ตอนที่ 213 ไม่มีใครติดหนี้บุญคุณใครทั้งนั้น
หลังจากรอให้เอลิซาเบธปิดประตูห้องของตัวเองลงแล้ว เมอร์ดอกก็หยิบหม้อต้มกาแฟออกมาก่อนที่จะจัดการในกาแฟด้วยตัวของเขาเองก่อนที่จะผายมือออกเป็นการเชิญเอริคให้ดื่มกาแฟ เพิ่มอีกแก้ว
เอริคส่ายหน้าเบาๆก่อนจะตอบกลับไปว่า ” ดื่มกาแฟตอนดึกเยอะๆไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ ”
เมอร์ด็อกหัวเราะออกมาพร้อมกับกล่าวว่า ” นายยังเป็นวัยรุ่นอยู่คงจะไม่เป็นอะไร รอให้อายุเท่ากับฉันก่อน นายก็จะเข้าใจว่าการดื่มกาแฟเป็นการเพิ่มพละกําลังให้กับตัวเองเป็นอย่างดีเลยหล่ะ ”
” อยากจะรักษาพละกําลังตัวเอง จริงๆแล้วก็ยังมีวิธีการที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายเลยนะ “
เมอร์ด็อกไม่ได้กล่าวอะไรกลับไปแต่เลือกที่จะเปลี่ยนบทสนทนาในทันที ” ว่าแต่หนังเรื่องแรกของนายที่ทําสัญญากับ Fox เป็นไปอย่างราบรื่นใช่ไหม ? ”
“ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นดี หนังเรื่อง 17 again สามารถทํารายได้ทะลุ100ล้าน แม้แต่ตัวผมเองก็คิดไม่ถึงว่าจะประสบความสําเร็จขนาดนั้น ”
เอริคยักไหล่พร้อมกับตอบกลับไปด้วยท่าทางที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับคําถามของเมอร์ดอกเท่าไหร่นัก
จริงๆแล้วการที่เขาเข้าร่วมกับ Fox ถือเป็นการสร้างโอกาสให้กับ 17again ให้ได้เข้าสู่ฮอลีวูด ทว่าสําหรับเขาเรื่องนี้ไม่ถือว่าติดหนี้บุญคุณกับ Fox เพราะ 17again ไม่เพียงแต่จะสร้างกําไรให้กับบ็อกออฟฟิศจํานวนกว่าหมื่นล้านดอลลาร์เท่านั้น แต่มันยังสร้างรายได้ที่มาจากวิดีโอเทปและ การเผยแพร่ทางโทรทัศน์ให้กับพวกเขาด้วย จากกําไรทั้งหมดที่พวกเขาได้รับดูเหมือนว่าจะมากกว่าหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์เสียด้วยซ้ําในขณะที่ Fox ได้รับกําไรอย่างล้มหลามทว่าเขากลับได้รับค่า ตอบแทนไม่ถึงหนึ่งล้านดอลลาร์ หากจะให้พูดอีกมุมหนึ่งเขาคิดว่า Fox ได้สร้างกลอุบายทิ้งไว้ให้ กับเขาจนทําให้เขาเสียเปรียบอย่างมาก เพราะหลังจากที่ 17 again ได้ถูกฉายออกไปเขาก็ไม่ได้ รับเงินจากบ็อกออฟฟิศแม้แต่เหรียญเดียว เอริครู้สึกได้ว่าเรื่องนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ Fox หายไปจากหนังเรื่อง Little devil แม้ว่าตอนเริ่มแรก Fox จะปฏิเสธที่จะปล่อยหนังเรื่อง Little devie ทว่าหลังจากที่ Little devil สามารถทํารายได้ถล่มทลาย Fox จะต้องโกรธเขาอย่างแน่นอน ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องปกติที่คนๆหนึ่งเมื่อได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างผิดพลาด พวกเขาก็เลือกที่จะโบ้ยความผิดและโกรธคนอื่นโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองตนเองเลยว่าสาเหตุหลักๆ เกิดจากอะไร
คําพูดของเมอร์ดอกก่อนหน้านี้เพียงเพื่อที่จะสร้างบทสนทนาและสร้างความใกล้ชิดกับเอริค เท่านั้น ทว่าดูเหมือนว่าตอนนี้มันได้สร้างความลําบากใจเล็กๆขึ้นมาบนใบหน้าของเขาเสียแล้ว
“ได้ยินมาว่าสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆก็ติดต่อนายมาเหมือนกันอย่างงั้นเหรอ ?”
