ตอนที่ 233 ข้อดีที่ไม่สมบูรณ์
” เป็นยังไง มีปัญหาอะไรไหม? “ เมื่อเอลิซาเบธเห็นสีหน้าตกใจขอเอริค จึงยื่นหน้าเข้ามามองปกหนังสือ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรจึงถามขึ้นอีกครั้ง “ เป็นยังไงละ? ”
” ไม่มีอะไร “ เอริคส่ายหน้า ก่อนจะเปิดบทหนังแล้วอ่านแบบคร่าวๆ
10 นาทีผ่านไป เอริคก็อ่านบทหนังเล่มนั้นจบ เขาเงยหน้าขึ้นแล้วถามหญิงสาวว่า “ เธอเอาบทหนังเรื่องนี้มาจากไหน? ”
เอลิซเบธไม่สามารถบอกเอริคได้ว่าดรูว์เป็นคนได้บทหนังเรื่องนี้มา หล่อนทําได้เพียงหาข้ออ้างมาบอกเอริคเท่านั้น เด็กสาวคนนั้นขอร้องหล่อนกับจูเลียให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับหลายต่อหลายครั้ง เพราะหล่อนอยากประสบความสําเร็จแบบไม่มีใครรู้ อยากให้เอริคตกใจกับความสําเร็จครั้งนี้ของหล่อน
เมื่อเอริคได้ยินเอลิซาเบธพูดว่าบังเอิญได้บทหนังเรื่องนี้มา เขาทําได้เพียงส่ายหน้าเท่านั้น ถ้าเอริครู้ว่าดรูว์ไปเสาะหาบทหนังเรื่องนี้มาเองละก็ บริษัทหนังของเหล่าหญิงสาวต้องพังลงเป็นแน่ ของดีๆแบบนี้จะแบ่งให้คนอื่นได้ยังไงกันละ
” คุณอ่านจบแล้วรู้สึกยังไงบ้าง? “ เอลิซาเบธถามเอริคด้วยความกังวลใจ ถึงแม้ว่าพวกหล่อนจะตัดสินใจทําหนังเรื่องนี้แล้วก็ตาม แต่ก็ทําไม่ได้ที่จะไม่ฟังความคิดเห็นจากเอริค
เอริคลูบบนปกหนังสือเบาๆ เขาเกิดความคิดที่จะร่วมลงทุนทําหนังเรื่องนี้กับเอลิซาเบธด้วย เพราะถึงอย่างไหนเรื่องนี้ก็เป็นหนังฟอร์มยักษ์ และเป็นหนังที่ได้รับรางวัลออสก้าสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมถึงสี่รางวัลอีกด้วย ความคิดที่เพิ่งผุดขึ้นมาเมื่อกี้เอริคพยายามเก็บมันไว้ เพราะเขาคิดว่าไม่จําเป็นต้องเอาสิ่งที่ดีทุกอย่างของโลกใบนี้มาเป็นของเขาคนเดียวแล้วไม่มองความสามารถของคนอื่น จนทําให้พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น เอริคยังคิดอีกว่าการที่พวกหล่อนมาทําหน้าที่ตรงนี้ทําให้เด็กหญิงตัวเล็กๆเหล่านี้จะได้รู้จักกับคําว่ามิตรภาพด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เอริคก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ” เรื่องนี้ไม่ได้มีจุดเด่นมากขนาดนั้น แต่ถ้าทําหนังเรื่องนี้ก็ทําให้คนดูเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นแน่นอน ดังนั้นนักแสดงที่แสดงหนังเรื่องนี้ต้องคัดเลือกเป็นพิเศษ เธอมีพระนางที่เลือกไว้ ฉันจะให้จูเลียมารับบทเป็นคาลิส สแตรลิ้งค์ แล้วหล่อนเองก็ตกลงแล้วด้วย ตัวละครตัวอื่นฉันยังไม่มี แต่ถึงอย่างไรหนังเรื่องนี้ก็เป็นผลงานศิลปะที่ฉันสร้างขึ้นเองอยู่แล้ว ค่อยๆหาก็ได้ไม่ได้รับ “
เอริคส่ายหน้าทันที “ ไม่ได้ จูเลียไม่เหมาะกับบทคาลิส ตัวละครคาลิสเป็นตัวละครที่ค่อนข้างซับซ้อนมาก จูเลียไม่สามารถเข้าถึงบทบาทนี้ได้แน่ๆ ”
” แล้วคุณคิดว่าใครเหมาะสมกันละ? “ หญิงสาวถามกลับทันที
