ตอนที่ 236 นอนถ่ายอยู่บนพื้น
เดิมที่เอริคตั้งใจจะให้นิโคลมารับบทนักแสดงนำหญิงของหนังเรื่อง Sleepless in Seattle อยู่แล้ว เขาจึงมีส่วนร่วมในการคัดเลือกการแคตติ้งรอบแรกของหญิงสาวด้วย หล่อนแสดงตามความต้องการของเอริคทุกอย่าง ซึ่งการแสดงเหล่านั้นก็ไม่ได้ห่างไกลจากตัวหล่อนในตอนนี้มากนักและนี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวต้องแสดงเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ซึ่งทุกคนที่มาแคตติ้งหนังเรื่องนี้จะต้องรับบทเป็นแอนนี่ ไรเดอร์เหมือนกัน
ตัวนิโคลเองก็ไม่ได้หลงไหลคลั่งไคล้กับบทบาทนางเอกในหนังเรื่อง Sleepless in Seattle เท่าไหร่นัก โดยส่วนตัวแล้วหล่อนคิดว่าการจะเข้าถึงบทบาทได้นั้นต้องใช้ทักษะฝีมือที่ค่อนข้างสูงในฐานะที่หล่อนเองก็เป็นนักแสดงคนหนึ่งของฮอลีวูดหล่อนก็ต้องอาศัยทักษะฝีมือการแสดงที่โดดเด่นของตัวเองเช่นกัน เมื่อเทียบกับดาราสาวสวยหลายคนที่เปรียบเสมือนแจกันประดับวงการที่มีแต่รูปจูบไม่หอม ซึ่งนิโคลสามารถมองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าคนไหนเป็นแบบไหน
เมื่อได้รับคำชมจากเอริค หญิงสาวก็รู้สึกดีใจมาก ก่อนจะถามอย่างเกรงใจว่า เอริคฉันขอทาลิปสีอ่อนกว่านี้หน่อยได้ไหม ?
เอริคมองไปยังริมฝีปากสีแดงของหญิงสาวก่อนหันไปมองช่างแต่งหน้าทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของหญิงสาว เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับเรื่องนี้
ช่างแต่งหน้าที่ดูมีอายุหน่อยรีบอธิบายทันทีว่า คุณวิลเลี่ยม ตอนแรกพวกเราแต่งตามความต้องการของคุณคิดแมนแล้ว ซึ่งตอนนั้นพวกเราก็บอกกับคุณวิลเลี่ยมแล้วว่าหล่อนควรจะทาสีปากอ่อนๆ แต่คุณกลับไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำนี้
เอริคนึกขึ้นได้ อ๋อ จำได้ละ งั้นเอาแบบนี้แหละไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว
แต่ว่าแบบนี้จะดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่นัก ช่างแต่งหน้าที่อายุน้อยคนหนึ่งพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ
ผมจะเอาแบบนี้ เอริคอธิบายต่อว่า ถ้าตำหนินี้ได้รับการแก้ไขหมดนิโคลจะเป็นหญิงสาวที่สวยสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน แต่อย่าลืมว่าบทบาทแอนนี่ ไรเดอร์นั้นไม่เหมือนกับตัวตนของนักแสดงนะ แอนนี่เป็นหญิงสาวที่ไร้ความเมตตาและไม่แคร์ใคร ในเมื่อคาแรกเตอร์เป็นแบบนี้เราจะไปเปลี่ยนให้เหมือนกับตัวเราได้ยังไงกันละ มีตำหนิอย่างนี้สิถึงจะเข้ากับนิสัยของหล่อน
เมื่อได้ฟังที่เอริคอธิบาย ทั้งสามคนก็พยักหน้าอย่างพร้อมใจกัน
เอริคจึงพูดต่อว่า ผมรู้ว่าพวกคุณมีความเชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้าอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าพวกคุณเป็นคนสร้างภาพลักษณ์ให้กับนักแสดงนะ ดังนั้นงานของพวกคุณคือสร้างภาพลักษณ์ให้กับนักแสดงดูสวยสมบูรณ์แบบที่สุด และไม่ว่าจะแต่งให้สวยหรือขี้เหร่ก็ตามภาพลักษณ์ทั้งหมดนั้นก็คือความต้องการของผู้กำกับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำคะ คุณวิลเลี่ยม พวกเราเข้าใจแล้ว ช่างแต่งหน้าที่ดูมีอายุหน่อยรีบพยักหน้าตอบรับทันที
เนื่องจากมีการเตรียมการมาอย่างสมบูรณ์แล้ว นิโคลจึงแทบจะไม่ต้องแสดงอะไรมากมาย ดังนั้นฉากที่พบกันครั้งแรกของแซมและแอนนี่จึงถ่ายทำเสร็จอย่างรวดเร็ว ยังเหลือถ่ายฉากที่สนามบินอีกไม่กี่ฉากก่อนจะเลิกกอง ซึ่งนิโคลสามารถแยกตัวออกจากทีมงานได้ชั่วคราวถ้าหล่อนต้องการ
ถ้ายึดตามระเบียบการแล้ว วันแรกของการถ่ายทำพวกเขาไม่ได้ถ่ายฉากที่มีความซับซ้อนอะไรมากนัก มีแค่ฉากพบกันของแซมและแอนนี่กับฉากที่แซมต้องพาลูกชายไปพายเรือเล่นชายหาดเท่านั้น
การถ่ายทำฉากพ่อลูกแฮงค์ต้องการให้วิกเตอร์มอร์ริสแสดงบทพ่อลูกอย่างเข้าถึงบทบาทมากที่สุด เขาจึงใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ในการทำความรู้จักกับเด็กชายคนนี้ ด้วยเหตุนี้เวลาที่ทั้งสองคนเข้าฉากด้วยกันพวกเขาสามารถแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อผ่านการถ่ายทำไปเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น บทบาทพ่อลูกพวกเขาก็เข้ามามีตัวตนในกองถ่ายทันที และไม่อนุญาตให้ทีมงานมาก้าวก่ายเด็ดขาด เช้าวันที่สองของการถ่ายทำฉากที่ยุ่งยากซับซ้อนได้เริ่มขึ้น ปัญหาที่คาดคิดไว้ก็เกิดขึ้น
ฉากนี้เป็นฉากที่ที่อยู่ของบ้านโจนาสถูกเปิดเผยแก่บรรดาสถานีวิทยุ เหตุนี้จึงทำให้แซมตัวละครในเรื่องได้รับจดหมายหลายฉบับที่ส่งมาจากทั่วสารทิศ
จดหมายหลายฉบับถูกวางกองกันไว้อยู่บนโต๊ะในห้องรับแขก โจนาสหยิบขึ้นมาเปิดอ่านในใจ Sleepless in Seattle ที่รัก คุณคือผู้ชายที่น่าดึงดูดที่สุด พู…
เด็กชายหลุดขำออกมา ก่อนโยนจดหมายฉบับนั้นแล้วหยิบอีกฉบับขึ้นมาอ่าน
ซึ่งยังไม่ทันที่แฮงค์จะพูดตามสคริปที่วางไว้ เอริคก็ตะโกนสั่งคัทอีกครั้ง สาเหตุที่สั่งคัทเพราะเด็กชายที่แสดงเป็นโจนาสไม่มีสีหน้าที่ดูตลกเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีสีหน้าเป็นกังวลแทนและสายตาก็ลุกลนตลอดเวลา
ทุกคนโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณ ก่อนที่เอริคจึงพูดว่า ช่างเถอะ พักก่อน วิกเตอร์มาหาฉันเราต้องคุยกันสักหน่อย
ผู้กำกับ ผมทำได้ไม่ดีเลยใช่ไหม ? เมื่อเด็กชายเดินมานั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างเอริคแล้วถามขึ้นด้วยความกังวลใจ
แม้ว่าจะมีการสั่งคัทแค่ห้าครั้งก็ตาม แต่เด็กชายก็เริ่มมีความรู้สึกกลัวท่าทางของเอริคมาตั้งแต่สั่งคัทครั้งที่สามแล้ว เขาสั่งหยุดการถ่ายทำทันทีเพราะถ้าฝืนถ่ายทำต่อไปก็ยิ่งสร้างความกดดันให้กับเด็กชายมากขึ้นไปอีก บางทีอาจถึงขั้นที่เด็กชายไม่มีกระจิตกระใจในการแสดงต่อไปเลยก็ได้
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของวิกเตอร์แล้วส่ายหน้าทันที ไม่ไม่ไม่ นายทำดีแล้วเพียงแต่ไม่ได้ดีที่สุดเท่านั้น นายอยากให้ผลงานออกมาดีที่สุดไหม ?
