ตอนที่ 172 เป็นอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรม
หญิงสาวเดิมทีถูกเอริคลูบผมอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น แต่เมื่อได้ยินประโยคที่แฟนหนุ่มพูดหยอกเหย้าก็อดที่จะตอบกลับไปไม่ได้ ” เสียใจจ๊ะ….แต่เอาจริงๆเลยนะเอริค ฉันคิดว่านายไม่น่าเอาฉันมาด้วยเลย ฉันฟังที่พวกนายคุยกันไม่รู้เรื่องเลยสักนิด พวกนายคุยแต่อะไรกันก็ไม่รู้ ไหนจะเรื่องแหล่งข้อมูลอะไรสักอย่างที่พวกนายคุยกัน ไหนจะการเข้าซื้อกิจการ ไหนจะขอบเขตความรู้เอย อะไรก็ไม่รู้วุ่นวายไปหมด “
เอริคที่ได้ยินแฟนสาวพูดออกมาอย่างนั้น ก็อดพูดออกไปอย่างน้อยใจไม่ได้ ” เจนนี่…คุณทำให้ฉันหมดความมั่นใจในตัวเองจริงๆ ดูเหมือนอีกหน่อยฉันคงต้องตั้งใจสอนคุณซะหน่อยแล้ว “
” อื้ม….” แอนนิสตัน เพิ่งจะนึกขึ้นได้เธอ หน้าแดงเล็กน้อย ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที ” อย่าทำอย่างนั้นอีก ไม่อย่างนั้นนายเจอดีแน่ “
” หืม ? อะไรอย่างนั้น ? ” เอริคที่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกงงนิดหน่อย
” นี่นาย…นายตั้งใจแกล้งกันใช่ไหม ” หญิงสาวกระทืบเท้าอย่างโมโห ที่เห็นเอริคทำท่าทีแกล้งโง่ หญิงสาวปล่อยมือจากแขนเอริคด้วย แล้วถอนหายใจด้วยความโมโห ก่อนจะเดินออกห่างจากแฟนหนุ่ม
เอริคที่เห็นว่าแฟนสาวของเขาไม่เล่นด้วย ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้กับตัวเองก่อนจะเดินไปจับมือของแฟนสาว แต่แฟนสาวของเขากับปัดมือออก ” เอาล่ะ อย่าโกรธเลย ฉันยังไม่อยากนึกถึงจริงๆ “
” เอ่อ….” หญิงสาวที่ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะมองไปรอบๆตัวไม่ได้ และเมื่อพบว่าบริเวณที่ตนอยู่นั้นไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าไรก็อดจะโล่งอกไม่ได้ ก่อนจะหันกลับมามองที่เอริคอีกครั้ง ” นาย….โกงนี้!! “
เอริคยิ้มให้แฟนสาวนิดๆก่อนเดินไปข้างหน้าแล้วยื่นมือไปดึงแฟนสาวเข้ามากอด แล้วหยิกก้นนิ่มๆของแฟนสาวอย่างหยอกล้อ ส่วนปากของเขาก็จูบไปบนแก้มของแฟนสาว ก่อนจะพูดเบาๆที่ข้างหูว่า ” ฉันยังโกงได้มากกว่านี้นะ “
” นี่!!!! ” หญิงสาวที่ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะเขินไม่ได้ แค่ถูกเอริคหยอกล้อนิดหน่อย เธอก็แทบไม่มีแรงที่จะต่อต้านแล้ว เลยตกอยู่ในอ้อมกอดของเอริกอย่างสบายๆ
จากนั้นไม่นาน พนักงานก็ขับรถของเอริคมาจอดหน้าร้านพร้อมกับเปิดประตูให้ เอริคและแอนนิสตันเขาไปในรถก่อนออกเอริคก็ยื่นทิปให้พนักงาน ก่อนจะขับรถออกไป
” ไปที่บ้านฉันไหม ? ” หลังจากเอริคขับรถออกมาได้สักพัก หญิงสาวก็พูดขึ้นมาบาๆ
” แน่นอน ” เอริคขับรถไปตามถนน ก่อนจะนึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นได้ที่แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างขำๆ ” ดรูว์ ตอนนี้ต้องกลับไปแล้วแน่ๆ หรือคุณอยากจะไปที่นั่นเพื่อคุยกับเด็กน้อยอีกหน่อย ? “
” ไม่!” หญิงสาวโกรธจนหัวหมุน ผ่านไปสักครู่ เมื่อเธอคิดอะไรได้เธอหันกลับมาทันที ” เอริคห้องที่มาลีบูของคุณสร้างเป็นยังไง ? “
” เหลือตกแต่ง ยังต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือนแหละ แต่สิ้นปีก็น่าจะเข้าอยู่ได้นะ ไม่เลวนะ บางทีช่วงคริสมาสต์ พวกเราไปจัดปาร์ตี้ที่บ้านพักริมทะเลก็ได้ ” เอริค มองไปที่ทางข้างหน้า ในความทรงจำมาลีบู บ้านพักสุดหรูของไอรอนแมนสร้างมานานมากแล้ว แต่สิ่งก่อสร้างที่ไม่มีประสิทธิภาพของคนอเมริกาทำให้คนโกรธจนขนลุก ในชีวิตก่อนเอริคเห็นตึกสูงใหญ่นับ 10 ชั้นที่มีความมั่นคงมากกว่าทุกวันนี้
แต่ก็ต้องอยู่ที่การออกแบบ เอริกคก็ไม่อยู่ ตอนที่เริ่มต้น เอริคจะคอยสอบถามความคืบหน้าของโครงการจากแฟรงค์ เกรย์ แต่หลังจากนั้น 2-3 เดือน เอริคก็ไม่ได้สนใจที่จะสอบถามอีก เขาแค่รอรับรายงานการจัดการทุกอย่างของโครงการจากแฟรงค์ เกรย์ ในเวลาเดียวกันก็ได้แต่ปลอบตัวเองว่าช้าๆงานจะได้ละเอียด
ได้ยินเอริคตอบ หญิงสาวถามเสียงเบา ” อย่างนั้น…ถ้าถึงเวลา ดรูว์ยังย้ายเข้าไปได้ไหม ? “
เอริคใช้นิ้วหัวแม่ เคาะไปมา 2 รอบ ถึงพูดว่า ” คุณรู้นะ เจนนี่ ดรูว์เพิ่งจะ 13-14 เธอยังเด็กอยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นทางกฎหมายหรือเป็นความสัมพันธ์ ฉันก็ไม่สามารถทำให้เธออยู่ข้างนอกคนเดียวอย่างตอนนี้ได้ อย่างน้อยรอเด็กน้อยอายุสัก 15-16 ถึงจะย้ายออกไปได้ “
แอนนิสตันเชิดจมูกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถามเอริคเสียงสูง ” เธอเหมือนเด็กน้อยตรงไหนกัน !”
” อ่า จริงๆก็ไม่เหมือน แต่มันมีเหตุผลมากมายอย่างนี้ ดรูว์เธอเหมือนคนมีชื่อเสียงคนหนึ่ง องค์กรคุ้มครองเด็กอะไรนั้นก็ให้ความสนใจมาก ถ้าตอนนี้ฉันให้เธอย้ายออกไป ต้องทำให้คนพวกนั้นไม่พอใจแน่ “
” เห้อ อย่างนั้น….เด็กน้อยนั้นทำไมไม่เกิดแถวสลัมล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงไม่มีใครสนใจเหมือนอย่างตอนนี้หรอก “
” ใช่สิ ” เอริคพูด ” โลกมันก็ไม่ยุติธรรมอย่างนี้แหละ อเมริกาก็เรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างแท้จริง การศึกษาก็คือนำไปเรียนรู้และใช้จริง ประเทศอย่างนี้ก็รับประกันได้ว่าคนส่วนใหญ่สุดยอดที่สุด แล้วเด็กในสังคมชั้นล่างจะเป็นอย่างไร ใครจะสนใจล่ะ แม้ว่าพวกเขา 12 ปีก็ออกจากโรงเรียน 13-14 ก็มีลูก แถมยังมีน้อยคนมากที่จะให้ความสนใจกับพวกเด็กเหล่านี้ แต่ดรูว์ไม่เหมือนกับเด็กพวกนั้น เธอได้ปีนขึ้นไปบนพีระมิดแห่งนี้แล้ว ย่อมขึ้นเป็นบุคคลสำคัญที่สามารถมีสวัสดิการอย่างบุคคลอื่นๆ ส่วนองค์กรปกป้องเด็ก นั้นก็ถือเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่ง “
หญิงสาวเอามือข้างหนึ่งพิงไปที่หน้าต่างรถยนต์ พูดกับเอริคริกว่า ” เอาเถอะ ยินดีด้วยคุณประสบความสำเร็จแล้ว คุณมักจะหาร้อยหมื่นวิธีมาโน้มน้าวความคิดของฉัน เห้อ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ฉันแค่ขี้เกียจวุ่นวายกับเด็กเท่านั้น “
” งั้นเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปก่อน ” เอริคพดอย่างยิ้มๆ
” เพราะคุณ !”
” เอาเถอะ เพราะฉัน ” เอริคไม่ได้ตั้งใจจะเถียงกับแฟนสาวแต่อย่างใด ก่อนจะพูดต่อว่า ” บ้านพักที่มาลีบูใหญ่มาก เจนนี่ถึงเวลาคุณก็ย้ายเข้าไปอยู่ได้นะ “
” มีฉันไม่มีเธอ มีเธอไม่มีฉัน คุณเลือกเอาละกัน!” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างเด็ดขขาด
เอริคยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบผมของแฟนสาวอย่างอ่อนโยน ” อย่างนั้นก็ไว้ค่อยพูดกันอีกที “
” อูว….คุณนี่อันธพาล ทำไมคุณลำเอียงอย่างนี้!” หญิงสาวใช้สายตาทั้งสองข้างจ้องไปที่เอริค แล้วกรอกตาไปมา เหมือนกำลังหาคำพูดอะไรสักประโยคมาพูดใส่หน้าแฟนหนุ่มของเธอให้รู้สึกเจ็บใจ
เอริคเหลือบมองท่าทางของแฟนสาวเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างรีบๆ ” เห้ คุณอย่าก่อกวนสิ ฉันขับรถอยู่นะ “
พูดๆอยู่ เอริคก็รู้สึกว่าโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาจึงรีบจอดรถเข้าข้างทาง รับโทรศัพท์ ดรูว์ส่งเสียงตื่นเต้นออกมาจากในมือถือ เอริคมองไปทางแฟนสาวเล็กน้อย ก่อนจะรีบเปิดประตูแล้วเดินลงจากรถ เขาเดินห่างออกจากรถไปประมาณ 5 เมตร
แอนนิสตันมองเอริคที่ทำท่าทางระแวงอย่างนั้น ในใจทั้งโกรธทั้งแค้น เอาเถอะ อย่างน้อยเขาก็ยังสนใจความรู้สึกของเธออยู่ หญิงสาวพูดปลอบใจตัวเอง
จากนั้นไม่นาน เอริคก็กลับขึ้นรถไป เมื่อเขานั่งที่เรียบร้อยแล้วเขาก็ขับรถไปตามทางเหมือนเดิม
” มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือป่าวเอริค ? ” ขับรถไปสักครู่ แอนนิสตันที่ทนความเงียบไม่ไหวก็อดถามออกแฟนหนุ่มไม่ได้
เอริคส่ายหัว ” ไม่รู้เหมือนกัน เห็นดรูว์บอกว่ามีเรื่องอะไรจะบอกฉัน ช่างเถอะ… ไม่ต้องไปสนใจเธอ เดี่ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน วันนี้ฉันจะพาคุณไปที่นี่หนึ่งก่อน “
” อื้ม….” แอนนิสตันจับมุมกระโปรง ผ่านไปสักครู่ถึงจะพูดว่า ” ถ้าอย่างนั้น…ถ้าอย่างนั้นเราก็กลับไปดูสักหน่อยเถอะ ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องสำคัญอะไรก็ได้นะ ? “