Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร – ตอนที่ 235

ตอนที่ 235

TXV – 235 แบ่งการทำงานเป็นสองส่วน !

หลงบิงไม่ได้โทรมาแต่เฉินตูเทียนหยินตัวเป็นๆมาแทน…….

เซี่ยเหล่ยที่เห็นเฉินตูเทียนหยินตรงหน้าก็ไม่ได้แปลกใจนัก เขายิ้มเจื่อนๆ “นั่งก่อนสิ อยากดื่มอะไรมั้ย?”

“ไม่ล่ะ คุณก็รู้ว่าฉันมาทำไม” เฉินตูเทียนหยินเริ่มพูดเข้าประเด็น “อยากให้ฉันช่วยมั้ย?”

เซี่ยเหล่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไรครับ ผมแก้ปัญหาเองได้”

เฉินตูเทียนหยินมองอย่างประหลาดใจ “ไม่อยากให้ช่วยจริงเหรอ?”

เซี่ยเหล่ยส่ายหัว “ไม่ครับ”

เซี่ยเหล่ยเลิกคิดเรื่องขอให้เธอช่วยไปแล้ว เขาอยากสู้ตัวต่อตัวกับกู๋ดิงชานอีกอย่างคือถ้าเขาจะยืมกำลังของเฉินตูเทียนหยินก็คงต้องยืมใช้ในขอบเขตจำกัดเพราะเพียงเธอลงมือครั้งเดียว นั่นย่อมดึงบริษัทเหวี้ยนเทียนและบริษัทนอส์ซเข้าสู่การทำสงครามโดยปริยาย ตอนนี้เซี่ยเหล่ยขอให้หลงบิงและฉือโบเหยียนช่วยเขาแล้ว แม้ผลจะยังไม่ได้ออกมาแน่ชัดแต่นี่ก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามถ้าหากฉือโบเหยียนแก้ปัญหานี้ไม่ได้ เซี่ยเหล่ยก็คงไม่มีทางเลือกอื่นอีก

เฉินตูเทียนหยินมองเซี่ยเหล่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ฉันถามจริงๆนะ ครั้งนี้เราต้องปะทะกับกู๋ดิงชานและเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาด้วยแต่เป็นผู้มีอิทธิพล ฉันว่านี่คงเป็นเหตุผลที่คุณไม่อยากให้ฉันช่วยใช่มั้ยล่ะ? งั้นคิดทางออกอื่นไว้แล้วรึยัง?”

เซี่ยเหล่ยตอบ “ผมขอให้หลงบิงช่วยแล้ว ตอนนี้กำลังรอฟังข่าวอยู่ ถ้าเธอช่วยไม่ได้จริงๆ ผมก็คงต้องทำด้วยตัวเอง”

“ตามใจคุณก็แล้วกันแต่ถ้าต้องการให้ฉันช่วยล่ะก็โทรมานะ” เฉินตูเทียนหยินกล่าว

เซี่ยเหล่ยยิ้มรับ “ตกลง ผมจะกลับไปทำงานก่อ ถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว ผมจะกลับไปเยี่ยมคุณลุงอีกนะ”

เฉินตูเทียนหยินยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “คุณยังยิ้มได้อยู่แปลว่าคุณคงมีความมั่นใจอยู่สินะ คุณจะสร้างอาณาจักรของคุณได้เองแล้วมันก็จะกลายเป็นประสบการณ์ที่ดีกับคุณ ฉันเชื่อนะว่าคุณทำได้”

เป็นประโยคสร้างแรงบันดาลใจที่ได้ผล เซี่ยเหล่ยฟังเธออยู่เต็มสองหูเขามองเฉินตูเทียนหยินเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้เดินไปส่งเธอ

หลังจากเฉินตูเทียนหยินออกไปแล้ว เซี่ยเหล่ยก็นั่งครุ่นคิดเงียบๆที่โต๊ะส่วนในห้องประชุม กวนหลิงชานและแกนนำบริษัทหลายคนกำลังพูดคุยกันเรื่องวิธีแก้ปัญหาอยู่

