Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1580 ตัดมือ

บทที่ 1580 ตัดมือ

“แบบนี้คงลงมือได้แล้วสินะ” จ้านเซินโยนสัญญาลงในอ้อมแขนของลู่เซินแบบไม่ได้ตั้งใจโยน “ไม่ใช่ว่าคุณอยากได้สิ่งนี้เป็นหลักประกันหรอกเหรอ รับไปแล้ว ตอนนี้จะทิ้งมือข้างหนึ่งไว้ให้ผมได้แล้วหรือยัง ประธานลู่?”

ในน้ำเสียงของจ้านเซินเต็มไปด้วยการยั่วเย้า

ลู่ซ่นคนนี้ จนถึงวินาทีสุดท้ายแล้ว ยังจะคิดหาข้ออ้างในการผัดวันประกันพรุ่งอีก

เขายังคิดว่าตัวเองไม่น่าถือสัญญาออกไปเลยใช่ไหม? และคงกำลังคิดว่าจะต่อรองกับตัวเองอีกสักพักอย่างนั้นหรือ?

ขอโทษนะ เขาไม่ได้หมายความว่าจะให้โอกาสนี้กับลู่เซิ่นหรอก

พวกเขาทั้งสองคนสลับกันไปสลับกันมา คุณพูดคำผมพูดคำ แม้แต่ฉินซีที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ไม่มีโอกาสได้พูดแทรกเลย และจ้องมองลู่เซิ่นหยิบสัญญาขึ้นมาดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนตาปริบๆ ในที่สุดจึงได้โอกาสเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า

“ลู่เซิ่น! วางสัญญาลงซะ!” เธอยกเท้าขึ้นมาอยากจะเดินไปอยู่ข้างๆลู่เซิ่น แต่กลับถูกจ้านเซินขวางทางเอาไว้ ส่วนลู่เซิ่นกลับเอาแต่ก้มหน้ามองลงไปที่สัญญา ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของฉินซีเลย

“ฉินซี คุณจะรีบร้อนอะไรนักหนาเล่า” จ้านเซินทำสีหน้าหยอกเย้า แล้วก้มหน้าลงไปยิ้มให้ฉินซีและพูดว่า “ประธานลู่อยากจะดูสัญญาให้ดีดีสักหน่อย ให้เวลาเขาหน่อยสิ”

“หลีกไป!”ฉินซีไม่มีความคิดที่จะมาเสียเวลาทะเลาะกับจ้านเซินเลย จึงอยากจะยื่นมือไปผลักมือของเขาที่ขวางอยู่ตรงหน้าของตัวเองออก แล้วเดินไปอยู่ข้างๆลู่เซิ่น และเอาสัญญาบ้าๆฉบับนั้นออกไปฉีกเป็นชิ้นๆ ทำให้เขาเลิกคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีกต่อไป

แต่กำลังการต่อสู้ของจ้านเซินไม่ว่าเมื่อไหร่ก็สามารถบดขยี้การดำรงอยู่ของฉินซีได้เสมอ เธอพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะผลักดันออกไป แต่จ้านเซินกลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว เขายังคงแสดงสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มออกมา และไม่มีความคิดที่จะหลีกทางเลยสักนิด

ในขณะที่เขากำลังมองดูสีหน้าที่เป็นกังวลของฉินซี เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะขึ้นมา

ก็มีแต่เพียงคนที่ถูกความรู้สึกบดบังเหตุผลไปแล้วอย่างฉินซีเท่านั้นที่จะเชื่อจริงๆว่าลู่เซิ่นจะลงมือทำจริงๆ

คอยดูเถอะ อีกประเดี๋ยวเดียวตอนที่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมตัดมือ ฉินซีจะต้องรู้สึกละอายต่อความตื่นเต้นของตัวเองที่มีอยู่ในตอนนี้อย่างแน่นอน

ในที่สุดถังย่าก็เดินเข้าไปใกล้ๆทั้งสองคนแล้ว ความจริงเธอไม่ได้จะมาลงมือกับจ้านเซินโดยตรงหรอก เธอทำได้เพียงกดเสียงให้ต่ำแล้วเตือนเขาว่า “จ้านเซิน สัญญากรรมสิทธิ์ที่ดินฉบับนั้นสำคัญมาก ทำอย่างนี้……มันไม่เหมาะสมไปหน่อยนะ”

จ้านเซินทำเสียงฮึดฮัดเสียงหนึ่งออกมาอย่างไม่สนใจอะไร แล้วพูดว่า“ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมหรอก คุณคอยดูเถอะ”

ถังย่ายังอยากจะพูดอะไรอีกครั้ง แต่ลู่เซิ่นกลับดูสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้จ้านเซินเบาๆและพูดว่า “ผมดูเสร็จแล้ว สัญญาสองฉบับนี้ไม่มีปัญหาอะไร”

แล้วรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของจ้านเซินก็ลึกขึ้น “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นประธานลู่ก็สมควรที่จะทำตามสัญญาของคุณแล้วใช่หรือไม่?”

เขาทำสีหน้าตั้งตารอคอย อยากเห็นว่าช่วงเวลาที่หัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ลู่เซิ่นยังจะมีข้ออ้างอะไรใหม่ๆอีกหรือเปล่า ถ้าเขาบอกปัดอีก ฉินซีที่เป็นห่วงกังวลเขาด้วยใจจริงจะผิดหวังแค่ไหนกันล่ะ?

เขาถึงกับคิดคำพูดที่ประชดเหน็บแนมเอาไว้ด้วย

แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขากลับแข็งทื่อในวินาทีต่อมา

ลู่เซิ่นรับเอาสัญญามาเก็บไว้เป็นอย่างดี แล้วพยักหน้าให้จ้านเซินอย่างสงบนิ่ง และพูดว่า “ก็จริงนะ ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ถึงเวลาที่ผมสมควรต้องจ่ายค่าตอบแทนแล้ว”

ในขณะที่พูด เขาก็ยกมีดที่คมกรบเล่มนั้นที่อยู่ในมือของตัวเองขึ้นมา

ไม่กี่วินาทีถัดมา ภายในดวงตาไม่ว่าจะของฉินซีหรือว่าจ้านเซิน อะไรๆก็เปลี่ยนเป็นความยาวไกลที่หาที่สุดไม่ได้

ฉินซีค้นพบความมุ่งมั่นตั้งใจของลู่เซิ่นเป็นครั้งแรก ภายมนลำคอก็เปล่งเสียงคำรามที่แหลมมากออกมา เธออยากจะพุ่งเข้าหาลู่เซิ่น แต่มือของจ้านเซินกลับยังคงขวางทางไปของเธอไว้อย่างแน่นหนา ทำให้เธอไม่สามารถเข้าไปใกล้ลู่เซิ่นได้ เธอจึงทำได้เพียงมองดูมีดที่กำลังส่องประกายแสงอันเย็นยะเยือกเข้าไปใกล้ๆข้อมือขวาของลู่เซิ่นด้วยความเร็วที่เร็วมากตาปริบๆ

เมื่อแสงอันเย็นยะเยือกแวววับผ่านมา

เลือดก็พุ่งกระฉูดออกมา

มีอะไรบางอย่างตกลงบนพื้น ทำให้เกิดเสียงดังตุบๆขึ้นมา

ฉินซีไม่กล้าที่จะลู่สายตาลงมองสิ่งที่ตกลงไปบนพื้น

เธอไม่แม้แต่จะเปล่งเสียงของเธอออกมาได้แล้ว ราวกับว่าเธอถูกอะไรบางอย่างบีบคอของเธอเอาไว้ และในดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยสีแดงของเลือดแล้ว

โลกใบนี้คงไม่สามารถมีความรู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจที่ได้รับของแบบนี้ได้หรอก แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อมโยงเส้นประสาทกับลู่เซิ่นแล้ว ทั่วทั้งร่างกายของเธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของลู่เซิ่นโดยตรง จนถึงขั้นที่ว่าข้อมือขวาของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเหมือนกับกำลังจะฉีกขาดและแตกร้าวตามไปด้วย

ส่วนจ้านเซินที่อยู่ข้างๆเธอ ก็ได้อ้าปากกว้างเสียแล้ว

เขาไม่แสดงสีหน้าที่มีความสุขและโกรธใดๆเลย ตอนนี้บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จะเห็นได้ว่าการกระทำนี้ของลู่เซิ่นมีผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก

จ้านเซินถึงกับไม่ได้คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปเลย เขาเอาแต่จ้องมองข้อมือที่เปื้อนเลือดของลู่เซิ่นด้วยความตกตะลึง ในหัวสมองมีเพียงประโยคเดียวเต็มไปหมด

เขาลงมือจริงๆได้ยังไงกันล่ะ?

เขาลงมือจริงๆได้ยังไงกันล่ะ?

นอกจากในใจของจ้านเซินจะรู้สึกไม่อยากจะเชื่อแล้ว ยังมีความโมโหเดือดดาลที่ไม่สามารถอธิบายได้กลุ่มหนึ่งลอยออกมาด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นลู่เซิ่นยินยอมจ่ายค่าตอบแทนถึงขั้นนี้เพื่อฉินซีแล้วตัวเองก็จะถูกเปรียบเทียบ หรือเป็นเพราะว่าเขารู้สึกไม่พอใจที่การกระทำนี้ของลู่เซิ่นอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาแล้ว

ถังย่าตกตะลึงอยู่กับที่

เธอเคยเห็นฉากที่ยิ่งกว่าฉากนองเลือดฉากนี้มามากมาย แต่กลับไม่มีฉากไหนที่ทำให้เธอหวั่นไหวไปกว่าฉากที่เธอเห็นในตอนนี้เลย

——แท้จริงแล้วความรักของคนคนหนึ่ง สามารถแรงกล้าได้ถึงขั้นนี้ จนสามารถทำร้ายตัวเองได้ เพื่อมาเติมเต็มความรักให้สมปรารถนา

ถังย่าเติบโตขึ้นมาในองค์กรตั้งแต่เด็ก สำหรับเรื่องความรัก แม้ว่าเธอจะไม่ทึ่มไปเสียทั้งหมดอย่างจ้านเซิน แต่เธอก็เชื่ออย่างสุดซึ้งเช่นกันว่า คนทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว ไม่สามารถเอาคนอื่นมาอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญกว่าและอยู่เหนือตัวเองเพราะความรักได้หรอก

แม้ว่าจิตใต้สำนึกของเธอจะยินยอมพร้อมใจอุทิศตนเพื่อจ้านเซินก็ตาม แต่เธอกลับยังคงไม่เชื่อว่าความรู้สึกที่แรงกล้าแบบนั้นจะมีอยู่ในสติสัมปัญญาของเธอ

จนกระทั่งเธอได้มาเห็นฉากนี้ด้วยตาของตัวเอง

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ลู่เซิ่นกลับเป็นคนที่สงบนิ่งที่สุดในสี่คน เขากดเส้นเลือดใหญ่ของงตัวเองไว้ ห้ามไม่ให้เลือดไหลทะลักออกมามากเกินไป ในขณะเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นไปมองจ้านเซิน แม้กระทั่งมุมปากก็ยังมีรอยยิ้มอยู่ด้วย แล้วพูดว่า “ผมก็ได้ทำตามสัญญาแล้ว จ้านเซิน คุณก็เซ็นสัญญาแล้ว หลังจากนี้พวกเรา ก็ไม่ติดค้างอะไรกันแล้ว”

พูดจบ เขายังพยักหน้าให้จ้านเซินอย่างมีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย แล้วก็กำลังจะเดินออกไป

จ้านเซิ่นยังคงตกตะลึงอยู่ที่เดิมและสติก็ยังไม่กลับคืนมา แต่ฉินซีกลับมีปฏิกิริยาตอบกลับมาแล้ว เธอจึงผลักมือที่ไม่มีเรี่ยวแรงของจ้านเซินออก แล้วก้าวเท้ายาวๆมุ่งหน้าไปอยู่ข้างหน้าลู่เซิ่น ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ในน้ำเสียงของเธอก็มีความสะอึกสะอื้นขึ้นมาแล้ว “คุณทำอะไรของคุณ! คุณโง่ไปแล้วหรือเปล่า! ทำไมฉันต้องใช้มือของคุณมาแลกเปลี่ยนด้วย! เห็นได้ชัดว่ามันมีวิธีที่ดีกว่านี้อยู่นะ!”

เธออยากจะเอื้อมมือออกไปกอดลู่เซิ่นเอาไว้ แต่กลับพบว่าหลังจากที่เวลาผ่านไปนาน บนร่างกายของลู่เซิ่นก็ไม่มีส่วนไหนดีเลย บริเวณช่องท้องเขามีบาดแผลที่ลึกมาก ผิวหนังบริเวณใบหน้าก็ฉีกไปแล้วหลายจุด แขนของเขา…ก็มีเลือดไหลออกมากลายเป็นสายน้ำ

เธอไม่แม้แต่จะหาที่ที่เธอสามารถกอดได้เลย

ใบหน้าของลู่เซิ่นเปลี่ยนจากขาวสีซีดเป็นสีเหลืองเหมือนเทียนไขเพราะว่าสูญเสียเลือดมากเกินไป แต่ตอนที่มองฉินซีอยู่ สายตาของเขากลับยังคงอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวลหรอก ผมไม่เป็นไร”

น้ำตาของฉินซีตกลงมาอย่างหนัก แต่เธอกลับไม่สนใจที่จะเช็ดมันออก แล้วถือว่าเธอก็จับมุมเสื้อที่ยังไม่เสียหายของลู่เซิ่นและพูดว่า “ไป พวกเรารีบไปกันเถอะ ไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย!”

ลู่เซิ่นไม่ได้ขัดขืนอะไร เขาจึงยกเท้าจะก้าวตามไป แต่ไม่ทันได้ก้าวออกไปสักก้าว ร่างกายของเขาก็สั่นเทา อีกไม่นานเขาก็จะล้มลงไปด้านข้างแล้ว

แต่เขากลับกัดฟัน และยืนหยัดที่จะลุกขึ้นยืนให้มั่นคง แล้วกำลังจะเดินตามไป แต่สายตาของฉินซีกลับเห็นมันเข้าแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท