I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี – ตอนที่ 180

ตอนที่ 180

ตอนที่ 180 2 สาว

อีกห้องหนึ่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องรับรองทั้งสองห้องนั้น เอริคกำลังพูดคุยอยู่กับเหล่าบรรดาผู้บริหารของบริษัทอื่นที่มาร่วมงาน

ผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะอยู่เฉพาะภายในฝ่ายตัวเอง แต่พวกเขาหลายคนต่างก็รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เวลาพูดคุยกันต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองนั้นแปลกแยก เพราะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งเจ็ดแห่งเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวกันอยู่ตลอด

ตัวอย่างเช่น คนที่ไม่มาร่วมงานอย่างแบร์รี่ ดิลเลอร์ เมื่อ 84 ปีก่อนเขาเป็นผู้ดูแลควบคุมพาราเมาต์พิกเจอส์ แต่ตอนนี้เขาได้มาเป็นCEO ของ Fox แล้ว ซึ่งแต่เดิมนั้นพาราเมาต์พิกเจอส์ ที่แบร์รี่ ดิลเลอร์ ดูแลควบคุมอยู่นั้นมีผู้ช่วยสองคนคือ ไมเคิล ไอสเนอร์และ เจฟฟรีย์ แคตเซน ตอนนี้ทั้งคู่ได้ย้ายมาอยู่ Disney แล้ว คนหนึ่งเป็น CEO อีกคนเป็นผู้อำนวยการ ถ้าประวัติศาสตร์ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เจฟฟรีย์ แคตเซน ก็คงได้เป็น CEO ของ DreamWorks ส่วนเอมี่ ปาร์คาร์ก คงได้เป็นผู้บริหารระดับสูงของ Fox ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในโคลัมเบีย บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งก็อาศัยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ พวกเขาแข่งขันและร่วมมือในเวลาเดียวกัน

“เอริค คุณคิดว่าหนังทั้งสองเรื่องนี้จะทำรายได้ให้ให้บ๊อกออฟฟิสเท่าไหร่ ให้เราลองประเมินราคาดูก่อนที่คุณจะพิจารณา? ” ไมเคิล ไอสเนอร์ ถามขึ้นต่อหน้าคนอื่นด้วยสายตาที่คาดหวัง

เอริควางแก้วกาแฟลงแล้วยิ้ม “คุณไอสนอร์ พูดถูก ฉันรับประกันว่าหนังสองเรื่องนี้ยอดเยี่ยมที่สุดแน่นอน ส่วนทำรายได้ให้บ๊อกออฟฟิสเท่าไหร่นั้นก็ต้องดูเสียงตอบรับจากผู้ชมและสถานะการตลาดในตอนนั้น”

“อย่างนี้ก็ไม่ได้สิ คุณเพิ่งจะวัยรุ่นทำไมคุณถึงได้ปลิ้นปล้อนอย่างนี้ละ ปกติแล้ววัยรุ่นแบบคุณต้องฮึกเหิมกล้าได้กล้าเสียสิ” เนเทอร์ ทาร์ล ผู้อำนวยการของ Paramount กล่าวขึ้น เมื่อชายชราผมขาวอายุราว 60 ปีอีกฝ่ายยิ้มขึ้นด้วยท่าทางที่เป็นมิตร ประโยคที่ได้ยินเหมือนผู้ที่ประสบความสำเร็จพูดสร้างแรงบรรดาลใจให้กับชนรุ่นหลัง เพื่อจะสร้างความสนิทสนมมากขึ้น

เอริคยิ้มด้วยท่าทางสุภาพอ่อนน้อม แต่กลับตำหนิพวกเขาอยู่ในใจ ชายชราเหล่านี้ต่างก็ปลิ้นปล้อนกันทุกคน ตัวเอริคเองอยากฟังความคิดเห็นของพวกเขา จึงรอให้พวกเขาตกหลุมพรางกันเอง

พูดได้ว่าหลังจากผู้บริหารระดับสูงอย่าง แบร์รี่ ดิลเลอร์และ ไมเคิล ไอสเนอร์ ออกจาก Paramount ก็ทำให้บริษัทหนังสูญเสียเสาหลักไป ดังนั้นการทำหนังตอนนี้จึงยิ่งยุ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม ปีนี้จึงมีหนังเรื่อง Raiders of the Lost Ark ออกมาแค่เพียงเรื่องเดียว แต่หนังเรื่องนี้ก็ได้ผู้อำนวยการสร้างหนังและผู้กำกับที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง จอร์จ ลูคัสและสตีเวน สปีลเบิร์ก มาร่วมกำกับหนังให้ ทั้งสองเป็นนักธุรกิจที่ทำหนังออกมาได้อย่างฉลาดหลักแหลมมาก Paramount คาดว่ารายได้มากมายนั้นมากจากการทุ่มเททำงานอย่างหนักของพวกเขา และกำไรส่วนใหญ่ที่ได้จากหนังของทั้งคู่ จอร์จ ลูคัสและสตีเวน สปีลเบิร์กก็จะแบ่งกัน