จนกระทั่งตอนเย็น หลงบิงก็โทรมา

“เป็นไงบ้าง?” เซี่ยเหล่ยถามด้วยความกังวล

“โทษทีนะ” หลงบิงพูดเบาๆ “ผู้บริหารฉือฉือบอกว่าครั้งนี้คุณคงต้องแก้ปัญหาเองแล้วล่ะ เขาบอกว่ามีคนเกี่ยวข้องด้วยเยอะเกินไป ถ้าเขากับกู๋ดิงชานเจอกัน มันจะไม่ใช่แค่แก้ปัญหาไม่ได้น่ะสิแต่มันจะดึงผู้มีอิทธิพลคนอื่นมาเกี่ยวด้วย”

เพียงแค่ฟังใจเซี่ยเหล่ยก็ร่วงไปอยู่ตาตุ่ม

หลงบิงพูดต่อ “กู๋ดิงชานก็เหมือนกับเสือแต่ตอนนี้คงยังไม่ใช่เวลาสู้กับเสือ ผู้บริหารฉือบอกว่าคุณจัดการเรื่องธุรกิจไปก่อน ผ่านไปสักพักค่อยหาทางแก้ปัญหาต่อ”

เซี่ยเหล่ยยิ้มออกมาแต่เป็นยิ้มที่ฝืนยิ้มออกมาด้วยความเศร้าเพราะเขาเชื่อมาตลอดว่าหน่วยงานลับ 101 จะเป็นที่พึ่งของเขาได้เสมอเพราะงั้นเขาจึงตกลงเป็นที่ปรึกษาให้ทั้งยังเสี่ยงชีวิตและอิสระภาพไปที่เยอรมนีเพื่อเล่นบทสายลับนั่นแต่ตอนนี้ดูเหมือนทั้งโลกจะไม่มีที่พึ่งไหนที่เซี่ยเหล่ยเชื่อมั่นได้เลย ถ้าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งมากจนฝ่ายที่คอยสนับสนุนคุณยอมถอย นั่นแปลว่าที่พึ่งเดียวที่คุณเหลือก็คือตัวเองไงล่ะ!

“ฮัลโหล? คุณยังฟังอยู่มั้ยเนี่ย?” เสียงหลงบิงดังออกมาจากโทรศัพท์

เซี่ยเหล่ยตอบรับ “ฟังอยู่”

“คุณโอเคนะ?” หลงบิงเริ่มกังวล

เซี่ยเหล่ยยิ้มขมขื่น “ผมโอเค ไม่เป็นไร แต่…… กู๋ดิงชานก็มีอำนาจเยอะพอควร ผมเลยแปลกใจนิดหน่อย”

หลงบิงพูดต่อ “อันที่จริง คุณก็หาเงินได้พอใช้ทั้งชีวิตแล้วนะ มันคงไม่เป็นไรหรอกถ้าหลังจากนี้จะหาได้น้อยลงหน่อยน่ะ ทั้งเรื่องการเข้าร่วมหน่วยงานลับ 101 ก็ด้วย ผู้บริหารฉือบอกว่าตราบใดที่คุณยังอยู่กับหน่วยงานลับ 101 กู๋ดิงชานก็คงไม่กล้าทำอะไรคุณด้วย”

“ฮ่าฮ่า เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะผมต้องคิดดูก่อน อ้อนี่……ผมมีประชุมไว้จะโทรกลับนะ แล้วคุยกัน”

แม้แต่ที่พึ่งสุดท้ายตอนนี้ก็ยังพังลงมาความรู้สึกโดดเดี่ยวแผ่กระจายไปทั่วทั้งใจเซี่ยเหล่ย มันเป็นความรู้สึกที่แย่สุดๆไปเลย

ฉือโบเหยียนไม่เต็มใจช่วยเท่าไหร่นักและเซี่ยเหล่ยก็เข้าใจดี กู๋ดิงชานก็เหมือนกับเสือเป็นตัวแทนของอำนาจถ้าฉือโบเหยียนและกู๋ดิงชานมาเจอกันผลที่ตามมาคือความเสียหายที่ไม่มีอะไรเทียบได้แล้วสถานการณ์แบบนี้ คนอื่นจะช่วยอะไรได้บ้าง? ฉือโบเหยียนก็เหมือนคนที่ไม่ยอมไล่ตีหนูเพราะกลัวหนูสกปรกจะมาตายในบ้าน ส่วนหลงบิงก็คงทำอะไรไม่ได้

การจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้ชัดเจนแล้วว่าเซี่ยเหล่ยมีตัวเขาเองเป็นที่พึ่งสุดท้าย และนี่คือการชำระแค้น!

ไฟในห้องประชุมยังเปิดอยู่ แกนนำและคนตำแหน่งกลางๆของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้ากำลังถกเถียงอภิปรายกันอยู่แต่เมื่อเซี่ยเหล่ยผลักประตูเดินเข้ามาทุกคนก็เงียบทันที ทุกคนพลางมองไปที่เซี่ยเหล่ยโดยไม่มีใครพูดอะไร

เซี่ยเหล่ยนั่งลงข้างกวนหลิงชานพูดพร้อมรอยยิ้ม “การประชุมเป็นไงบ้าง?”

อารมณ์เซี่ยเหล่ยตอนนี้คือเครียดสุดขีดแต่เขาจำเป็นต้องแสดงท่าทีผ่อนคลายและสงบสุขุมต่อหน้าบุคลากรที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา เซี่ยเหล่ยอยากให้พวกเขารู้สึกว่าเขาแข็งแกร่ง มีความสามารถ และมีความมั่นใจในการแก้วิกฤติครั้งนี้

กวนหลิงชานตอบ “ประธานเซี่ย เราประชุมกันมาเกือบทั้งวันแล้วค่ะ เราคิดไว้ 3 แผน”

“อื้ม?” เซี่ยเหล่ยประหลาดใจเล็กน้อย “บอกหน่อยสิ 3 แผนนี้เป็นไง?”

กวนหลิงชานกระแอมเล็กน้อย “แผนแรก สร้างความสัมพันธ์กับสาธารณะคือใช้เงินสร้างคอนเนคชั่น เราลิสต์ไว้แล้วว่าเราจะเชื่อมสัมพันธ์กับใครบ้าง……”

เซี่ยเหล่ยส่ายหัวเบาๆ “แผนที่สองต่อเลย”

กวนหลิงชานพูดต่อ “แผนสอง ย้ายตำแหน่ง อิทธิพลของตระกูลกู๋ไม่ได้ครอบคลุมทั้งประเทศ เราศึกษามาแล้ว ตระกูลกู๋ก่อตั้งในห่ายจูแต่เติบโตในเมืองชิงตู่เพราะฉะนั้นตระกูลกู๋จึงมีอิทธิพลแค่สองที่นี้เท่านั้น ไม่มีผลกับพื้นที่อื่น เราแค่ย้ายบริษัทไปที่อื่นแล้วปล่อยเวิกค์ช็อปที่นี่ให้คนเช่า ซึ่งคงทำได้ในเวลาประมาณครึ่งเดือนหลังจากนี้ แต่ติดปัญหาที่พนักงานเพราะพนักงานส่วนใหญ่ของเราเป็นคนในห่ายจู”

เซี่ยเหล่ยเหลือบมองฉิงเสวียง เธอคุ้นเคยกับตระกูลกู๋มากที่สุดไอเดียนี้จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นของเธอ เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “แผนสามล่ะ”

กวนหลิงชานพูดต่อ “แผนที่สาม ทรัพยากรภายนอก ตอนนี้เศรษฐกิจของโลกเราผนวกเข้ากันเป็นหนึ่งแล้ว บริษัทต่างชาติหลายแห่งก็ใช้เส้นทางนี้ ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Apple พวกเขาไม่เพียงแต่ผลิตโทรศัพท์เท่านั้นแต่พวกเขาเป็นบริษัทที่ขายโทรศัพท์มือถือทั่วโลกได้ดีที่สุด วิธีการคือซื้อชิ้นส่วนจากทั่วโลก จากนั้นก็เลือกสถานที่ที่เหมาะสำหรับการประกอบแล้วก็ส่งเข้าสู่ตลาดเพื่อขาย เราสามารถซื้อโทรศัพท์ของ Apple ได้โดยไม่ต้องเข้าประเทศอเมริกาด้วยซ้ำแต่เราสามารถซื้อจากที่ไหนก็ได้ เราต้องซื้อชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์มาประกอบ และส่งขายในตลาด แม้ตระกูลกู๋จะมีอำนาจมาก แต่ก็แค่บางพื้นที่ในจีนนอกเขตตัวเองก็ไม่มีผลอะไรแล้ว”