วิกเตอร์พยักหน้าทันที แน่นอน ผมอยากโตขึ้นอยากได้รางวัลออสก้า
อื้อ นายเป็นเด็กที่มีปณิธานแน่วแน่มาก แต่รางวัลออสก้าไม่ใช่ใครจะได้กันง่ายๆนะ การที่เราได้ไปรับรางวัลออสก้าอยู่บนเวทีเป็นผลมาจากการที่เราทุ่มเททำงานอย่างหนักจนได้ผลงานที่ดีที่สุดออกมา
แล้วผมต้องทำยังไง ? วิกเตอร์ถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง ท่าทางของเอริคทำให้เด็กชายผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วโบกมือเรียกให้เด็กชายมานั่งข้างตัวเขา
ทีมงานคนอื่นๆต่างรู้กันว่าเอริคกำลังสอนเทคนิคการเล่นให้กับเด็กชายตามวิธีของเขา เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนทั้งสองคน บางส่วนจึงเดินออกจากห้องนี้ไป ดังนั้นในห้องนี้จึงเหลือเพียงแค่ทีมงานบางส่วนที่กำลังทำงานกันอย่างเงียบที่สุด
แฮงค์เองก็ยังอยู่ในห้องนี้เช่นกัน เขาลากเก้าอี้อีกตัวเข้ามาก่อนยิ้มให้เด็กชายแล้วนั่งลงอีกด้านหนึ่ง การกระทำแบบนี้ของแฮงค์ทำให้วิกเตอร์รู้สึกสบายใจมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับเอริคแล้ว วิกเตอร์ที่ใช้เวลาอยู่กับแฮงค์มามากว่าหนึ่งสัปดาห์ ทำให้เขานั้นรู้สึกปลอดภัยมากกว่าอยู่กับเอริค
เอริคลูบไปที่หัวของวิกเตอร์ก่อนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า ง่ายมากๆ ทุกครั้งที่เราล้มเหลวเราห้ามท้อถอยเด็ดขาด ก็เหมือนกันกับตอนที่ถ่ายฉากเมื่อสักครู่ ถ่ายครั้งที่หนึ่งออกมาไม่ดี ก็แค่ถ่ายใหม่ แต่เพราะว่าเราถ่ายครั้ง 1-2 แล้วมันออกมาไม่ดี จึงทำให้เรารู้สึกเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง แล้วถ้าเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ เราก็จะไม่มีทางก้าวหน้าได้แน่ ๆ
เด็กชายพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เด็กชายก้มหน้าลงแล้วพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า แต่ผมรู้สึกว่าผมทำให้คุณลุงคุณป้าต้องเสียเวลา พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไรผมก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทุกที เพราะผมกลัวพวกเขาจะโกรธ
ไม่ นายคิดผิดแล้ว เอริคพูด นายมาแสดงหนังนายได้ค่าตัว เหมือนกันกับทีมงานเหล่านี้พวกเขามาทำงานก็เพื่อเงินเดือน แต่พวกเขาไม่เหมือนกับนายตรงที่เงินเดือนของพวกเขาคิดตามเวลาที่พวกเขาทำงาน แต่สำหรับนายที่เป็นนักแสดงคิดตามเวลาที่นายถ่ายหนัง ยิ่งนายถ่ายทำนานแค่ไหนพวกเขาก็ยิ่งได้รับเงินเดือนมากขึ้นและพวกเขาก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้น ขณะที่เอริคพูดเขาก็หันไปยิ้มกับตากล้องที่กำลังเปลี่ยนฟิล์มอยู่ นิเกล ตอนนี้คุณกำลังมีความสุขอยู่ใช่ไหม ?
นิเกลยิ้มพร้อมกับพยักหน้าก่อนพูดขึ้นว่า แน่นอน เด็กน้อยนายก็ลองพยายามทำดูนะ ยิ่งถ่ายงานเยอะเท่าไหร่พวกเราก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าฉันไม่ตั้งใจถ่ายจนทำให้ฉากนั้นออกมาไม่ดี ผู้กำกับต้องดูออกอยู่แล้ว และถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็จะโดนหักเงิน
เอริคจ้องมองไปยังนิเกลที่ยังคงพูดไม่หยุด ก่อนหันไปพูดกับวิกเตอร์ว่า จริงสิไหนๆก็พูดถึงการแสดงของนายแล้ว วิกเตอร์นายเคยดูหนังเรื่อง Home Alone ไหม ?
เคยดู เควินกับโจรโง่ๆสองคน น่าเสียดายที่ผมดูได้แค่รอบเดียว เพราะแม่ไม่พาผมไปดูอีก ผู้กำกับ แม่บอกกับผมว่าคุณเป็นผู้กำกับของหนังเรื่องนั้น ถ้าอย่างนั้นหนังเรื่องที่ผมแสดงตอนนี้จะดังเหมือนกับเรื่อง Home Alone ใช้ไหม ?
แน่นอน ดังนั้นถ้านายแสดงได้ดีละก็ในอนาคตเด็กทั้งอเมริกาต้องชื่นชอบนายเหมือนที่อื่นชอบเควินอย่างแน่นอน
แววตาของเด็กชายเต็มไปด้วยจินตนาการอย่างเต็มเปี่ยม ถึงแม้ว่าเรื่องที่เอริคพูดนั้นจะทำให้วิกเตอร์ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เพราะเขาไม่เคยรู้ความหมายของคำว่าชื่นชอบมาก่อน แต่เพราะเด็กชายรู้สึกว่าถ้าเด็กๆทั่วทั้งอเมริกาต่างมาชื่อชอบเขามันต้องเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์มากเลยทีเดียว
ก่อนที่เด็กชายเข้าใจจุดประสงค์ผิดอีก เอริคจึงรีบพูดต่อว่า ถ้านายเคยดูเรื่อง Home Alone งั้นนายก็น่าจะจำคาแรกเตอร์ของเควินในหนังได้ เพราะคาแรกเตอร์ของโจนาสบทบาทของนายคล้ายกับเควินมาก แต่ที่นายแสดงเมื่อกี้มันไม่ยังไม่ถูกต้อง ตอนที่อ่านจดหมายนายต้องทำท่าทางตลกสิ กลั้นขำ เบิกตากว้างอะไรแบบนี้สิ นายทำหน้าผีเป็นไหม ?
แฮ- เด็กชายทำปากปลิ้น เหลือกตาขึ้นเพื่อแสดงหน้าผี
เอริคตบไปที่ไหล่ของเด็กชายทันที ทำได้ดีมาก เดี๋ยวนายทำแบบนี้เลยนะ…
10 นาทีผ่านไป การถ่ายทำก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ทุกคนยังคงถ่ายฉากจดหมายฉากเดิม เมื่อเสียงแอคชั่นดังขึ้น เด็กชายก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาเปิดอ่าน Sleepless in Seattle ที่รัก คุณคือผู้ชายที่น่าดึงดูดที่สุด พู
cut ! เอริคตะโกนออกมาเสียงดัง อย่างลืมตัว
เขาเพิ่งจะทำให้เด็กชายมีความมั่นใจในตัวเอง เพราะเดิมที่เขาหวังให้วิกเตอร์แสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในเทคเดียว แล้วค่อยพูดบทต่อไป แต่เมื่อเห็นเด็กชายไม่ยืนในตำแหน่งที่ต้องการ เอริคจึงตะโกนออกมาทันทีโดยไม่รู้ตัว
สีหน้าของเด็กชายฉายแววกังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง เอริคจึงเดินไปหยิบหมวกเบสบอลที่อยู่ไม่ไกลจากนิเกลแล้วเดินตรงไปตีตากล้องผู้ซึ่งไม่ได้มีความผิดก่อนหน้านั้นแล้วพูดว่า นิเกล ทำไมคุณถึงโง่อย่างนี้ ฉากดีๆแบบนี้คุณถ่ายยังไงให้กล้องมันสั่นแบบนี้ละ
เอริคแผดเสียงจนทำให้นิเกลตกใจไม่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะนอนถ่ายอยู่ก็ตาม แต่ตากล้องผู้น่าสงสารก็ไม่กล้าแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของเอริค เขาทำได้เพียงยิ้มพร้อมกับกล่าวขอโทษเท่านั้น ขอโทษ ผู้กำกับ นี่เพิ่งเป็นครั้งแรก ครั้งต่อไปผมจะระวังมากกว่านี้ โปรดให้อภัยผมด้วย
?
ครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณ แต่ถ้าครั้งต่อไปคุณยังกล้าทำแบบนี้อีก ผมจะตัดเงินเดือนคุณ เอริคกัดฟันกรอดก่อนหันไปพูดกับเด็กชายอย่างเป็นกันเองว่า วิกเตอร์ ครั้งนี้ฉันไม่ได้โทษนายแต่เป็นความผิดของนิเกล นายดุสิขนาดผู้ใหญ่ยังทำผิดพลาดได้เลย ดังนั้นนายก็ไม่ต้องกังวลใจพวกเรามาพยายามกันต่อไปดีไหม ?
ผู้กำกับ เด็กชายพยักหน้าทันที
บางทีเขาอาจะได้รับแรงผลักดันจากการผิดพลาดครั้งนี้ก็เป็นได้ แม้ว่าฉากนี้จะผิดพลาดหลายครั้งก็ตาม แต่สุดท้ายนี้ก็จบลงอย่างราบรื่น
เอริคพบว่าวิธีการนี้จะทำให้เด็กชายมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ซึ่งเขามักจะเจอคนโง่เง่าแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง แม้แต่แฮงค์ก็ยังเคยทำเรื่องโง่เง่าแบบนี้มาก่อนเช่นกัน ซึ่งถ้าวิกเตอร์ได้เจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆ จะทำให้การแสดงของเขาก้าวหน้าขึ้นอย่างแน่นอน