เอริคจึงตอบกลับไปทันทีว่า “ โจดี ฟอสเตอร์ ”
” อ่า เฉียบแหลมมาก ฉันเคยได้ยินว่าผู้เขียนบทหนังที่ดัดแปลงเรื่องนี้ก็แนะนําให้โจดี ฟอสเตอร์มารับบทเป็นคาลิสด้วยเหมือนกัน “ เอลิซาเบธพูดออกมาด้วยความตกใจ ก่อนกลับมาใช้น้ําเสียงที่คุ้นเคยแล้วพูดขึ้นว่า ” แต่เอริค นี่เป็นหนังสยองขวัญนะ คนดูที่ดูหนังสยองขวัญก็ต้องตื่นเต้นและลุ้นระทึกสิ ดังนั้นฉันคิดว่านางเอกเรื่องนี้ไม่จําเป็นต้องโดดเด่นขนาดนั้น ฉันก็ไม่ได้หวังว่าหนังสยองขวัญเรื่องนี้จะได้รับรางวัลออสก้าด้วย เพราะฉันก็ไม่เคยได้ยินว่าหนังแนวสยองขวัญเรื่องไหนได้รับรางวัลออสก้ามาก่อนเลยด้วยซ้ํา ”
” เมื่อก่อนไม่เคยมี แต่ก็ไม่ได้บอกว่าหลังจากนี้จะไม่มี” เอริคพูด” แน่นอนว่าฉันทําได้เพียงแค่แนะนําเท่านั้น จะฟังไม่ฟังก็แล้วแต่เธออยู่แล้ว”
ถึงยังไงหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความสําคัญอะไรกับเอริคอยู่แล้ว เขาเองก็ไม่อยากเข้าไปแทรกแซงด้วย ประวัติศาสตร์ของฮอลลีวู้ดอาจเปลี่ยนแปลงได้ถ้าเขาเข้าไปร่วม ถึงแม้ว่าหนัง The Silence of the Lambs จะเป็นแนวหนังสยองขวัญที่ไม่ค่อยมีใครทําก็ตาม แต่บางทีหนังเรื่องนี้ อาจเป็นหนังที่สามารถสร้างรายได้อย่างมากมายกว่าเรื่องอื่นก็เป็นได้
” ฉันขอกลับไปคิดก่อน ” เมื่อได้ยินเอริคพูดแบบนี้ หญิงสาวก็พยักหน้าทันที เขาจึงถามกลับอีกว่า ” ยังมีอะไรอีกไหม ? ”
“ บทตัวละครที่ชื่อว่าศาสตราจารย์ฮันนิบาล เธอลองไปถาม แอนโทนี ฮ็อปกินส์ ดู”
“ แอนโทนี ฮ็อปกินส์ ? “ เอลิซาเบธพูดชื่อนี้อีกครั้ง ซึ่งไม่แปลกที่หญิงสาวจะไม่เคยได้ยินชื่อ แอนโทนี ฮ็อปกินส์คนนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าบทบาทศาสตราจารย์ฮันนิบาลจะรับการเดบิวต์ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 ก็ตาม แต่หนังเรื่องนี้ก็ประสบความสําเร็จเช่นกัน หนังเรื่องนี้ติดชาร์ตอันดับต้นๆ ของหนังทั้งหมด ซึ่งตอนนั้นแอนโทนี ฮ็อปกินส์ ก็อายุ50กว่าแล้ว ก่อนแสดงหนังเรื่อง The Silence of the Lambs เรื่องนี้ เขาก็ไม่เคยมีผลงานชิ้นเอกไหนเลย
เอริคไม่รู้จะอธิบายให้เอลิซาเบธเข้าใจคนๆนี้อย่างไร เขาทําเพียงอธิบายคร่าวๆว่า ” เขาเป็นนักแสดงอาวุโสคนหนึ่งในฮอลลีวูด เขาเคยผ่านการแสดงหนังวรรณกรรมเหล่านี้มาหลายเรื่อง ดังนั้นถ้าให้เขามารับบทเรื่องนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน ฉันเองก็ลืมแล้วว่าเคยเจอเขาในหนังเรื่องไหน ลักษณะของเขาเหมาะมากที่จะรับบทศาสตราจารย์ฮันนิบาล เธอลองสอบถามคนอื่นดูรับรองว่าต้องมีคนรู้จักเขาแน่นอน”
” อื้อ ฉันขอจดสักหน่อย ” หญิงสาวหยักหน้า แล้วหยิบสมุดออกมาจากกระเป๋า แล้วตั้งใจจดชื่อลงไป
เอริคเห็นหญิงสาวจดชื่อนั้นอย่างตั้งใจ จึงพูดขึ้นว่า ” เธอรู้จักโจนาธาน เดมีไหม คนที่ฉันให้เขามาเป็นผู้กํากับหนังเรื่อง The Others คนนี้เป็นคนตั้งใจทํางานคนหนึ่งนะ อีกอย่างหลังจากที่เขากํากับหนังเรื่อง The Others แล้วเขาก็ได้รับชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย ลองให้เขามากํากับหนังเรื่อง The Silence of the Lambs นี้ดูสิ แต่ตอนนี้เขายังอยู่ที่เวนิส รอเขากลับมาก่อนแล้วฉันจะพาเขาไปพบเธอ”
หญิงสาวที่กําลังจดอย่างตั้งใจก็เงยหน้าขึ้นทันทีแล้วจ้องเขม็งไปที่เอริค “ ฉันไม่จําเป็นต้องให้คุณมาชดเชยให้ฉัน ! “
เอริคนิ่งไปเล็กน้อย แล้วก็เข้าใจได้ทันที ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “ เธอก็คิดมากเกินไป ฉันไม่เคยคิดจะชดเชยให้เธอ เธอก็ทําเรื่องนี้เป็นการค้าขายก็ได้นี่ โจนาธาน เดมีได้เซ็นสัญญากับบริษัท UTA แล้ว ดังนั้นเขาก็ต้องได้เงินเดือนในฐานะผู้กํากับของบริษัท UTA อยู่แล้ว ซึ่งฉันเองก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนรายใหญ่ของที่นี้ด้วย”
เอลิซาเบธเลียริมฝีปากของตัวเอง ก่อนพูดออกไปว่า ” งั้นฉันจะไปคุยกับโจนาธานเอง ไม่ต้องให้คุณช่วย และไม่ต้องลดราคาอะไรทั้งนั้น ฉันจะจ่ายค่าตอบแทนให้เขาเอง”
เอริคพยักไหล่ “ โอเค แล้วแต่เธอแล้วกัน”
หลังจากที่ปรึกษาเรื่องนี้เสร็จแล้ว เอลิซาเบธก็เก็บบทหนังเรื่องนี้ใส่กระเป๋า ก่อนเงยหน้าพูดขี้นว่า ” แล้วตอนนี้มีงานอะไรที่ฉันต้องทําไหม ? ”
บนโต๊ะทํางานของเอริคมีเอกสารกระจัดการะจายอยู่เต็มโต๊ะ เขาหยิบเอกสารเหล่านั้นยื่นให้หญิงสาว “ เอาเอกสารเหล่านี้ไปทําร้ายด้วยเครื่องปั่นแล้วนําไปทิ้งซะ บนสุดนั้นเป็นตารางถ่ายหนังเรื่อง Sleepless in Seattle เธอลองอ่านๆดู เมืองที่เริ่มถ่ายทําสองเมืองแรกเป็นตัวหนังสือสีดําตัวใหญ่ๆเธอไปนั่งอ่านที่ห้องด้านนอกก็ได้ มันมีโต๊ะทํางานอยู่พอดี ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันเรียกเธออีกที ”
” อื้อ “ หญิงสาวพยักหน้า หล่อนค่อนข้างพอใจกับทัศนคติของเอริค หล่อนรวบรวมเอกสารเหล่านั้นแล้วยืนขึ้นและกําลังจะเดินออกไป แต่แล้วเธอก็หยุดเดินกะทันหันแล้วหันมาถามว่า ” เอริคคุณมีแค่อลันที่เป็นผู้ช่วยคนเดียวเหรอ แล้วเลขาอะไรงไม่มีเลยเหรอ ? ”
“ ก็เพราะเมื่อก่อนบริษัทของฉันเป็นบริษัทเล็กๆไง ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องมีเลขา แต่หลายปีมานี้ บริษัทมีเรื่องหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ดังนั้นฉันจึงมองหาแจกันประดับสวยๆไว้ประดับบริษัท และช่วยจัดการเรื่องจุกจิกของบริษัท “ เมื่อพูดถึงตรงนี้ เอริคจ้องมองไปที่เอลิซาเบธด้วยสายตามีเลศนัย “ ทําไม เธอยังมีเรื่องอะไรที่ต้องแนะนําอีกไหม หรืออยากจะแนะนําตัวเอง”
” เหอะ สายตานั้นใช้กับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้หรอก และฉันไม่ใช่แจกันประดับของใครด้วย !” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างหยิ่งยโสก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป