ตอนที่ 192 ฉันมีแผนการใหญ่
เมื่อได้ยินเอริคถามอย่างนั้น นัยน์ตาของเด็กสาวก็เศร้าลงทันที ” บ้านก็ไม่อยู่ โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง ไม่รู้ว่าหายไปไหน ทําให้คนอื่นเป็นห่วงรู้ไหม”
เอริคแสร้งทําเป็นไม่เห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของดรูซ์ เขาเดินเข้าไปหาเด็กสารแล้วอุ้มหล่อน พาไปยังเก้าอี้ที่โต๊ะทํางานทันที “โอเค งั้นเรามาคุยกัน”
ดรูซ์ก็ไม่ได้ถือสาอะไรมากนักหล่อนถูกวางลงบนเก้าอี้อีกด้านของโต๊ะ ส่วนเอริคก็เลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามเข้ามานั่ง เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่า เด็กสาวนั้นใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีม่วงอ่อนที่กําลังฮิตกัน อยู่ช่วงนี้ซึ่งดูเข้ากับกางเกงลําลองสีขาวและรองเท้าหนัง โดยปกติแล้วหล่อนจะใส่แค่รองเท้าแตะที่เผยให้เห็นสีเล็บเท่านั้น ซึ่งลุคนี้ทําให้หล่อนดูแปลกตาอย่างมาก
หรือหล่อนกําลังจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว?
ในขณะที่เขากําลังคิดถึงลักษณะที่เปลี่ยนไปของเด็กสาว ดรูซ์ก็พูดขึ้นว่า “เอริค ฉันมีแผนการ”
ท่าทางเอาจริงเอาจังอย่างนั้นของเด็กสาวทําให้เอริครู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยนัก เขาจึงอดไม่ได้ที่แกลังเด็กสาว “ฉันไปหาคนขี้โกงมาคนหนึ่ง อยากไปทํางานกับเขาเพื่อดูว่าเขายึดสมบัติของฉันรึเปล่า ”
“คุณช่างน่าเกลียดจริงๆ ฉันกําลังจริงจังกับคุณอยู่นะ”
เด็กสาวโกรธมาก หล่อนจึงคว้าเอกสารที่อยู่ใกล้ตัวเขวี่ยงใส่เอริคทันที
เอริครีบวิ่งไปคว้าเอกสารเหล่านั้นทันที แล้ววางไว้ข้างตัวก่อนจะพูดว่า “โอเคโอเค เธอพูดเรื่องแผนการของเธอมา”
ดรูซ์ถลึงตาใส่เอริคอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าเขาจะไม่เล่นอีกแล้ว หล่อนจึงเดินไปหยิบเอกสารสองชุดออกมาจากกระเป๋าเล็กๆของหล่อนที่วางอยู่บนโต๊ะทํางานของเอริค หล่อนยื่นให้เอริคขุดหนึ่ง และอีกชุดหนึ่งวางไว้ตรงหน้าของตัวเอง “ก่อนหน้านั้นคุณยังไม่ได้เตรียมเงื่อนไขผู้ครอบครองลิขสิทธิ์ใช่ไหม เอริคฉันวางแผนจะจัดตั้งทีมขึ้นมากลุ่มหนึ่ง แล้วชี้แจงเงื่อนไขเหล่านี้ให้เขาทีละคน ที่อยู่ตรงหน้าของคุณคือเงื่อนไขที่ฉันเขียนไว้ คูณดูสิว่าเป็นยังไง”
เงื่อนไขผู้ครอบครองลิขสิทธิ์งั้นเหรอ
เอริคชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกตัว หลังจากดรูซ์ได้ลิขสิทธิ์ของหนังเรื่อง Affair to Remember ไปวันนั้น หล่อนหาเรื่องทะเลาะกับเอริคเพื่อต้องการทําเรื่องอื่นอีก ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกเบื่อ จึงนั่งเขียนต้นฉบับของนิยายไม่ก็บทละครที่ดัดแปลมาจากหนังที่มีชื่อเสียงโด่งดังของฮอลลีวูดในชีวิตที่แล้วของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Forrest Gump, The Shawshank Redemption , Charlies Angels , Bourne Franchise, Mission: Impossible และยังมีลิขสิทธิ์ต้นฉบับของหนังอีกหลายเรื่อง รวมไปถึงต้นฉบับของหนังเรื่อง The Lord of The Rings ที่จะดําเนินการถ่ายทําอีก 10 ปีข้างหน้าอีกด้วย รวมๆแล้วก็ 20 กว่าเรื่อง เขาคิดว่าเด็กสาวจะคั เลือกมาเพียงหนึ่งเรื่องจากบรรดาหนังเหล่านี้ แต่คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะคิดการใหญ่ที่จะครอบครองลิขสิทธิ์หนังทุกเรื่องของเขา
เอริคขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มลงมองเอกสารที่เด็กสาวเรียกว่าเงื่อนไขและอ่านมัน
” ดรูซ์ คําว่า jinshu (ไถ่ถอนขาดตัว e ไปตัวหนึ่ง มาเดี๋ยวฉันสอนให้ “
“เอริค ถ้าคุณเป็นแบบนี้ฉันเสียใจแล้วนะ”
เด็กสาวทําท่าจะร้องไห้เอริคจึงรีบหยุดเล่นทันที เขาวางเอกสารนั้นลงก่อนจะถามขึ้นว่า “แล้วเธอคิดว่ายังไงละ?”
“ฉัน… อยากจะทําอะไรได้บ้าง อีกอย่างฉันเองก็สนใจงานด้านนี้ด้วย” เมื่อพูดจบ เด็ก สาวก็ส่งสายตาอ้อนวอนไปที่เอริค ก่อนจะพูดว่า “เอริค คุณรับปากกับฉันได้ไหม”
เอริคจึงหยิบกระดาษขึ้นมาคิดคํานวณ “เมื่อนำราคาจากหนังมาเฉลี่ยกันอย่างละ 2 ล้านดอลลาห์ และนำทุกเรื่องมารวมกัน ก็ได้อย่างน้อย 50 ล้านดอลลาห์”
ดรูซ์คิดว่าเอริคต้องปฏิเสธหล่อนแน่ๆ จึงรีบชิงพูดขึ้นก่อน ” คุณคิดมันไม่ได้หรอก ฉันคิดเอาไว้หมดแล้ว ปีนี้คุณจะได้ส่วนแบ่งจากหนังหลายเรื่องกว่าร้อยล้านดอลลาห์ นี่ฉันยังไม่รวมอีก 50 ล้านดอลลาห์ที่เราจะได้นะ “
“อย่าขัดจังหวะฉัน” เอริคมองเด็กสาวอีกครั้งก่อนพูดว่า ” 50 ล้านดอลลาห์ฉันต้องได้รับแน่นอน แต่เธอเคยคิดไหมว่าถ้าข่าวการขายลิขสิทธิ์เหล่านี้แพร่ออกไป แน่นอนว่าคงทําให้บริษัทหนังอีกหลายแห่งในฮอลลีวูดนั้นตื่นตัว เมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นเธอ ทุกคนก็ต้องนึกถึงฉันแน่นอน เธอก็รู้ว่าตอนนี้ฉันทําหนังหลายเรื่องจนแทบจะไม่มีเวลาแล้ว เพราะเหตุนี้จากที่ฉันดูแล้ว พวกเขาต้องแข่งขันแก่งแย่งกันแน่นอน แล้วถ้ารู้ว่าฉันต้องการขายอีก พวกเขาต้องใช้โอกาสนี้ขึ้นราคาอย่างแน่นอน ดังนั้นสุดท้ายแล้วราคาที่เสนอขายไปจะถูกตัดทิ้ง และเมื่อถึงตอนนั้นเราก็อาจไม่รู้ได้ว่าเราขาดทุนไปเท่าไหร่”
เมื่อเด็กสาวฟังสิ่งที่เอริคอธิบายให้ฟัง หล่อนจึงก้มหน้าลงด้วยความผิดหวังและแกะนิ้วตัวเอง
เมื่อเอริคเห็นท่าทางที่ผิดหวังของเด็กสาว จึงพยายามคิดวิธีที่เป็นกลางที่สุด “เอาเถอะๆดรูซ์ อย่าเสียใจไปเลย เอาอย่างนี้ไหม เรื่องจัดตั้งทีมยังไงก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่เธอช่วยเปิดรับสมัครพนักงงานสักสองสามคนก็พอเอามาไว้ประดับสตูดิโอของเรา”
เมื่อครูซได้ยินอย่างนั้นทําให้จุดประกายความหวังให้หล่อนขึ้นมาอีกครั้ง แต่แค่3 คนจะพอเหรอ?
เอริคยืนนิ้วออกมาอธิบายให้ดรูซ์ “ผู้ช่วย 1 คน เพื่อมาช่วยเธอจัดการธุระในแต่ละวันของเธอ นักกฎหมายที่เชี่ยวชาญกฎหมายด้านนี้โดยตรง 1 คน และสุดท้ายคือทีมงานที่จะมาช่วยเจรจาต่อรองเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของหนัง แค่ 3 คนนี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องใช้คนเยอะขนาดนั้น “
” งั้นก็ตามนี้” ดรูซ์พูดอย่างอายๆ
เอริคยังพูดต่ออีกว่า “นักกฎหมายฉันให้เอ็ตเวิร์ตช่วยแนะนําให้ ผู้ช่วยก็หาได้ง่ายอยู่แล้ว เหลือก็แต่นักเจรจาต่อรองนี้แหละที่หายากอยู่”
“งั้นเดี๋ยวฉันช่วยหาเอง” ดรูซ์รับเงยหน้าขึ้นมาพูดทันที
เอริคมองท่าทางของเด็กสาว ก็ทําให้เขานึกถึงตอนที่หล่อนเจอกับลอว์เรนซ์ เบนเดอร์ เมื่อครั้งที่แล้ว เขาจึงไม่ได้คัดค้านอะไร “ ก็ได้ งั้นเธอเป็นคนจัดการละกัน แต่ขอย้ำว่าห้ามใช้ชื่อเสียงฉันไปทําสัญญา “
ดรูซ์พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ฉันดูโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“คนฉลาดมักจะทําเรื่องโง่ๆเสมอ” เอริคพูดอย่างยิ้มๆ
เด็กสาวแสดงท่าทางไม่พอใจ หล่อนลุกขึ้นและเก็บของตัวเอง ” งั้นฉันไปก่อนนะ?”
เอริคพยักหน้า แต่อยู่ๆเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ ยังมีอีกเรื่อง เงื่อนไขลิขสิทธิ์เหล่านั้นเธอสามารถนําไปใช้ได้ทั้งหมด แต่สิทธิ์ในการแก้ไขเหล่านั้นฉันขอใส่คําอธิบายเพิ่มเติมลงไปอีกสักหน่อย เมื่อถึงเวลานั้นเธอสามารถใช้เงื่อนไขเหล่านี้ไว้เจรจากับอีกฝ่ายได้”
“คําอธิบายเพิ่มเติมอะไร” ดรูซ์นั่งลงอีกครั้ง
“ก็อย่างเช่น นวนิยายบางเรื่องต้องได้รับการแก้ไขภายใน 20 ปี ซึ่งมันจะอยู่ตลอดไปไม่ได้ และยังมีบทละครบางเรื่องที่ต้องซื้อสิทธิ์ทุกครั้งก่อนออกอากาศ และมีสิทธิ์แก้ไขเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น” เอริคอธิบาย พร้อมกับพลิกดูเงื่อนไขที่ตรูซ์เขียนขึ้น จนไปถึงหน้าสุดท้ายที่เป็นเงื่อนไขที่ตัวเองเพิ่งจะเพิ่ม “เมื่อเพิ่มเรียบร้อยแล้วฉันจะรีบส่งให้เธอทันที”
“คืนนี้คุณจะกลับบ้านไหม?” เด็กสาวเอ่ยปากถามขึ้น ซึ่งมันก็เป็นแค่คําบ่นที่คุ้นเคยของหล่อนเท่านั้น เมื่อไม่ได้รับคําตอบใดๆหล่อนจึงรีบยืนขึ้นทันที ” ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันกลับก่อนละกัน”
ระวังตัวด้วย” เอริคหันไปพูดกับเด็กสาว
“รู้แล้ว รู้แล้วคะ คุณพ่อ!”