เรื่องที่สถานีโทรทัศน์สามช่องใหญ่ติดต่อมาหาเอริคในตอนนี้ได้ถูกตีพิมพ์บนหนังสือพิมพ์แล้ว แม้แต่หนังสือพิมพ์ Los Angeles Times และ New York Times ที่โด่งดังก็ยังนําเรื่องของเขาไปทําเป็นบทความวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ต่างพุ่งเป้าไปที่สถานีโทรทัศน์ Fox พร้อมกับตั้งคําถามว่า Fox จะสามารถจับภาพยนตร์เรื่อง Friends ที่จะถูกเผยแพร่ออกมาในไตรมาสหน้าได้หรือไม่
” ใช่ เงื่อนไขของพวกเขาน่าสนใจมาก “
เมอร์ด็อกจิบกาแฟด้วยอาการหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากที่ได้ยินคําตอบของเอริค ในเวลานี้เอริคทําให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะคุยกับเขาเท่าไหร่นัก ถ้าหากเขาไม่พยายามที่จะต่อบทสนทนาให้ยาวออกไป ดูเหมือนว่าชายหนุ่มตรงหน้าก็พร้อม ที่จะจบบทสนทนาลงตรงนั้นในทันทีเช่นกัน
หลังจากที่วางแก้วกาแฟลง เมอร์ด็อกก็ตัดสินใจเข้าเรื่องที่เขาต้องการจะคุยในทันทีว่า “ เอริค ถ้าสถานีโทรทัศน์ Fox เพิ่มส่วนแบ่งในการโฆษณาของ Firefly เป็น 70% เพื่อแลกเปลี่ยนกับ สิทธิ์ในการเผยแพร่ซีรี่ย์เรื่อง Friends ในสี่ไตรมาสแรก นายคิดว่าเป็นยังไง ? “
เพียงแค่ได้รับสิทธิในห้าไตรมาสแรกของซีรี่ย์เรื่อง Friends เมอร์ดอกเชื่อว่าสถานีโทรทัศน์ Fox จะมีอิทธิพลกับหนังที่ฮอตฮิตเรื่องนี้อย่างแน่นอน และหลังจากผ่านการพัฒนาห้าปีหลังจากนี้ Fox ก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ในอเมริกาเหนือได้อย่างไม่ต้องสงสัย และเขาเชื่อมั่นว่าหาก Fox มียอดติดตามมากขึ้น พวกเขาก็จะสามารถต่อรองส่วนแบ่งกับ Firefly จากซีรี่ย์เรื่อง Friends ได้ใหม่อีกครั้ง
เอริคเงยหน้าขึ้นพร้อมกับจ้องไปที่เมอร์ด็อกก่อนจะกล่าวว่า “ คุณเมอร์ดอกนี่คือความจริงใจของ Fox ที่สามารถเชื่อถือได้ใช่ไหม ? ”
“นายคิดว่านี้ยังไม่สามารถแสดงความจริงใจของ Fox ได้อีกเหรอ ? “ เมอร์ด็อกถามกลับ
เอริคส่ายหน้าในทันที ตามปกติแล้วการแบ่งสัดส่วนเช่นนี้ถือเป็นการแบ่งที่ยุติธรรมเพียงพอแล้ว
อุตสาหกรรมโทรทัศน์แตกต่างจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ไม่มีกฎหมายต่อต้านที่ผูกขาดมาเกี่ยวข้องเหมือนกับภาพยนตร์ ซึ่งข้อแตกต่างนี้ทําให้พวกเขาสามารถที่จะสร้างรายการโทรทัศน์ขึ้นมาได้ด้วยตัวของพวกเขาเอง ดังนั้นจึงเป็นปกติที่สถานีโทรทัศน์จะมีความแข็งแกร่งมากกว่าและสถานีโทรทัศน์ก็จะได้รับสิทธิ์ในการเผยแพร่ได้ในทันทีที่เขาตกลงซื้อขายกับฝ่ายผลิตแล้ว สําหรับยักษ์ใหญ่ด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์อย่าง Warner เองก็ได้รับส่วน แบ่งจากค่าโฆษณาของพวกเขาซึ่งการแบ่งสัดส่วนนี้จะไม่เกิน 40 % ในขณะที่โดยทั่วไปแล้วจะได้รับเพียง 30% โดยประมาณ
แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งอื่นๆ สําหรับสถานีโทรทัศน์ Fox แล้วซีรี่ย์เรื่อง Friends ได้สร้างเรตติ้งให้กับพวกเขาค่อนข้างสูง ที่สําคัญที่สุดก็คือซีรี่ย์เรื่อง Friends สามารถที่จะช่วยให้สถานีโทรทัศน์ Fox ได้พัฒนาเพื่อเพิ่มความนิยมจากผู้ชมได้เร็วขึ้นอีกด้วย
“คุณเมอร์ด็อกซีรี่ย์เรื่อง Friends ก่อนหน้านี้ มีจํานวนผู้ชมเฉลี่ยเพียงไม่กี่ล้านคนและดูเหมือนว่าเมื่อเทียบกับสถานีโทรทัศน์ในอเมริกาเหนือแล้วจํานวนของผู้ชมมีเพียงหนึ่งในสิบของพวกเขาเท่านั้น แต่เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่ว่าซีรี่ย์เรื่อง Friends มีจํานวนผู้ชมสูงถึง 20 ล้านคนหลังจาก ที่นํามาฉายซ้ําอีกครั้ง ซึ่งนั่นทําให้อย่างน้อยก็สามารถเพิ่มจํานวนผู้ชมโดยเฉลี่ยให้กับ Fox ได้มาก กว่า 10 ล้านคน เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ดูเหมือนว่าสิ่งที่คุณพูดก่อนหน้านี้จะไม่ค่อยแฟร์สักเท่าไหร่นะ
เมอร์ด็อกมองเอริคก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า ” เอริค นายควรจะรู้นะว่าราคาที่ฉันเพิ่งพูดไปก่อนหน้านี้ ทําให้นายได้รับส่วนแบ่งเกือบสองเท่าจากกําไรที่ควรจะได้รับโดยปกติแล้ว ”
เอริคจ้องมองไปที่ผู้กอบการสื่อโดยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา ก่อนจะยิ้มออกมาเบาๆ “ คุณมอร์ด็อค ผมเชื่อว่าคุณคงจะทําการตรวจสอบบางอย่างก่อนหน้านี้แล้ว คุณเองก็น่าจะรู้ว่าสถานีโทรทัศน์สามช่องใหญ่นั้นต่างก็ต้องการจะแย่งซีรี่ย์เรื่อง Friends และดูเหมือนว่าข้อเสนอในการให้ส่วนแบ่งของพวกเขาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าของพวกคุณสักเท่าไหร่นักอีกอย่างมีคนได้ช่วยคํานวณ ให้กับผมแล้วว่า หากผมเลือกที่จะทําสัญญากับสถานีโทรทัศน์ไร้สายที่มีชื่อเสียงรายได้ในการ โฆษณาก็จะสูงขึ้นถึง 10% หากนําส่วนนี้มารวมเข้าด้วยกันแล้วราคาส่วนแบ่งที่ผมจะได้รับก็ไม่ได้ ต่างจาก Fox เท่าไหร่นัก อีกอย่างเมื่อนํามาเปรียบเทียบกับ Fox แล้ว ผมเลือกที่จะทําสัญญากับ สถานีโทรทัศน์ไร้สายที่มีชื่อเสียงเพื่อที่จะได้รับกําไรที่มากกว่าอยู่ดี ”
หลังจากที่เอริคกล่าวจบแล้วเขาก็ยิ้มน้อยๆก่อนที่จะก้มลงจิบกาแฟตรงหน้าโดยที่ไม่ได้ สนใจปฏิกิริยาของเมอร์ด็อกในตอนนี้ สําหรับข้อเสนอที่เกิดขึ้นนี้เอริคเชื่อว่าส่วนแบ่งโฆษณา 70% ที่เขายื่นให้ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่กลอุบายของเมอร์ด็อกเท่านั้น
เมื่อสัมผัสเข้ากับถ้วยเซรามิกสีขาวที่ละเอียดในมือของเขา เอริคก็สังเหตุเห็นลวดลายสีเขียวอ่อนที่ถูกวาดลงบนถ้วยกาแฟเซรามิกอย่างสะดุดตา เมื่อเห็นลวดลายบนแก้วกาแฟเอริคก็รู้ สึกสนใจขึ้นมาว่าตรงก้นแก้วจะมีข้อความที่เขียนว่า “ผลิตโดย…” หรือไม่
คิดเช่นนั้นเอริคก็เผลอยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทําให้เมอร์ด็อกที่นั่งอยู่ตรงข้ามรู้สึกงุนงงขึ้นมาในทันที แต่ว่าใบหน้าของเขาก็ยังคงผ่อนคลายพร้อมกับยิ้มตามเอริคอย่างมีมารยาท
“เอริค เรามาคุยเงื่อนไขของนายกันดีกว่า Fox ควรจะทําอย่างไรถึงจะมีสิทธิ์ที่จะได้รับภาคต่อของซีรีย์เรื่อง Friends ? ”