ในความคิดของเอริคนั้น ตัวเขาเองรู้สึกว่า Paramount น่าจะเสนอราคาสูงที่สุดมา เขาจึงใช้งานแถลงข่าวครั้งนี้ก็เป็นตัวกระตุ้นที่จะทำให้แต่ละฝ่ายที่ได้ดูตัวอย่างหนังแล้วเสนอเงื่อนไขของตัวเองออกมาบริษัท Firefly เอง ก็จะแยกแยะเงื่อนไขของแต่ละบริษัทยักษ์ใหญ่พวกนี้ แล้วตัดสินใจว่าจะร่วมมือกับบริษัทหนังไหน แต่หลังจากที่ ไมเคิล ไอสเนอร์ปรากฏตัวออกมาก็ยิ่งทำให้คาดการณ์ผลสำเร็จนั้นยากกว่าเดิม เพราะจุดสำคัญที่ ไมเคิล ไอสเนอร์ ต้องการคือคาดหวังให้บริษัทหนังเหล่านี้แข่งขันกัน เพราะเขาใช้เวลาเพียงแค่ 5 ปี ก็ทำให้ Disney เติบโตมาถึงทุกวันนี้ และด้วยแรงผลักดันของแบร์รี่ ดิลเลอร์นั้น ตอนนี้ค่ายหนัง Disney ก็ได้เป็นค่ายหนังที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในฮอลลีวูด

อลัน ฟิชแมนผลักประตูเข้ามาเบาๆและย่องไปหาเอริคอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเขาเข้ามา อลันกระซิบข้างหูเอริคว่า “คุณวิลเวียม คนของ Fox มากันแล้ว”

เอริคพยักหน้ารับรู้ แล้วก็หันมากล่าวอย่างยิ้มๆกับ ไมเคิล ไอสเนอร์ และแขกคนอื่นๆว่า: ขออภัยด้วยนะครับท่านแขกผู้มีเกียรติ โปรดรอสักครู่ ผมขอตัวลงไปรับแขกอีกท่านขึ้นมาก่อนนะครับ

เมื่อออกจากห้อง เอริคพาอลันตรงไปยังลิฟต์ทันที อีกฝ่ายน่าจะขึ้นมาถึงเร็วๆนี้ อลันจึงกล่าวขึ้นว่า “ไมค์ที่อยู้ด้านล่างบอกว่า Fox ส่งคนมาสองคน นอกจากกันป์ตาร์แล้วก็ยังมีผู้หญิงอีกหนึ่งคน “

“รู้มั้ยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร?” เอริคถามขึ้นอย่างร้อนใจ

อลันส่ายหน้า “ไม่รู้เลย ไมค์บอกว่าหล่อนอายุเพียงแค่ 20 ปียังเด็กอยู่มากแต่กัลป์ตาร์ ฮันท์ก็ให้ความเคารพหล่อน”

กัลป์ตาร์ ฮันท์ เป็นผู้จัดจำหน่ายหนังของ Fox และตำแหน่งของเขาถือได้ว่าเป็นรองผู้อำนวยการของบริษัทหนัง ผู้ที่กัลป์ตาร์เคารพแบบนี้ได้มีเพียงแบร์รี่ ดิลเลอร์และคนอื่นๆไม่กี่คนเท่านั้น และในบรรดาคนเหล่านั้นไม่มีเด็กสาวที่อายุเพียงแค่ 20 ปีแน่นอน

เอริคไม่ค่อยเข้าใจแต่เขาก็ยังไม่อยากคิดมาก เมื่อพวกเขาเดินมาถึงลิฟต์เสียงลิฟต์ก็ดังขึ้นพร้อมทั้งมีชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกมา

“สวัสดี คุณกัลป์ตาร์” เอริคกล่าวทักทายและกอดกัลป์ตาร์เบาๆหนึ่งครั้ง พร้อมทั้งชำเลืองไปมองด้านข้างของเขา เด็กสาวที่มาด้วยกันกับกัลป์ตาร์นั้นเป็นผู้หญิงที่มีผมสีทองอายุประมาณ 20 ปี สูง 170 เซนติเมตร ผมที่ยาวปิดหูพอดีทำให้ใบหน้าที่เรียวสวยของหล่อนดูเด่นชัดมากยิ่งขึ้น บวกกับคิ้วที่โค้งสวยได้รูปทำให้ใบหน้าของหล่อนดูมีมิติมากขึ้น หล่อนสวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตและกางเกงลำลองสีเหลืองอ่อนและใส่รองเท้าส้นเตี้ยสีดำ

นี่น่าจะเป็นลักษณะขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่งของนักธุรกิจสาว พอเอริคเห็นลักษณะเด็กสาวตรงหน้าก็ทำให้คิดถึงคนหนึ่งขึ้นมาทันที หล่อนดูคล้ายกับหญิงสาวที่นั่งรออยู่ในห้องรับรองอย่างเอมี่ปาร์คาร์กมาก

หลังจากที่ทักทายกัลป์ต้าร์แล้ว ผู้มาเยือนกำลังจะแนะนำบุคคลที่มาพร้อมกับเขา แต่ทันใดนั้นเด็กสาวก็ยื่นมือไปด้านหน้า “สวัสดี คุณวิลเลียม ฉันชื่อเอลิซาเบธ เมอร์ด็อค “

เมื่อเอริคได้ยินชื่อตระกูลเมอร์ด๊อคคิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อย แสดงว่ากัลป์ตร้า ฮันท์กับเด็กสาวมีความสัมพันธ์กัน เอริคคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นญาติสายเลือดเดียวกันกับรูเพิร์ต เมอร์ด็อก

“สวัสดีคุณเมอร์ด๊อค เรียกผมว่าเอริคก็ได้”

เด็กสาวปล่อยมือออกจากเอริคแล้วถามอย่างจริงจังว่า “แล้วทำไมคุณไม่เรียกฉันว่าเอลิซาเบธละ”

เด็กสาวคนนี้ช่างใจกล้ามาก เอริคคิดในใจ หลังจากนั้นก็ตอบกลับไปอย่างช้าๆว่า “อาจเป็นเพราะว่าเราเพิ่งจะเจอกันเป็นครั้งแรก จึงมักไม่อนุญาตให้เรียกกันด้วยชื่อต้นอยู่แล้ว การเรียกชื่อผู้หญิงแบบนั้นมันอาจจะไม่ค่อยเหมาะสมน่ะครับ”

เอลิซาเบธ เมอร์ด๊อคเชิดหน้าขึ้นมาเล็กน้อยแล้วจ้องไปยังเอริค “โอเค เอริค ฉันอนุญาติให้คุณเรียกฉันว่าเอลิซาเบธแล้ว”

“额….” “เอ่อ…….”

กัลป์ตาร์มองเอริคด้วยสีหน้าที่อึดอัดกระอักกระอ่วนใจ แล้วรีบไกล่เกลี่ยทันที “เอริค นี่เอลิซาเบธ เมอร์ด๊อคลูกสาวคนที่สอง รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เธอมาฝึกงานที่ Fox เธอบอกว่า… สนใจหนังของคุณ ดังนั้นจึงขออาสามาดูงานด้วย หวังว่าคุณคงจะไม่ถือสา”

” ไม่แน่นอน” เอริคกล่าวอย่างยิ้มๆ อย่างนั้นพวกเราไปห้องรับรองกันก่อน งานแถลงข่าวจะเริ่มตอนบ่ายสอง โปรดรออีกสักหน่อย

หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินไปตามทางเดินเพื่อตรงไปยังห้องรับรอง เอลิซาเบธ เมอร์ด๊อคนั้นเดินอยู่ด้านข้างของเอริค ส่วนอลันก็ก้าวถอยหลังลงมาแล้วเดินตามทั้งสามคนไป

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี

Status: Ongoing

ผู้กำกับหนังได้กลับมาเกิดในปี 1988 ที่ฮอลลีวูดในฐานะเด็กชายชาวตะวันตกวัย 18 ปีที่ชื่อ เอริควิลเลียม จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนบนทหนัง เพลงและรายการทีวีขึ้น แล้วกลายเป็นผู้กำกับที่เก่งในทุกด้านของวงการบันเทิง ชนะใจของดาราสาวทุกคนและเข้าสู่เส้นทางตำนานผู้กำกับแห่งฮอลลีวูด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท