ้นมาแล้ว?”

ฉินซีกำลังอยากจะตอบออกไป ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง

——ในเมื่อลู่เซิ่นยังอยู่ข้างๆตนเอง ถ้าอย่างนั้นเสียงเครื่องยนต์ที่ตนเองได้ยินเมื่อกี้นี้คืออะไร?

แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา ขณะที่กำลังจะหันหน้าไปพูดกับลู่เซิ่น กลับเห็นสีหน้าของลู่เซิ่นก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อยเช่นเดียวกัน

……เสียงเครื่องยนต์ค่อยๆใกล้เข้ามาแล้ว

ลู่เซิ่นใช้มือข้างหนึ่งโอบกอดฉินซีเอาไว้ไม่ยอมปล่อย และใช้มืออีกข้างกดหน้าต่างลง แล้วมองออกไปข้างนอก

——มีรถคันหนึ่งกำลังจอดอยู่ข้างๆรถของพวกเขา

ฉินซีก็เห็นรถคันนี้เช่นกัน แล้วหัวใจของเธอก็เหมือนกับถูกกดลงไปในน้ำเย็น

แน่นอนว่าเธอคุ้นเคยกับรถคันนี้เป็นอย่างดี

นี่คือรถที่จ้านเซินขับบ่อยที่สุดในเมืองหนาน

คิดไม่ถึงเลยว่า รถที่อยู่ตรงนั้นจะหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้ แล้วประตูรถก็เปิดออก และคนสองสามคนก็เดินลงมา ซึ่งมีจ้านเซินยืนอยู่หน้าสุด

แขนของลู่เซิ่นเลื่อนลงมาจากหัวไหล่ของฉินซี แล้วเปลี่ยนไปทำท่าทางประสานมือกับเธอ

ทั้งสองคนมองหน้ากัน ฉินซีพยักหน้าไปมา และลู่เซิ่นยื่นมือออกไปเปิดประตูรถ และจูงมืฉินซีลงไปจากรถ

จ้านเซินกำลังสวมแว่นตาดำขนาดใหญ่ ซึ่งมันได้ปกปิดใบหน้าของเขาไปแล้วเกินครึ่งหน้า ทำให้ผู้คนมองไม่เห็นสีหน้าที่ยู่บนใบหน้าของเขา แต่ฉินซีกลับรู้สึกว่า เขาดูเหมือนจะผอมลงแล้วเล็กน้อย

โดยปกติฉินซีจะไม่คิดว่านี่เป็นเพราะเธอ และเป็นไปไม่ได้ที่จะปวดหัวเพราะเรื่องแบบนี้ ปฏิกิริยาแรกของเธอก็คือ ถ้าจ้าเซินผอมลงแล้วเล็กน้อยจริงๆ อย่างนั้นก็แสดงว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่ลู่เซิ่นจะเอาชนะเขาได้หลังจากที่เผชิญหน้ากับพวกเขาใช่หรือำม่?

เมื่อมองไปรอบๆอีกครั้ง ฉินซีก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมาก

คิดไม่ถึงเลยว่า……จะมาด้วยรถOff Road เพียงคันเดียวแบบนี้

บวกกับจ้านเซิน รวมทั้งหมดก็มีเพียงสี่คนเท่านั้น

นอกจากถังย่าที่ฉินซีรู้จักเป็นอย่างดีแล้ว อีกสองคนที่เหลือก็คือใบหน้าของคนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก ดูเหมือนว่าจะมีรูปร่างใหญ่มหึมา เราก็น่าจะเป็นคนที่รับมือได้ยาก

ตอนที่ฉินซีหันหน้าไป สายตาของเธอก็จับจ้องกับสายตาของถังย่าเข้าพอดี

ถังย่าไม่ได้สวมแว่นตาดำ เพียงแต่ยืนอยู่ในมุมที่อยู่ไกลจากฉินซีมากโดยไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ และแววตาดูเหมือนจะสับสนมาก

ฉินซีจับมือของลู่เซิ่นแน่นๆโดยไม่รู้ตัว

ลู่เซิ่นก็เลยก้มลงมามองเธอ

ทั้งสองคนต่างก็เห็นความคิดเดียวกันจากภายในสายตาของกันและกัน

แต่ทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้คิดที่จะพูดออกมา

ในการคุมเชิงกันนี้ ดูเหมือนว่าถ้าฝ่ายใดเอ่ยปากพูดออกมาก่อนก็จะเสียหน้าได้

แรกเริ่มเดิมทีจ้านเซินกำลังยืนเอนตัวพิงประตูรถอยู่ และเฝ้ารอให้ลู่เซิ่นกับฉินซีลงมาจากรถอย่างใจจดใจจ่อ พอได้เห็นพวกเขาทั้งสองคนกำลังจับมือและจ้องตากันด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งอยู่ในขณะนี้ ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะยืนตัวตรงขึ้นมา และภายในใจก็รู้สึกหงุดหงิดสุดจะทน

เขามาที่นี่ ไม่ใช่มาดูพวกเขาทั้งสองคนส่งสายตาให้กันและกัน

แต่เห็นได้ชัดว่าในชั่วครู่ชั่วยามหนึ่งลู่เซิ่นกับฉินซีไม่ได้คิดที่จะหันมาสนใจเขาเลย จ้านเซินยืนอยู่ที่เดิมแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียว สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขัดจังหวะพวกเขาขึ้นมาว่า “วันนี้ก็คือวันที่พวกคุณบอกยังไงล่ะ ได้เวลาสะสางเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว พวกคุณเตรียมใจมาแล้วหรือยัง” ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “ใครกันแน่ที่จะต้องเตรียมใจมาให้พร้อม ก็ไม่มั่นใจเหมือนกันนะ”

ไม่ได้คิดที่จะมาโต้เถียงเรื่องนี้กับเขา เขาเพียงแต่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าฉินซี

ลู่เซิ่นเกิดความระแวดระวังเล็กน้อยอยู่ในสายตา เขากำลังจะก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อซ่อนฉินซีเอาไว้ข้างหลัง แต่กลับถูกฉินซีบีบมือห้ามปรามไว้

ไม่รู้ว่าจ้านเซินเห็นการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของทั้งสองคนหรือไม่ เขาได้พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่กลับทำให้คนที่กำลังฟังรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทั้งตัวว่า “”ฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะพาเขามาที่นี่

ฉินซียกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งขึ้นแล้วพูดว่า “แล้วยังไง ภูเขาลูกนี้เป็นของคุณหรือไง?”

เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งได้ปิดกั้นคำพูดต่อไปของจ้านเซินไม่ให้เอ่ยออกมาอีก

เดิมทีเขาอยากจะพูดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการดูดาว และเป็นสถานที่ที่ถูกค้นพบในตอนที่เขากับฉินซีปฏิบัติภารกิจร่วมกันเป็นครั้งแรก สถานที่นี้จึงเป็นความทรงจำที่ล้ำค่ามากสำหรับเขา

แต่เห็นได้ชัดว่า ฉินซีไม่ได้คิดอย่างนี้เลย และดูเหมือนว่า…เธอจะถึงขั้นจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอเคยมีความทรงจำนี้ร่วมกันกับเขา

เธอจำได้เพียงว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีในการดูดาว ดังนั้นเธอจึงรีบพาลู่เซิ่นมาที่นี่อย่างไม่รีรอ

ทั้งหัวใจและสายตามีเพียงผู้ชายคนนั้น ดังนั้นเธอก็เลยไม่สนใจความรู้สึกของเขาเลยแม้แต่น้อย และไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะพาผู้ชายคนนั้นเข้ามาที่นี่ แล้วทำลายความทรงจำของทั้งสองคนที่อยู่ในหัวใจของเขา

ช่างโหดร้ายมาก

และถ้าจ้านเซินพูดคำประณามนี้ออกไปอีกครั้ง ก็ราวกับได้บอกคนอื่นไปว่าเขาไม่สามารถลืมได้มากเพียงใด

ช่างน่าขายหน้ามากจริงๆ

ดังนั้นเขาจึงกลืนความขมขื่นทั้งหมดที่มีอยู่เต็มหัวใจลงไป และทำสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นลู่เซิ่นก็พูดออกมาว่า “จ้านเซิน คุณชอบฉินซีเหรอ?”

สีหน้าของจ้านเซินตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด และสีหน้าของฉินซีก็แข็งทื่อไปชั่วขณะหนึ่งเช่นเดียวกัน

เธอคิดไม่ถึงเลยว่าลู่เซินจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนทั้งสามคนนั้น

แล้วสายตาของเธอเหลือบมองไปที่ถังย่าที่ยืนอยู่มุมหนึ่ง

——หรือว่าบางที อาจจะเป็นสี่คน

จ้านเซินเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยปากพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อยว่า “เกี่ยวอะไรกับคุณงั้นเหรอ?”

ดูเหมือนว่าลู่เซินจะไม่แปลกใจกับท่าทีหลบเลี่ยงของเขาเลย เขาจึงเพียงแต่ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าความชอบของคุณ จริงๆแล้วเป็นเพียงแค่การครอบครองก็เท่านั้นเองเหรอ จ้านเซิน คุณไม่เข้าใจว่าอะไรคือความรักเลยสักนิด ดังนั้นคุณจึงไม่คู่ควรที่จะได้ครอบครองฉินซี”

หลังจากที่เขาพูดคำนี้จบ สีหน้าของจ้านเซินก็เย็นชาไปหมดแล้ว “อย่ามาพูดเพ้อเจ้อนะ ผมจะเหมาะสมหรือไม่ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะมาตัดสินใจให้ ลู่เซิ่น ที่พวกเรามาในวันนี้ ไม่ใช่จะมาตีฝีปากกัน ใครมีฝีมือ ฉินซีก็จะได้ไปกับคนนั้นเท่านั้น ผมนึกว่าตอนที่คุณท้าทายผม คุณจะรู้เสียอีก”

สีหน้าท่าทางของลู่เซิ่นยังคงเรียกได้ว่าสงบเยือกเย็นเป็นอย่างมาก “ผมรู้อยู่แล้ว แต่ฉินซีไม่ใช่ทรัพย์สินของใคร และจะไปกับใครก็ได้ พวกเราไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ เธอควรจะเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง”

จ้านเซินเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “ทำไม นี่คุณจะกลับคำอย่างนั้นเหรอ?”

แล้วฉินซีที่ถูกทิ้งให้ผึ่งลมอยู่ข้างๆมาโดยตลอดก็อดไม่ได้ที่จะพูดทะลุกลางปล้องออกไปว่า “จ้านเซิน แม้ว่าวันนี้คุณจะเอาชนะลู่เซิ่นได้และพาตัวฉันไปได้แล้วจริงๆ ฉันก็จะไม่มีวันเต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างคุณอยู่ดี”ฃ

จ้านเซินยิ้มอย่างดูถูก แล้วพูดว่า “ผมรู้ แต่นี่มันไม่สำคัญหรอก”

คุณรักเขาได้ คุณไม่รักผมก็ได้ และผมก็จำเป็นที่จะได้รับความรักจากคุณก็ได้เช่นเดียวกัน

ขอเพียงแค่พวกคุณไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกต่อไป ก็พอแล้ว

ฉันไม่ได้ครอบครองเธอ คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้เหมือนกัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท