Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร – ตอนที่ 219

ตอนที่ 219

TXV – 219 ดื่มไวน์ !

ตอนนี้ในเวิร์คช็อปทุกห้องของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าสะอาดเอี่ยมอ่องและเป็นระเบียบ พนักงานก็อยู่ในจุดพร้อมทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว นักธุรกิจบางคนกำลังมองดูขั้นตอนการผลิตสินค้า คุณภาพสินค้าและอื่นๆ ยกเว้นตัวแทนคนพิเศษจากเยอรมนีสองคนที่กำลังพุ่งความสนใจไปที่เครื่องมือและอุปกรณ์เครื่องจักรของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าแทน แน่นอนว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือการหาหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเซี่ยเหล่ยขโมยเทคโนโลยีอันล้ำค่าของเยอรมนีไป แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่มีเครื่องมือเฉพาะที่ระบุได้ว่าเป็นของพวกเขาในบริษัทแห่งนี้ ซ้ำยังไม่มีพวกเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูงอยู่เลย นอกจากเครื่องมือที่พบได้ทั่วไปในการผลิตสินค้าสำหรับสามัญชนธรรมดา……

ในระหว่างที่เยี่ยมชมทั้ง 3 เวิกค์ช็อป เซี่ยเหล่ยก็ยังนำนักธุรกิจไปยังเวิกค์ช็อปที่ 4 นั่นคือเวิกค์ช็อปของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีน และยังเป็นเวิกค์ช็อปที่TXV – 233 ผู้มีอิทธิพล !

ผลการทดสอบที่ออกมานั้นบ่งบอกว่าสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติที่ผลิตโดยบริษัท อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าของเซี่ยเหล่ยนั้นมีปัญหาด้านความปลอดภัยอย่างมาก รวมไปถึงกระบวนการการผลิตก็มีปัญหาด้านความปลอดภัยเช่นกัน เฉียวปิงตัดสินใจดำเนินการให้บริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าระงับการผลิตไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือน และหลังจากที่ได้รับการตรวจสอบในภายหลังจึงค่อยตัดสินใจอีกครั้ง

คนงานหลายร้อยคนได้มารวมตัวกันและแสดงออกถึงท่าทางที่ไม่พอใจอย่างมาก นั่นอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายได้ตอลดเวลา

เฉียวปิงพูดกับเซี่ยเหล่ยไปว่า “คุณควรจะจัดการและดูแลคนงานของคุณให้ดีกว่านี้นะ เพราะถ้าเกิดพวกเขาเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ มันจะทำให้เรื่องนี้เลยเถิดไปกันใหญ่!”

“คุณกลัวใครหล่ะ มีใครจะทำร้ายคุณงั้นเหรอ? “เฉินอาเจียวที่เป็นคนอารมณ์ร้อนได้พูดขึ้นจากนั้นก็พูดต่อว่า” ฉันบอกคุณไว้แล้ว พวกคนงานเหล่านี้ต้องกินข้าวปลาอาหารรวมถึงครอบครัวของพวกเขาด้วยถ้าพวกเขาไม่มีเงินซื้อของที่จะกินแล้วละก็พวกเขาจะไปกินมันที่บ้านของคุณ! ”

“ใช่” หลิวเสวียบิงพูดเสริมขึ้นมา

จากนั้นคนงานทั้งหมดโห่ร้องพร้อมกัน

ตอนนี้เซี่ยเหล่ยกำลังทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวและยังต้องรับมือกับวิกฤติปัญหาของคนงานที่อารมณ์กำลังร้อนอีก เมื่อเห็นดังนั้นเขายังไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาได้แต่มองไปที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเฉียวปิงและพนักงานคนอื่นๆก่อน

เบื้องหลังเฉียวปิงไม่ได้เปิดเผยว่าเขามีการติดต่อกันกับตระกูลกู๋ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เขาจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนแต่ในประเทศจีนปัญหาของคนที่ไม่มีจะกินไม่ใช่เรื่องตลกเพราะมันเป็นความจริงที่หลายๆครอบครัวไม่สามารถหนีจากปัญหานี้ไปได้

ในความเป็นจริงเฉียวปิงได้แสดงสีหน้าที่มืดมนแล้วพูดขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย ทำให้คนงานของคุณอยู่ในความสงบเดี๋ยวนี้!”

เซี่ยเหล่ยเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “ทุกคนอยู่ในความสงบก่อน”

เมื่อได้ยินเซี่ยเหล่ยพูดขึ้น ทุกคนจึงอยู่ในความสงบ

เฉียวปิงได้ส่งกระดาษเอกสารให้กับเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เซ็นระงับการผลิตเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วยอมรับการตรวจสอบจากเราดีกว่า”

เซี่ยเหล่ยพูดว่า “คุณต้องการจะให้เราระงับการผลิตไปทำไม?”

เฉียวปิงตอบว่า “ผลิตภัณฑ์ของคุณมีอันตรายด้านความปลอดภัยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นมาในขั้นตอนการผลิต ดังนั้นเราจำเป็นทึ่จะให้บริษัทของคุณระงับการผลิตไปก่อนเพื่อให้เราได้ตรวจสอบอย่างละเอียดและนี่…เอกสารใบนี้จะยังไม่ถูกต้องสมบูรณ์จนกว่าคุณจะเซ็นต์ชื่อของตัวเองลงไปและสุดท้ายลักษณะท่าทางรวมไปถึงอารมณ์ของคุณก็จะมีผลต่อการตรวจสอบและการพิจารณาของเราครั้งต่อไปด้วย “

เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ผมมีความจำเป็นที่จะต้องเซ็นรับทราบอย่างนั้นเหรอ?”

“หึ!” เฉียวปิงพูดขึ้นและจากนั้นก็หันไปพูดกับลูกน้องของเขาไปว่า “ไปจัดการซะ”

พนักงานของอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ได้ตอบรับคำพูดของเฉียวปิง จากนั้นก็เดินไปที่โกดังสินค้า

คนงานบางส่วนกำลังจะเดินไปปิดทางเพื่อไม่ให้บรรดาพนักงานของอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์เดินไปที่โกดังสินค้าได้ แต่เซี่ยเหล่ยก็พูดหยุดพวกคนงานเหล่านั้นเอาไว้

เซี่ยเหล่ยส่งเอกสารที่อยู่ในมือกลับไปให้ยังเฉียวปิงจากนั้นก็พูดว่า “ท่านเฉียว บริษัทของเราไม่ได้ผลิตสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติเพียงแค่อย่างเดียวและถึงแม้ว่าสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติจะมีอันตรายด้านความปลอดภัยก็จริง แต่มันไม่จำเป็นที่จะต้องถึงขั้นให้ระงับการผลิตของโรงงานเลย คนงานหลายร้อยคนของผมยังต้องกินต้องใช้อยู่ คุณจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ “

เฉียวปิงพูดอย่างหยิ่งยโสไปว่า “อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้เลยดีกว่า คุณคิดที่จะต่อต้านกฏหมายอย่างนั้นเหรอลองคิดดูให้ดี เมื่อถึงที่สุดแล้วจะไม่ใช่แค่เรื่องที่จะระงับการผลิตเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้คุณลำบาก แต่มันจะเลยเถิดไปจนถึงการขึ้นโรงขึ้นศาลหรือไม่ก็ทำให้คุณไปอยู่ในคุกได้เลย! “

เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนพูดขึ้นว่า “ผมไม่กลัวหรอกนะ “ผมชอบที่จะถูกคุมขัง” จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับคนงานว่า “กลับไปทำงานของแต่ละคนได้แล้ว!”

คนงานหลายร้อยคนก็ได้กระจัดกระจายกันไปทำตามหน้าที่ของตนเอง

“คุณกล้ามากนะ!” เฉียวปิง พูดขึ้นด้วยริมฝีปากที่สั่นซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาพูดด้วยอารมณ์โกรธ “คุณกล้าที่จะขัดขืน ดูถูกกฎหมายและระเบียบวินัยอย่างนั้นเหรอ? เจ้าคนเหลือขอนี่ถ้าไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตา!”

เซี่ยเหล่ยมองไปที่ เฉียวปิง จากนั้นก็พูดอย่างเฉยเมยว่า ” ท่านเฉียว ท่านคงจะได้รับประโยชน์จากกู๋เค่อเหวินหรือไม่ก็กู๋เค่อหวู่สินะ กับคนที่หาเงินด้วยวิธีแบบนี้ผมไม่มีอะไรจะต้องพูดด้วย แต่ผมจะต้องเตือนคุณเอาไว้อย่างนึงว่าพวกเขาก็เป็นคนงานที่จำเป็นจะต้องกินต้องใช้ อย่าทำให้พวกเขาโกรธไปมากกว่านี้จะดีกว่า คุณกลับไปซะ “

“ไอ้สารเลว” เฉียวปิงพูดด้วยอารมณ์ที่โกรธจนไม่สามารถยับยั้งได้จากนั้นก็พูดต่อว่า “ผมเป็นผู้บังคับใช้กฏหมาย คุณคิดว่าผมจะกลับไปโดยที่โรงงานของคุณยังไม่ถูกปิดอย่างนั้นเหรอ คุณคิดอะไรของคุณอยู่ คุณมีสมองเท่าเด็กสามขวบอย่างนั้นเหรอ ตอนนี้ผมขอสั่งให้คุณระงับการผลิต เป็นเวลาครึ่งปี! “

เซี่ยเหล่ยหัวเราะเยาะก่อนพูดขึ้นว่า “ ท่านเฉียว ผมยังเคารพคุณอยู่นะผมถึงเรียกคุณว่าท่านไงแต่ไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนที่โผงผางแบบนี้เลยและถ้าคุณยังคงเป็นแบบนี้อยู่แล้วละก็ คุณก็จะเป็นได้แค่สัตว์เลี้ยงของคนตระกูลกู๋ก็เท่านั้น “

“ดี…ดีมาก!” เฉียวปิงพูดประชดด้วยความโกรธแค้นจากนั้นก็หันไปพูดกับลูกน้องของเขาเองว่า “โทรไปหาแผนกจัดการเมืองไม่ว่ายังไงผมก็จะต้องระงับการผลิตของโรงงานนี้ให้ได้! “

เซี่ยเหล่ยหันไปพูดกับกวนหลิงชานว่า “โทรไปหาผู้สื่อข่าวให้มาที่นี่ด้วย”

“อืม…ฉันจะติดต่อไปทันที” กวนหลิงชานพูดขึ้นจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาโทร

เพียงเวลาแค่ไม่กี่นาทีหลังจากเมื่อซักครู่นี้บริเวณด้านหน้าของโรงงานของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้ามีรถตู้มาต่อแถวรอกันอย่างมากมายหลังจากนั้นประตูรถตู้ก็เปิดออก ก็มีคนใส่หมวกและถือไม้มากมายเดินตรงไปยังหน้าบริษัทของเซี่ยเหล่ย

บรรดาผู้คนที่ลงมาจากรถตอนนี้มีอยู่มากกว่าร้อยคนและพวกเขาดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แผนกจัดการเมืองธรรมดาอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามไม่ต้องรอให้บรรดาแผนกจัดการเมืองเหล่านี้เข้ามาภายในโรงงานได้ ฉิงเสวียงได้พาบรรดาคนงานในโรงงานจับไม้กวาดไม้ถูพื้นขึ้นมาเพื่อที่จะสนับสนุนทีมรักษาความปลอดภัยของลู่เชิงแต่เมื่อมาเทียบกันดูแล้วด้วยบรรดาคนงานเหล่านี้คงจะไม่สามารถที่จะหยุดแผนกจัดการเมืองนับร้อยคนนี้ได้

กวนหลิงชานที่โทรไปหาผู้สื่อข่าวนั้นเป็นแค่สายด่วนจึงทำให้ผู่สื่อข่าวยังคงมาไม่ถึงในตอนนี้ผิดกับแผนกจัดการเมืองที่มาอย่างรวดเร็วและตอนนี้อยู่บริเวณด้านหน้าบริษัทและพร้อมที่จะเข้าไปปิดโรงงานแล้ว!

เซี่ยเหล่ยในตอนนี้ทั้งขมวดคิ้วและหน้าผากย่นลงด้วยความกังวลเพราะอีกฝ่ายมีมากกว่า 100 คนและถึงแม้ฝ่ายเราจะมีคนงานจับมือกันลุกขึ้นสู้แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะพวกเขาไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้ เขาเองก็ไม่อยากที่จะให้คนงานของเขาต้องมาเจ็บตัวจากเรื่องนี้ด้วยและถึงแม้จะชนะการต่อสู้นี้ก็ไม่อาจส่งผลอะไรกับกู๋เค่อเหวินหรือกู๋เค่อหวู่ได้เลย ซึ่งมันจะยิ่งตรงกันข้ามเพราะเขาจะต้องดีใจที่เห็นฝ่ายเราบาดเจ็บ!

เมื่อคิดไปคิดมาเซี่ยเหล่ยก็ตัดสินใจในที่สุด

เซี่ยเหล่ยได้ตะโกนขึ้นว่า “ฉิงเสวียง พาคนของคุณกลับไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต!”

ฉิงเสวียงมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความงุนงง

เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นว่า “ลู่เชิง คุณเปิดทางให้กับพวกเขาด้วย”

ลู่เชิงและฉิงเสวียงมองหน้าซึ่งกันและกันด้วยความงุนงงว่าเซี่ยเหล่ยต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่พวกเขาก็สงสัยได้ไม่นานและเริ่มทำตามที่เซี่ยเหล่ยบอก

„แผนกจัดการเมือง” มากมายได้กรูเข้าทางประตูหน้าและวิ่งไปล้อมรอบเซี่ยเหล่ยในตอนนี้

“พี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่” เซี่ยเสวียพูดขึ้นอย่างตึงเครียด

เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “น้องกลับไปที่ออฟฟิศ”

เซี่ยเสวียพูดด้วยความห่วงใยไปว่า “พวกเขา …… “

เซี่ยเหล่ยจ้องตาของเธอแล้วพูดแทรกขึ้นว่า “ฟังที่ผมพูดแล้วกลับไปที่ออฟฟิศ! หลิงชาน คุณเองก็กลับไปที่ออฟฟิศด้วย! “

เซี่ยเสวียที่ได้ถูกกวนหลิงชานดึงมือไปพร้อมกันเมื่อทั้งคู่กลับมายังออฟฟิศก็ได้พากันขึ้นไปที่ชั้นสองจากนั้นกวนหลิงชานถึงได้ปล่อยมือของเซี่ยเสวีย

เมื่อบรรดาแผนกจัดการเมืองได้เข้าล้อมเซี่ยเหล่ยแล้วในตอนนี้ จากนั้นเฉียวปิง ก็พูดเสียงดังขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย ผมขอเตือนคุณอีกครั้งว่าให้คนงานของคุณระงับการผลิตทันที หากคุณยังดื้อดึงไม่ฟังกันแล้วละก็ ผมก็จำเป็นจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาด “

หลังจากที่บรรดาคนงานต่างได้กลับไปที่โรงแล้วงาน พวกเขาได้วางพวกไม้ที่เคยหยิบออกมาก่อนหน้านี้แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบพวกประแจหรือค้อนขึ้นมาแทน

เมื่อเฉียวปิงเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นว่า “จงควบคุมคนของคุณให้ดีอย่าให้พวกเขาทำอะไรที่โง่เง่าไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกพาตัวไปเข้าคุก“

เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นกับคนงานของเขาไปว่า “กลับไป! และรออยู่ที่นั่น “

ทุกคนเชื่อฟังคำพูดของเซี่ยเหล่ยทำให้บรรดาคนงานต่างกลับไปที่ส่วนงานของตัวเองแต่พวกเขาก็ไม่ได้กลับไปเพื่อทำงาน พวกเขากลับไปและรอดูท่าทีและพร้อมที่จะออกมาช่วยเซี่ยเหล่ยตลอดเวลา หากเขาต้องการความช่วยเหลือ

“เซ็นซะ” เฉียวปิงพูดขึ้นและยื่นเอกสารไปให้กับเซี่ยเหล่ยอีกครั้ง

เซี่ยเหล่ยรับเอกสารมาอีกครั้งแต่ในจังหวะนั้นสายตาของเขาก็หันไปเห็นรถบูร์กาติเวร่อนส์สีน้ำเงินขับเข้ามาแล้วจอดอยู่ด้านหน้าที่บริเวณถนนด้านหน้าบริษัทของเซี่ยเหล่ยและแม้ว่ารถคันนั้นจะไม่ได้ลดกระจกลงแต่ก็สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ว่ามีคนนั่งอยู่ภายในรถสองคน

และคนที่ขับรถคันนั้นมาก็คือกู๋เค่อหวู่ส่วนคนที่นั่งมาด้วยก็คือกู๋เค่อเหวิน

เซี่ยเหล่ยได้มองไปที่เฉียวปิงจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ท่านเฉียว รอเดี๋ยวนะดูเหมือนว่าเจ้านายของคุณจะมาหน่ะ ผมขอตัวไปทักทายพวกเขาก่อนก็แล้วกัน “

อันที่จริงเมื่อเฉียวปิงเห็นว่ามีรถบูร์กาติเวร่อนส์สีน้ำเงินมาจอดอยู่ด้านหน้าก็รู้อยู่แล้วว่าภายในรถคันนั้นมีใครนั่งมา เขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงคำพูดของเซี่ยเหล่ยและไม่ได้พูดตอบอะไรเซี่ยเหล่ยไปจากการที่เซี่ยเหล่ยขอตัวไปทักทายกู๋เค่อเหวินและกู๋เค่อหวู่นั้น เฉียวปิงก็ได้ยิ้มมุมปากเพราะเขาคิดว่าการที่เซี่ยเหล่ยขอตัวออกไปนั้นก็ถือเป็นการเลี่ยงออกจากวงล้อมของแผนกจัดการเมืองซึ่งอาจจะเป็นไปเพราะความกลัวในจำนวนคน

เซี่ยเหล่ยเดินออกจากประตูไปยังรถบูร์กาติเวร่อนส์สีน้ำเงิน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเพื่อเคาะกระจกรถ

กระจกของรถบูร์กาติเวร่อนส์ได้ลดลงก็ปรากฏกู๋เค่อหวู่ขึ้นมา เขาก็มองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นมุมปากก็ยิ้มขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า “มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมที่นี่มีคนมากมายเช่นนี้“

เซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนี้พวกคุณน่าจะรู้อยู่แล้วนี่ “

กู๋เค่อหวู่พูดว่า “เดี๋ยวก่อนนะ พวกเราเพียงแค่ขับรถผ่านมาแล้วเห็นว่ามีคนจำนวนมากชุมนุมกันอยู่จึงหยุดดูมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ให้ผมช่วยคิดหาวิธีให้มั้ยหล่ะ “

กู๋เค่อเหวินยิ้มแล้วพูดว่า “อย่าพูดแบบนั้นเลยเราจะไปช่วยคนแบบนี้ไว้ทำไมกันหล่ะ”

“เอ่อ? จริงสินะผมจะช่วยคุณทำไม !” กู๋เค่อหวู่พูดจากนั้นก็หัวเราะออกมา

ติดตามตอนต่อไป………ใหญ่ที่สุดของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าอีกด้วย มีพื้นที่เพิ่มขึ้นและใหญ่กว่าอีก 3 เวิกค์ช็อปที่ผ่านมารวมกันเสียอีก อุปกรณ์ย่อมต้องมีความก้าวหน้ากว่าอย่างแน่นอน

เวิกค์ช็อปที่เขานำนักธุรกิจมาได้สาธิตถึงความแข็งแรงของอุปกรณ์ที่นำมาซึ่งยอดสั่งซื้อสินค้าและมีนักธุรกิจที่ให้ความร่วมมือและตั้งใจที่จะเฝ้าดูบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

เอเย่นต์ชาวเยอรมันสองคนนั้นหันมองรอบเวิร์คช็อปและสอดส่องสังเกตเครื่องจักรทุกเครื่องในห้องอย่างละเอียดอันที่จริงเซี่ยเหล่ยรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาซ่อนกล้องรูเข็มเอาไว้ และเริ่มถ่ายรูปบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าไว้ทั้งหมดแต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้ใส่ใจที่ทั้งสองคนทำแบบนี้นัก เพราะยังไงในบริษัทนี้ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาต้องการอยู่แล้ว

เมื่อเข้าไปยังเวิกค์ช็อปใหม่ เซี่ยเหล่ยเสนอให้ทุกคนเข้าไปนั่งในห้องประชุมเหล่านักธุรกิจก็เห็นด้วย เข้าเยี่ยมชมภายในบริษัท ดูคุณภาพที่โดดเด่นและอะไหล่สำรองของสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติ ภายใต้การเตรียมพร้อมที่จะสั่งซื้อสินค้าของนักธุรกิจบางคน

เมื่อเซี่ยเหล่ยเตรียมนำเหล่านักธุรกิจไปยังห้องประชุม อเลน่าเดินเข้ามาอย่างลังเล “ลูคัส…’’

เซี่ยเหล่ยรู้ว่าเธอต้องการอะไรแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ “มีอะไรหรออเลน่า?’’

อเลน่าเหลือบมองไปทางเอเย่นต์ชาวเยอรมันทั้ง 2 คนแล้วพูดว่า “คุณเป็นช่างที่มีความโดดเด่นมาก ฉันก็เป็นช่างเหมือนกันฉันรู้ว่าคุณมีเวิกค์ช็อปเป็นของตัวเอง ฉันขอเข้าไปดูได้มั้ย? ฉันว่าคุณจะต้องมีต้นแบบของสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติอยู่ในเวิกค์ช็อปของคุณแน่เลย ฉันชักจะอยากเห็นแล้วสิ’’

“ได้เลยไม่มีปัญหา ผมจะพาคุณไปดูเอง’’ เซี่ยเหล่ยพูด

เซี่ยเหล่ยเปิดประตูเวิกค์ช็อป เขาไม่ได้ให้อเลน่าเข้าชมเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ยังเชิญชวนให้นักธุรกิจคนอื่นๆเข้าชมอีกด้วย เอเย่นต์ชาวเยอมัน 2 คนนั้นยังตีเนียนในกลุ่มลูกค้าเช่นเดิม

ภายในเวิกค์ช็อปมีเครื่องจักร เครื่องเชื่อม ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ธรรมดามากไม่มีความลับใดๆทั้งสิ้น ยกเว้นถังเหล็กอันใหญ่ที่ภายในมีปืนสไนเปอร์ไรเฟิลซ่อนอยู่ อย่างไรก็ตามไม่มีทางที่จะมีคนเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

หนึ่งในเอเย่นต์ชาวเยอรมันแสดงออกถึงความผิดหวังผ่านใบหน้าอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นถังเหล็กแต่คงไม่คิดว่าข้างในนั้นจะมีหลักฐานเกี่ยวกับเครื่องจักรอัจฉริยะซ่อนอยู่

“ลูคัส คุณเก่งมากเลย คุณสามารถออกแบบสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติได้อย่างไม่น่าเชื่อ คุณเป็นช่างที่มีพรสวรรค์มากๆเลยล่ะ’’ อเลน่าพูดชมเขาอย่างยืดยาวเพื่อปิดบังความผิดของเธอเองด้วยในตัว

เซี่ยเหล่ยยิ้มพลางพูดว่า “ขอบคุณนะ เราไปห้องประชุมกันเถอะ’’

เซี่ยเหล่ยนำนักธุรกิจไปยังห้องประชุม ในขณะนั้นก็อธิบายเรื่องของธุรกิจไปด้วย

เอเย่นต์ชาวเยอรมันทั้ง 2 คน สนับสนุนให้พวกนักธุรกิจเหล่านี้มาเยี่ยมชมบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าแน่นอนว่าพวกเขามีจุดประสงค์บางอย่างถึงแม้พวกเขาจะทำไม่สำเร็จแต่ก็ทำให้บริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าได้คำสั่งซื้อสินค้าไปเยอะพอสมควรและดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งที่เอเย่นต์ทั้งสองคิดไม่ถึงอีกเรื่องหนึ่ง……

ในตอนบ่ายเซี่ยเหล่ยได้เชิญเหล่านักธุรกิจรับประทานอาหารไปโรงแรม การมีมารยาทสร้างมนุษยสัมพันธ์ต่อกันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นักธุรกิจในต่างประเทศอาจจะไม่มีขนบธรรมเนียมแบบนี้แต่ในประเทศจีนนั้นถือว่าสำคัญมาก หลายครั้งที่คนจีนมักจะคุยกันที่โต๊ะพร้อมไวน์บ่อยๆ

หลางซือเหยามีทักษะในเรื่องการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นอย่างดี เธอเรียนและทำงานที่สหรัฐอเมริกา พื้นฐานด้านภาษาอังกฤษของเธอไม่มีปัญหาเลย เธอต้อนรับและพูดคุยกับนักธุรกิจชาวต่างชาติของอังกฤษ เธอพูดได้อย่างคล่องแคล่ว พูดคุยอย่างฉลาด มีอารมณ์ขันและเป็นกันเอง บวกกับสีหน้าและท่าทางเธอจึงได้รับคำชมและความประทับใจจากลูกค้ามาอย่างสบายๆ

เซี่ยเหล่ยนั้นยิ่งกว่า เขาไม่เพียงแค่พูดคุยแลกเปลี่ยนกับนักธุรกิจด้วยภาษาเยอรมันเท่านั้น เขายังพูดคุยด้วยภาษาอังกฤษได้อย่างง่ายดายแม้กระทั่งพูดคุยกับนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสเขาก็สามารถทำได้ นักธุรกิจบางคนนำความลับของสาวๆในกำกับมาบอกความลับของผู้หญิงเหล่านี้คือสายตาพวกเธอเป็นประกายทุกครั้งที่มองเซี่ยเหล่ย เขามีสเน่ห์อัธยาศัยดี พูดได้หลายภาษา เสมือนมีโคมระย้าเป็นประกายอยู่ในตัวของเซี่ยเหล่ย

เซี่ยเหล่ยและหลางซือเหยาทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ผู้คนมองว่าพวกเขาเป็นคู่ที่น่ารักและน่าอิจฉา

อเลน่ากลายเป็นคนที่ถูกลืม เธอแอบมองเซี่ยเหล่ยอย่างเงียบๆภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเธอก็ยังเหลือบมองหลางซือเหยาเป็นครั้งคราว……

อเลน่าครุ่นคิดไปยังภรรยาของเซี่ยเหล่ยที่เคยมีนั่นก็คือ ‘ลอร่า’ แต่เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริงและมันทำให้เธอมีความหวังเล็กๆขึ้นมาในใจหลังจากที่เธอเห็นหลางซือเหยา อเลน่าพบว่าเมื่อเธอและเซี่ยเหล่ยอยู่ด้วยกันช่างเป็นคู่ที่ดูเหมาะสมกันเหลือเกิน หลางซือเหยาอายุน้อยและยังเป็นคนที่เซ็กซี่มากด้วยขาเรียวสวยคู่นั้น ขนาดผู้หญิงยังอิจฉาเลย แล้วนับประสาอะไรกับผู้ชายที่อยากจะเป็นแฟนกับเธอล่ะ? แล้วผู้หญิงคนอื่นจะแย่งเซี่ยเหล่ยไปจากข้างกายของเธอได้ยังไง?

“เรามาดื่มกันสักแก้วเถอะ’’ เธอยื่นแก้วไวน์ให้กับนักธุรกิจอย่างนอบน้อมในขณะที่หลางซือเหยามองเซี่ยเหล่ยอย่างมีความสุข

“ดีเลย ดื่มกัน’’ เซี่ยเหล่ยหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม

“ฉันอยากดื่มไวน์มานานแล้ว’’ หลางซือเหยาพูดอย่างสนุกสนาน

“ส่งแก้วมาสิ’’ เซี่ยเหล่ยไม่รอช้าดึงแขนของหลางซือเหยามาเพื่อที่จะดื่มไวน์แดงด้วยกันเนื่องจากหลางซือเหยาเป็นผู้หญิงของเขาอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วเขาและเธอก็ต้องแต่งงานและมีลูกด้วยกัน…..

หลางซือเหยาเริ่มเมาเพราะไวน์แดงในแก้วของเธอ เธอยิ้มอย่างครื้นเครงและตั้งใจมองไปที่อเลน่าที่กำลังมองผู้ชายของเธอด้วยความเสน่ห์หาและเตือนอเลน่าด้วยสายตาว่าอย่าแม้แต่จะคิด!

นี่เป็นเหตุผลที่เธอเลือกที่จะดื่มไวน์กับเซี่ยเหล่ยในสถานการณ์แบบนี้เพราะนี่เป็นการประกาศอำนาจของผู้หญิง

อเลน่าหลบสายตาของหลางซือเหยาซึ่งนั่นหมายความว่าเธอรู้ว่าหลางซือเหยากำลังคิดอะไรในตอนนี้

หู่ฮั่วพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “เซี่ยเหล่ย คุณเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยและยังมีผู้หญิงที่โดดเด่นอย่างคุณหลางอยู่ข้างกายอีกด้วย ช่างเป็นคนที่โชคดีในชีวิตจริงๆ’’

เซี่ยเหล่ยเคอะเขินเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “นายกเทศมนตรีหู่ อย่าแซวผมไปหน่อยเลยถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณ ผมคงไม่มีวันนี้หรอก’’

การที่บริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าพัฒนาต่อไปได้ จริงๆแล้วหู่ฮัวไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมากถึงอย่างนั้นเขาก็ชอบที่จะฟังเขาพูดไปยิ้มไป “อย่าพูดอย่างนั้นสิการให้ความช่วยเหลือคุณเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว การที่คุณประสบความสำเร็จในวันนี้ก็เพราะความพยายามของคุณต่างหาก ถ้าคุณกับคุณหลางจะแต่งงานกันบอกผมด้วยนะ ผมจะดื่มฉลองให้พวกคุณ’’

เซี่ยเหล่ยมองหลางซือเหยาแล้วพูดยิ้มๆ “เรื่องนี้ผมคงจัดการไม่ได้’’

หลางซือเหยาซื่อตรงต่อเซี่ยเหล่ยแต่ตอนนี้เธอไม่สามารถยิ้มออกมาได้ทั้งหมด การแต่งงานกับเซี่ยเหล่ยจะทำให้พวกเขากลายเป็นครอบครัวเดียวกันก็จริงแต่เธอต้องการความมั่นคงในฐานะผู้หญิง เธอคงไม่ยอมทำตามง่ายๆอย่างแน่นอน

หู่ฮั่วยังคงยิ้ม “ผมเป็นมืออาชีพนะ ผมดูออก เตือนอะไรไว้อย่างนะอย่ามุ่งเป้าในการแต่งงานจนเกินไป คุณเคยดูละครโรแมนติกมั้ยล่ะ? ต้องศึกษาไว้บ้างนะ’’

หลางซือเหยาพูด “ถ้าคุณอยากแต่งงานกับฉัน คุณต้องทำให้ฉันประทับใจแต่ไม่จำเป็นต้องทำให้มันเป็นการขอแต่งงานที่โรแมนติกที่สุดในโลกก็ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ’’

เซี่ยเหล่ย “…’’

งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างมีชีวิตชีวา เซี่ยเหล่ยไม่ได้ช่วยให้นักธุรกิจต่างประเทศรู้จักกับนักธุรกิจคนอื่นภายในประเทศของเขามากนัก เพราะเขาต้องการสร้างความสัมพันธ์ส่วนบุคคลเท่านั้น

งานเลี้ยงเริ่มขึ้นในไม่ช้าหลังจากที่อเลน่าเดินไปเข้าห้องน้ำ

เซี่ยเหล่ยลังเลใจ เขากระซิบที่ข้างหูของหลางซือเหยา “ซือเหยาช่วยผมที คุณช่วยไปที่ห้องน้ำแล้วเอากระดาษแผ่นนี้ไปให้อเลน่าหน่อยแล้วจำไว้ด้วยว่าอย่าพูดอะไรเพราะเธอมีเครื่องดักฟังอยู่’’

ริมฝีปากบางของหลางซือเหยายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

เซี่ยเหล่ยทำหน้าเข้มแล้วพูดว่า “ในเยอรมนี เธอช่วยผมไว้มากมายซึ่งตอนนี้เธอกำลังลำบาก ถ้าผมไม่ช่วยเธอผมคงร้อนใจและรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต’’

“ได้ ฉันจะเอาไปให้เธอ’’ หลางซือเหยายอมทำตามคำขอ

เซี่ยเหล่ยแกล้งทำเป็นจับมือหลางซือเหยาเพื่อส่งกระดาษม้วนนั้นให้เธอ

หลางซือเหยาทำเป็นเขินเซี่ยเหล่ยก่อนที่เธอจะเดินไปห้องน้ำ….

เซี่ยเหล่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาจะไปห้องน้ำกับหลางซือเหยาด้วยก็ได้ แต่นั่นจะเป็นการดึงความสนใจจากเอเย่นต์ชาวเยอรมัน หลางซือเหยาไปคนเดียวจะเหมาะกว่าเพราะในสายตาของเอเย่นต์ชาวเยอรมัน หลางซือเหยาและอเลน่าเป็นแค่แฟนสาวของแบรนด์คู่แข่งและบุคคลที่สามเท่านั้นถ้าเป็นผู้หญิงเรื่องแบบนี้ไม่สามารถตัดออกไปได้เมื่ออยู่ต่อหน้ากันจะบังคับไม่ให้พูดถึงได้อย่างไร? ปล่อยให้พวกเธอคุยกันเองดีกว่า

หลางซือเหยาเข้ามาถึงในห้องน้ำของผู้หญิงส่วนอเลน่าเพิ่งออกมาจากห้องอาบน้ำ พวกเธอสบตากันพอดี…..

หลางซือเหยาชูนิ้วขึ้นมาระหว่างริมฝีปาก นี่เป็นสัญลักษณ์สากลที่บอกว่าให้เงียบเอาไว้

อเลน่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เธอเข้าใจในท่าทางนั้นว่าซือเหยาอยากให้เธอเงียบไว้ แต่ใจเธอก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าหลางซือเหยามีวัตถุประสงค์อะไรถึงมาหาเธอที่นี่

หลางซือเหยายื่นจดหมายของเซี่ยเหล่ยให้อเลน่า

อเลน่าลังเลแต่ก็รับกระดาษแผ่นนั้นมาเปิดอ่าน

ในกระดาษเขียนด้วยภาษาเยอรมันว่า ผมเข้าใจสถานการณ์ของคุณตอนนี้ คุณต้องการความช่วยเหลือถ้าคุณเชื่อในตัวผมช่วยติดต่อกลับมาโดยไม่มีเครื่องดักฟัง ผมจะช่วยคุณเท่าที่จะช่วยได้

หัวใจของอเลน่ากระตุกวูบราวกับว่าเธอเห็นลูคัสในเยอรมนีอย่างไรก็ตามเธอยืนอยู่ต่อหน้าหลางซือเหยาที่กำลังใช้ความอดทนกับเธอแต่พยายามจะไม่แสดงออก

หลางซือเหยายังคงมองและพยายามเก็บรวบรวมข้อมูลบนกระดาษแผ่นนั้นแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เธอจึงเลือกเดินออกไปแทน หลางซือเหยามองอเลน่าแล้วหันหลังกลับคิดในใจเงียบๆ “คืนนี้ฉันจะทำให้เขาบอกทุกอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาในกระดาษแผ่นนั้นด้วยวิธีของฉันเอง’’

ฟังราวกับว่ามันเป็นวิธีรุนแรงเพราะที่มุมปากของเธอได้ปรากฏรอยยิ้มที่ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์เธอได้…….

ติดตามตอนต่อไป……..

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Status: Ongoing

เซี่ยเหล่ยสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กเขาจึงต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อดิ้นรนเอาตัวรอดและสิ่งที่สำคัญเขาต้องเลี้ยงดูน้องสาวของเขา แต่อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น

เขาประสบอุบัติเหตุในโรงงานซึ่งทำให้ตาของเขาบอดแต่หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าตาเขาไม่ได้บอดแต่มันมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมา !!

ในตอนนี้เขากำลังจะใช้ความสามารถพิเศษที่เขาได้มาในทางชั่วร้ายเพื่อสร้างชีวิตของเขาและน้องสาวให้ดีขึ้นเหมือนคนอื่นๆ

เซี่ยเล๋ยจะประสบความสำเร็จในการทำสิ่งชั่วร้ายกับพลังที่เขาเพิ่งค้นพบหรือไม่ ?

ข้าจะเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของข้าเอง !!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท