ตอนที่ 183 แทนกันได้
หลังจากหมดช่วงพัก หนังเรื่องที่สองก็กำลังจะเริ่มฉาย ทุกคนในห้องประชุมก็เริ่มคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง เพราะทุกคนต่างให้ความสนใจกับหนังของเอริคมาก ถึงแม้ว่านักแสดงนำของหนังเรื่อง Steel Magnolia (นักแสดงนำ 4 ใน 6 ที่ได้รับรางวัลออสการ์ ) จะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนกับนักแสดงนำเรื่อง Home Alone ก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะพวกเขาหวังเพียงแค่ให้เอริคเป็นผู้เขียนบทเท่านั้น ก่อนที่หนังเรื่อง Home Alone จะสร้างรายได้ให้บ็อกออฟฟิสมากมายขนาดนั้น นักแสดงนำคนนั้นก็ไม่ได้เป็นที่กล่าวถึงแต่อย่างใด
เริ่มต้นฉากด้วย เสียงเล่าเรื่องของแม็คเคนนา เกรซที่ดังขึ้นอย่างช้าๆและเงียบหายไป หลังจากที่เสียงหายไปก็ปรากฏภาพของเด็กสาวที่กำลังหวาดกลัว ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง เมื่อมองเห็นเงาของเด็กที่โผล่มาจากหุ่นเชิดคอหัก…
เกรซนอนตัวสั่นอยู่บนเตียง ดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความหวาดกลัว หล่อนหายใจถี่และเร็วเหมือนกับปลาที่ดิ้นอยู่บนผิวน้ำ
ทุกคนรู้ได้ทันทีว่านั้นคือฉากฝันร้าย แต่ถ้าหากจะให้ดีกว่านี้ บางทีฉากเปิดเรื่องน่าจะเป็นฉากภาพวาดของความฝันของหญิงสาวมากกว่าฉากฝันร้ายอย่างนี้
ตัวละครในเรื่องที่แสดงโดยเวอร์จีเนียไม่ได้ตะโกนกรี๊ดร้องเสียงดังเหมือนนิโคล คิดแมน ในชีวิตที่แล้วของเอริค ดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแสดงถึงความกลัวออกมาได้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่ได้ดูน้อยไปกว่านิโคล คิดแมนเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งความกลัวและความสิ้นหวังเช่นนี้เข้ากันดีกับฉากความมืดสลัวๆในห้องนอน ยิ่งทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกจากด้านหลัง
ฉากนี้เป็นฉากแรกที่เอริคตัดสินใจเปลี่ยนบท เพราะในชีวิตที่แล้วของเขา ฉากนี้เขาไม่ได้รู้สึกถึงความกลัวใดๆ นอกจากตกใจเสียงกรี๊ดร้องแหลมๆของนิโคล คิดแมน
การถ่ายฉากตกใจกลัวของเวอร์จีเนียนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ฉากนี้ดวงตาต้องแสดงออกมาว่ากลัวจริงๆ จะแสร้งแกล้งทำไม่ได้ เมื่อเริ่มแสดงตากล้องจะต้องเลื่อนกล้องเข้าไปใกล้ตัวนักแสดงราวกับเป็นปีศาจร้ายที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าไปหาตัวละครในเรื่อง ถึงแม้ว่าจะต้องพึ่งอุปกรณ์ก็ตาม แต่การแสดงของเวอร์จีเนียที่เอริคเห็นนั้นดีกว่านิโคล คิดแมนมาก ดังนั้นการที่จะเป็นนักแสดงฮอลลีวูดนั้นไม่ใช่ใครก็เป็นได้ คนส่วนใหญ่ต้องการแค่โอกาสเท่านั้น
ทุกคนในห้องประชุมจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ตัวละครที่ชื่อเกรซ ลูกทั้งสองคนและคนรับใช้อีกสามคน ทั้งหมดมีท่าทีแปลกๆ ดังนั้นทุกคนต่างก็คาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านหลังนี้ เสียงแปลกๆที่ได้ยินและร่างปริศนาที่ปรากฏขึ้นนั้นมาจากไหนกันแน่
ถ้านี่คือหนังสยองขวัญจริง ทำไมถึงยังไม่เห็นแม้แต่เงาผีเลยล่ะ ทั้งๆที่ผ่านฉากต้นเรื่องมานานแล้ว? ทำไมสามีของเกรซกลับมากะทันหันและก็กลับออกไปทันที?
ถึงแม้ว่าคำตอบจะยังไม่ถูกเปิดเผย แต่เรื่องราวที่น่าตื่นเต้นนี้ก็พาให้ตัวแทนบริษัทหนังทั้งเจ็ดนั้นจดจ่ออยู่กับตัวละครในหนังได้ ตัวไมเคิล ไอสเนอร์เองก็อดทนรอไม่ไหว เขาจึงหันไปถามเอริคในเรื่องตัวเองอยากรู้ แต่เอริคกลับหัวเราะและปฏิเสธเขา
หนังดำเนินเรื่องไปกว่า 80 นาที เมื่อหนึ่งในลูกสาวทั้งสองคนของเกรซเห็นป้ายชื่อหลุมศพเข้า คนรับใช้ทั้งสามคนคือผีที่ไม่ได้เปิดเผยตัว
แต่ทว่าสีหน้าของทุกคนในห้องก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเข้าใจแต่อย่างใด พวกเขากลับแสดงสีหน้าสงสัยแทนว่าทำไมผีคนรับใช้ทั้งสามคนถึงปรากฏตัว จุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไรกันแน่ แต่จากการดำเนินเรื่องก่อนหน้านี้ทำให้ทุกคนก็รู้ว่าผีทั้งสามคนไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเกรซ
ในที่สุดเรื่องราวทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยเมื่อเกรซเปิดประตูห้องนั่งเล่นเข้าไปก็พบกับวิญญาณหญิงแก่ชราและครอบครัวอีกครอบครัวอยู่ในห้อง จุดนี้ที่ทำให้ทุกคนคลายความสงสัยทั้งหมดทันที
“เนื้อหาน่าสนใจ รายละเอียดชัดเจน ทุกอย่างเยี่ยมมาก” ไมเคิล ไอสเนอร์ชื่นชมเอริคออกมาเมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้ เนอเทอร์ ทาร์น ที่นั่งอีกด้านของเอริคกำมือแน่นอย่างเงียบๆและครุ่นคิดตลอดว่าเขาจะต้องมีสิทธิได้จำหน่ายหนังเรื่องนี้ ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆที่ไม่เต็มใจหรือผู้ที่ไม่มีสิทธิที่จะได้จำหน่ายหนังเรื่องนี้ต่างรู้สึกเสียใจ แม้กระทั้งตัวแทนที่ดูนิ่งๆอย่าง Warner ก็อยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป
ความจริงที่มาพร้อมกับหมอกหนาทึบก็จางหายไป
ไฟในห้องสว่างขึ้นอีกครั้ง ทุกคนในห้องพากันปรบมือ เป็นเสียงปรบมือที่ดังและยาวนนานกว่าหนังเรื่อง Steel Magnolia
โจนาธาน เดมี่ที่นั่งอยู่แถวหลังเห็นเหตุการณ์อย่างนี้ก็แอบกระตุกยิ้มมุมปาก และในที่สุดก็ทนไม่ไหวเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ นั้นเพราะเขารู้ว่าตัวเองทำสำเร็จแล้ว
ไมเคิล แมนเซนเองก็แตะที่ไหล่น้องสาวของตัวเองเบาๆ เพื่อแสดงความยินดีกับหล่อน
เสียงปรบมือในห้องหยุดลง ก่อนจะมีบริกรออกมานำทุกคนไปยังห้องจัดปาร์ตี้ด้านล่าง ระหว่างที่กำลังเดินไป ไมเคิล ไอสเนอร์และเนเทอร์ ทาร์ลเดินอยู่ด้านหน้าของเอริค ตัวแทนที่ไม่ค่อยมีบทบาทอย่าง Warner เดินมาใกล้เอริคและทักทักทายเขาอีกครั้ง
ตามมาด้วยตัวแทนของบริษัท Fox และ MGM ที่ไม่ได้สิทธิ์จำหน่ายหนังของเอริค
ส่วนเอลิซาเบธ เมอร์ด๊อคก็เดินอยู่กับกัลป์ตาร์ หล่อนกระซิบถามกัลป์ตาร์เบาๆว่า “กัลป์ตาร์ ทำไมคุณถึงไม่พยายามช่วงชิงมาละ?”
กัลป์ตาร์ส่ายหน้าเบาๆ แล้วตอบกลับหล่อนว่า “ไม่ได้หรอก หนังสองเรื่องถัดไปเอริคได้ให้สิทธิ์จำหน่ายกับ Fox แล้ว พวกเขาก็คงไม่ให้สิทธิ์พวกเราอีก”
เอลิซาเบธครุ่นคิดสักครู่แล้วกล่าวต่อว่า “ทำไมจะไม่ได้ละ พวกเราให้ความสำคัญกับภาคต่อไปของ Home Alone ที่จะฉายปลายปีนี้ อย่างนั้นก็เอาหนังอีกสักเรื่องที่จะจำหน่ายมาเปลี่ยนกับเรื่อง Home Alone ก็ได้ ฉันคิดว่าหนังสยองขวัญแบบนี้น่าสนใจ ไม่แน่หนังสยองขวัญเรื่องนี้อาจจะสร้างรายได้อย่างมหาศาลในบ๊อกออฟฟิสเหมือนกับเรื่อง Home Alone ก็เป็นได้ “
กัลป์ตาร์มองไปที่เด็กสาวด้านข้างด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เพราะแต่เดิมนั้นเอลิซาเบธเป็นเพียงเด็กสาวเอาแต่ใจ และหยิ่งผยองมาก เด็กสาวจึงได้รบเร้าให้ตนพาหล่อนมาร่วมงานแถลงข่าวในวันนี้ให้ได้
เพราะถึงอย่างไรแล้วสถานะของเอลิซาเบธและกัลป์ตาร์ก็ปฏิเสธไม่ได้ โชคดีที่เขานั้นสนิทคุ้นเคยกับเอริคอยู่แล้ว และยิ่งอีกฝ่ายรู้สถานะของเอลิซาเบธด้วย จึงไม่ได้คัดค้านอะไรในตัวหล่อน
คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่หล่อนดูหนังเรื่องนนี้จบ ในเวลาอันสั้นหล่อนสามารถคิดวิธีแก้ไขได้ออกมาอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าเอลิซาเบธจะมาอยู่ที่ Fox ในฐานะเด็กฝึกงานก็ตาม แต่เด็กสาวก็ไม่ได้ใส่ใจกับตำแหน่งนี้มากนัก หล่อนไม่ได้เข้าใจการร่วมมือกันของ Fox และ Firefly เลย ความรู้และประสบการณ์ก็ไม่ได้มากนัก แต่กลับคิดวิธีการแก้ไขที่มีชั้นเชิงได้แบบนี้กัลป์ตาร์มองเด็กสาวตรงหน้าผิดไป เมื่อตอนเขาอยู่ในห้องประชุมตัวเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่อยากได้หนัง The Others มาจัดจำหน่าย แต่กลับคิดวิธีการดีๆอย่างนี้ออกมาไม่ได้
“ได้ คุณเมอร์ด๊อค ฉันจะทำเอกสารทางการเสนอวิธีการนี้ให้กับแบร์รี่ ดิลเลอร์อีกครั้ง แต่ฉันขอบอกก่อนว่า Fox ยังไม่เห็นหนังอีกเรื่องของเอริคที่จะออกปลายปีนี้ และก็ไม่รู้ว่าเราจะเสนอทันก่อนที่เอริคจะตัดสินใจให้บริษัทไหนเป็นผู้จัดจำหน่ายหนังเรื่อง The Others รึเปล่า แต่ถึงอย่างไรทีมงานภายในบริษัท Fox ก็ต้องมีคนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคุณเป็นแน่ เพราะหนังที่เอริคเป็นผู้กำกับก็ได้รับการพิสูจน์หลายครั้งแล้วจากรายได้ในบ๊อกออฟฟิส ถึงแม้ว่าเอริคจะเป็นผู้เขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และหนังนั้นก็ดูน่าสนใจมาก แต่ฉันรู้สึกว่ามีหลายคนที่ไม่อยากยอมรับกับความเสี่ยงนี้ “
“ถ้าฉันเป็นผู้ควบคุมดูแล Fox ฉันจะเอามันมาให้ได้” เอลิซาเบธเลียปากของหล่อนซึ้งเผยให้เห็นอีกมุมที่สวยงามของหล่อน
ครั้งนี้กัลป์ตาร์กลับไม่ได้ดูถูกอีกฝ่ายอีกต่อไป และอดทนฟังความคิดเห็นของเด็กสาวอย่างตั้งใจ ก่อนจะกล่าวว่า”คุณเมอร์ด๊อค เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ไม่ใช่ว่าเราอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้เลย ถึงแม้เราจะยอมเปลี่ยน แต่เอริคละ เขาจะยินยอมมั้ย? แล้วไหนจะบริษัทหนังอื่นๆอีกพวกเขาจะยินยอมมั้ย ? คุณก็เห็นว่าไมเคิล ไอสเนอร์และ เนเทอร์ ทาร์นก็มาร่วมงานวันนี้ด้วย พวกเขาให้ความสำคัญกับเอริค วิลเลียมมาก เห็นชัดอยู่แล้วว่าการแข่งขันนี้พวกเราเสียเปรียบพวกเขา “