เซี่ยเหล่ยตาเป็นประกาย เขายิ้มออกมาซึ่งยิ้มตอนนี้เป็นยิ้มจากใจจริงไม่ได้ฝืนแต่อย่างใด “จริงสิ ผมไม่ได้คิดถึงทางออกที่ดีแบบนี้เลย แต่พวกคุณคิดออก แผนแรกตัดทิ้งไปได้เลย แผนสองกับสามนี่สิดีมากๆ ผมคิดไม่ถึงจริงๆนะ ดีจริงๆที่มีพวกคุณ ฮ่าฮ่า”

หยินฮ่าวพูดยิ้มๆ “ประธานเซี่ย ถ้ารวมกันพวกเราก็ยิ่งแข็งแกร่งนะครับ คุณคงกังวลกับความวุ่นวายมากไป”

ท่าทีของเซี่ยเหล่ยทำให้กวนหลิงชานดีใจไปด้วย “ประธานเซี่ย คุณจะเลือกแผนไหน?”

เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แผนที่สองกับสามนี่ดีเลย แต่ผมว่าน่าจะดีกว่าถ้าเราเอามารวมกันเป็นแผนเดียว”

รวมกัน? ตอนนี้สายตาทุกคนเองก็มารวมที่เซี่ยเหล่ยไปด้วย

เซี่ยเหล่ยยิ้ม “พรุ่งนี้ เราจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกสำรวจบริษัทที่จัดส่งอุปกรณ์ให้เราแล้วสรุปมาว่าบริษัทไหนที่สามารถส่งอุปกรณ์ให้เราได้บ้าง กลุ่มที่สองจะไปเลือกพื้นที่ในฝั่งตะวันตก มองหาที่ที่เหมาะสำหรับการสร้างโรงงานสาขาย่อยของเรา ตอนนี้รัฐบาลของตะวันตกให้สัมปทานในทุกด้าน การสร้างโรงงานที่นั่นจะช่วยเราพัฒนาบริษัทของเราได้แน่ๆ”

“สองแผนรวมกันก็ดีนะ ประธานเซี่ยแต่……” กวนหลิงชานกล่าว “ประธานเซี่ย แล้วคนของเราตอนนี้จะทำยังไงต่อล่ะคะ?”

เซี่ยเหล่ยตอบ “เลือกบริษัทรับจ้างผลิตสินค้าเก่งๆมาสักกลุ่มหนึ่งเพื่อดูแลสินค้าและอะไหล่ของเราแต่เลือกคนงานไปส่วนหนึ่งเพื่อสร้างโรงงานสาขาใหม่ของเราและพาเด็กฝึกงานไปด้วย ส่วนที่เหลือจะตามไปสมทบในอีกสามวัน เอาธงไปด้วยนะ อ้อ เราจะเขียนในธงว่าอะไรดีล่ะ?”

คนทั้งห้องประชุมหัวเราะออกมา

จูเสี่ยวหงพูดขึ้น “เขียนว่า ขอกินข้าว!”

“อ๋า!” หลิวเสวียบิงยิ้มแล้วพูดบ้าง “เขียนว่า ขอความยุติธรรมให้เราด้วย!”

ทุกๆคนแสดงความความคิดแตกต่างกัน นั่นทำให้ห้องประชุมทั้งห้องมีชีวิตชีวาขึ้นมา

หลังจากนั้นสักพักเซี่ยเหล่ยก็พูดต่อ “แต่อย่าสร้างปัญหาล่ะ ถ้าตำรวจบอกอะไรก็ทำตามซะนะ หลังจากนั้นตระกูลกู๋อาจจะปิดปากสื่อก็ได้ พวกเขาจะทำให้สื่อในประเทศกระจายข่าวเรื่องเราช้าลงได้รึเปล่านะ? ในยุคเครือข่ายสื่อแบบนี้ มันก็คงต้องมีสักคนที่พลาดอะไรไปบ้างล่ะ พวกเขาคงต้องตีพิมพ์ข่าวกันใหม่อีกรอบ คนถึงจะรู้”

“งั้น เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเถอะ”กวนหลิงชานอาสา

เซี่ยเหล่ยพยักหน้าและพูดต่อ “เราจะสร้างแรงผลักดันที่นี่แล้วก็ให้บริษัทรับจ้างเขาผลิตแทนเราไปก่อน ตระกูลกู๋อยากตบหน้าเราเต็มทีแล้ว ผมจะดูหน่อยว่ามือพวกเขาจะใหญ่สักแค่ไหนกัน” ระหว่างพูด จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็นึกบางอย่างออก “จริงสิ เสี่ยวหง บ้านของคุณอยู่ที่เมืองชู่ใช่มั้ย?”

“ใช่ค่ะ บ้านเกิดฉันอยู่ในเต๋อหยาง ที่เมืองชู่ ประธานเซี่ย อยากให้ฉันทำอะไรเหรอคะ?” จูเสี่ยวหงถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อยไม่ว่าเซี่ยเหล่ยอยากให้เธอทำอะไร เธอก็จะทำทุกอย่างเพราะถ้าไม่มีเซี่ยเหล่ยป่านนี้เธอคงยังล้างจานอยู่ตามร้านอาหาร แต่ตอนนี้เธอเป็นถึงผู้บริหารงานของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าและมีเงินเดือน 200,000 หยวนต่อปี แล้วแบบนี้เธอจะไม่เต็มใจตอบแทนบุญคุณได้ยังไง?

เซี่ยเหล่ยพูดยิ้มๆ “คุณคงคุ้นเคยกับที่นั่นมาก พาผมไปหน่อยได้มั้ย?”

“ประธานเซี่ยอยากไปที่เมืองชู่แบบส่วนตัวเหรอ?” จูเสี่ยวหงยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก

เซี่ยเหล่ยตอบ “ผมอยากไปขึ้นทะเบียนบริษัทที่นั่นน่ะ อย่างแรกก็ขึ้นทะเบียน แล้วค่อยเลือกพื้นที่”

หยินฮ่าวถามด้วยความงุนงง “ประธานเซี่ย นี่คุณจะ……?”

เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “เรากำลังจะจ้างบริษัทรับจ้างผลิตนั่นหมายถึงความเร็วในการผลิตของเขาจะต้องเร็วกว่าเราผลิตเองอยู่แล้ว เมื่อได้ชิ้นส่วนมาแล้วเราก็ต้องประกอบเลยแปลว่าเราจะผลิตสินค้าได้เร็วขึ้นมากๆ และเราต้องหาบริษัทนอกเขตมารับไปขายด้วย ส่วนในเขต เราต้องจัดการออเดอร์จากต่างประเทศให้เรียบร้อย ไม่ว่าออเดอร์จะเยอะขนาดไหนเราก็ต้องทำให้ได้ นี่คือแผนสิ่งที่เราต้องทำคร่าวๆ”

เมื่อพูดจบ ทั้งห้องประชุมก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมือ

ในใจเซี่ยเหล่ยเริ่มรู้สึกสงบท่ามกลางเสียงดังอื้ออึงเขากลับรู้สึกปลอดภัย ไม่มีอันตรายใดๆ มีแต่ความสงบเซี่ยเหล่ยพูดเสียงเย็นเฉียบในใจ ‘กู๋ดิงชาน ครั้งนี้คงต้องเอาให้ตายกันไปข้างนึงล่ะ!’

ติดตามตอนต่อไป………..

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Status: Ongoing

เซี่ยเหล่ยสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กเขาจึงต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อดิ้นรนเอาตัวรอดและสิ่งที่สำคัญเขาต้องเลี้ยงดูน้องสาวของเขา แต่อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น

เขาประสบอุบัติเหตุในโรงงานซึ่งทำให้ตาของเขาบอดแต่หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าตาเขาไม่ได้บอดแต่มันมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมา !!

ในตอนนี้เขากำลังจะใช้ความสามารถพิเศษที่เขาได้มาในทางชั่วร้ายเพื่อสร้างชีวิตของเขาและน้องสาวให้ดีขึ้นเหมือนคนอื่นๆ

เซี่ยเล๋ยจะประสบความสำเร็จในการทำสิ่งชั่วร้ายกับพลังที่เขาเพิ่งค้นพบหรือไม่ ?

ข้าจะเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของข้าเอง !!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท