TXV – 295 คราบเลือดอสรพิษ !
หลังจากการเดินทางที่ยาวนาน พวกเขาก็ได้เดินมาจนถึงบริเวณป่ารกทึบ มันมียอดเขาที่สูงตระหง่านตารวมอยู่ด้วย มันคอยกั้นทิศทางของลมให้ไหลไม่สะดวกหรืออากาศไม่ค่อยถ่ายเทนั่นเอง อุณหภูมิบริเวณนี้ค่อนข้างที่จะอบอุ่นผสมกับชื้นนั่นจึงทำให้ที่นี่เหมาะอย่างมากสำหรับพรรณพืชนานาชนิด ป่าแห่งนี้มีความหลายหลายทางชีวภาพอย่างมาก พืชเขตร้อนเกือบทั้งหมดจะสามารถพบเจอได้ที่ป่าแห่งนี้
ภายใต้การนำของคาบูในตอนนี้ พวกเขาได้เริ่มเดินเข้าไปในป่ากันแล้ว คาบูที่เป็นผู้นำทางได้ใช้มีดเพื่อตัดและฟันกิ่งไม้ที่อาจจะขัดขวางเส้นทางเดิน เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยก็เดินตามมาไม่ห่างในมือของถ่างหยู่เหยี่ยตอนนี้ถือเครื่องถ่ายภาพทางดาวเทียม มันแสดงจุดสีแดงๆ ซึ่งก็คือจุดที่พวกเขาต้องการที่จะไป
จุดสีแดงคือตำแหน่งของกลุ่มนักวิจัยที่ถูกจับเป็นตัวประกันไว้อยู่
“ถ้าโชคดีพอ เราอาจจะไม่ต้องเจอกับกองกำลังทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ เราก็สามารถช่วยเหลือตัวประกันของเราได้” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดแสดงความเห็น
เซี่ยเหล่ยไม่คิดอย่างที่ถ่างหยู่เหยี่ยคิด เขาจึงพูดขึ้นว่า “จากเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด ผมคิดว่าเราไม่ควรที่จะมองโลกในแง่ดี ผมคิดว่าเราควรจะเตรียมตัวและแผนการป้องกันไว้ เราไม่ควรที่จะไม่เตรียมตัวหรือเข้าไปแบบไม่มีแผนการอะไรเลย”
“ฉันก็พอจะมีแผนการอยู่บ้าง” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
“งั้นก็ถือว่าผมไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” เซี่ยเหล่ยพูดตอบ
ท้องฟ้าในตอนนี้เริ่มมีแสงสว่างขึ้นมาคาบูหันกลับไปพร้อมพูดขึ้นว่า “เราจะพักที่นี่กันก่อน เราอยู่ในป่ารกทึบกองกำลังของสหรัฐจะหาเราไม่เจอง่ายๆแน่”
ในการที่พวกเขาเลือกที่จะเดินทางในเวลากลางคืนและใช้เส้นทางผ่านป่านั้นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการที่จะหลบหลีกการลาดตระเวนและการดักซุ่มโจมตีของพวกกองกำลังพิเศษไม่ทราบฝ่ายของสหรัฐและกองกำลังของกลุ่มเซ้นไอดร้าด้วยเช่นกัน เพราะการที่เข้าไปเดินทางในป่าเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องคอยกังวลว่าพวกนั้นจะโจมตีมาเนื่องจากป่าแห่งนี้ค่อยข้างที่จะเดินทางลำบาก สิ่งที่พวกเขาควรที่จะระวังในตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่กองกำลังทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ก็เท่านั้นแต่จนถึงตอนนี้พวกเธอก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมาเลย
“ตกลง…เราจะพักกันก่อน” ถ่างหยู่เหยี่ยสั่งการออกไป
เหล่าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานลับ 101 ได้หยุดพักและกินอาหารเพื่อที่จะเติมพลังทางด้านร่างกายและคลายความหิวหรือการที่ได้นั่งพักเองก็ช่วยในการฟื้นฟูพละกำลังเช่นกัน มันจำเป็นสำหรับพวกเขาที่อาจจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ตลอดเวลา
ถ่างหยู่เหยี่ยได้เดินไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนื่งด้วยความเหนื่อยล้า
“ที่รัก มาตรงนี้สิ ฉันเตรียมอาหารและน้ำดื่มให้คุณแล้ว” เสียงของถ่างหยู่เหยี่ยพูดออกไปด้วยคำพูดที่ดูเหมือนภรรยากำลังจะดูแลสามีแต่น้ำเสียงของเธอที่แสดงออกมานั้นทำให้รู้สึกได้ราวกับว่าเป็นการกึ่งบังคับให้เซี่ยเหล่ยเดินไปหา
ในตอนที่เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปหาเธอและกำลังจะนั่งลง จู่ๆสายตาของเขาก็มองผ่านศีรษะของเธอ
งูที่มีสีเดียวกับลำต้นของต้นไม้ที่ถ่างหยู่เหยี่ยเข้าไปนั่งนั้น ตอนนี้กำลังเลื้อยอยู่ใกล้กับศีรษะของเธออย่างมากด้วยการอำพลางตัวของมันทำให้มันมีสีคล้ายคลึงกับสีของต้นไม้นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ถ่างหยู่เหยี่ยมองไม่เห็นมันก่อนที่จะนั่งในความเป็นจริงถ้าดวงตาของเซี่ยเหล่ยไม่มีความสามารถที่เหนือมมนุษย์แล้วละก็ เขาเองก็มองไม่เห็นงูตัวนี้เหมือนกัน
หางของงูตัวนี้เรียวและยาวนั่นเป็นลักษณะของงูพิษ
“คุณมองอะไรงั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็พูดต่อว่า”ท่าทางของคุณดูแปลกๆไปนะ”
และในทันใดนั้นเองเซี่ยเหล่ยเอามีดเล็กที่เหน็บไว้ที่เอวขึ้นมา จากนั้นก็ปามันออกไป เขาปามีดพ้นเหนือศีรษะของถ่างหยู่เหยี่ยออกไปนิดเดียว
ฉึบ!! มีดปังไปที่ลำต้นของต้นไม้
ถ่างหยู่เหยี่ยที่รู้สึกตกใจอย่างมากจึงได้พูดขึ้นว่า “คุณ …… ทำอะไรหน่ะ?”
เซี่ยเหล่ยพูดเบาๆไปว่า “คุณลองเงยหน้าขึ้นไปดูสิ”
หลังจากเซี่ยเหล่ยพูด ถ่างหยู่เหยี่ยก็เงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเหนือศีรษะของเธอนั้นมีงูอยู่ ปากของมันอ้าอยู่เหมือนกับว่ากำลังจะกัดที่คอของถ่างหยู่เหยี่ยแต่ก็ถือว่าโชคดีที่เซี่ยเหล่ยเห็นซะก่อน ทำให้มันยังไม่ทันได้ฉกถ่างหยู่เหยี่ย
ในตอนนี้ที่บริเวณลำตัวของงูก็มีมีดของเซี่ยเหล่ยปักติดอยู่
เซี่ยเหล่ยเอื้อมมือออกไปจากนั้นก็ดึงมีดออกมาแม้ว่าตอนนี้งูจะโดนมีดแทงไปแล้วแต่ด้วยความสามารถของมันทำให้มันไม่ตายในทันที เซี่ยเหล่ยจึงได้ตัดสินใจหาก้อนหินก้อนหนึ่งจากนั้นก็หยิบมันขึ้นมาแล้วทุบไปที่หัวของงู
จังหวะนี้คาบูได้เดินเข้ามาหาจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “งูตัวนี้ถูกเรียกว่างูนักฆ่า” มันเป็นงูที่มีมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว พิษของมันร้ายแรงอย่างมากหากโดนพิษของมันแล้วในหนึ่งนาทีหากไม่ได้รับเซรุ่มก็จะตายในทันที “
พิษของมันร้ายแรงขนาดนี้ก็เหมาะสมแล้วที่จะมีชื่อว่านักฆ่า….
คาบูมองไปที่คอของถ่างหยู่เหยี่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณหยาง คุณต้องรีบทำความสะอาดที่คอของคุณนะเพราะเลือดของมันก็มีพิษอยู่มากเหมือนกัน”
ถ่างหยู่เหยี่ยตกใจจากนั้นก็รีบลุกขึ้นและวิ่งไปในทิศที่ไม่มีคนอยู่สองสามก้าว จากนั้นก็หันมามองเซี่ยเหล่ยพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณมัวทำอะไรอยู่? มาช่วยกันหน่อยสิ! “
เซี่ยเหล่ยตะลึงจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผม…?”
ถ่างหยู่เหยี่ยยังคงมองไปที่เซี่ยเหล่ย
“ถ้าคุณที่เป็นสามีของฉันไม่ช่วยฉันแล้วจะให้ผู้ชายคนอื่นมาช่วยฉันงั้นเหรอ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออก….
เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเดินออกไปที่ลับตาด้วยกันสองคนจากนั้นถ่างหยู่เหยี่ยก็ถอดเสื้อออกเผยให้เห็นผิวหนังที่เรียบเนียนและขาวราวกับหิมะ เซี่ยเหล่ยเคลิ้มไปครู่หนึ่งก่อนที่จะมองไปยังเลือดของงูที่เปื้อนรอบคอของเธอ
เซี่ยเหล่ยในตอนนี้รู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูกจู่ๆสายตาของเขาก็มองต่ำลงไปจากที่คอนั่นทำให้เขาพบกับชุดชั้นในสีม่วง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ที่ตะเข็บเสื้อในของคุณเองก็มีเลือดของงูตัวนี้ติดอยู่เหมือนกันทางที่ดีคุณอย่าใส่ตัวนี้อีกดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง”
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างเขินอายก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “คุณตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่? คุณต้องการที่จะเอาคืนที่เมื่อวานฉันเห็นก้นของคุณงั้นเหรอ? “
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ก่อนที่พูดขึ้นว่า “ผมเตือนคุณแล้วนะถ้าหากคุณไม่เชื่อผมก็แล้วแต่อย่ามาหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน”
ถ่างหยู่เหยี่ยตั้งใจจะพูดตอบโต้แต่เธอก็หยุดลงและไม่ได้พูดอะไรออกไป
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “นี่คือสนามรบ ไม่ต้องปราณีตมากหรอก เร็วๆเข้าหน่อย! เรามีเวลาไม่มากหรอกนะ! “
“คุณ …… ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมพูดต่อว่า “อย่ามองมาเด็ดขาด ปิดตาของคุณซะ!”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ปิดตาตามที่ถ่างหยู่เหยี่ยพูดแต่เขาได้หันไปเปิดฝาขวดน้ำเพื่อเตรียมที่จะล้างคราบเลือดบนตัวเธอออก
ตะขอของชุดชั้นในได้ถูกปลดออกนั่นทำให้หน้าออกของเธอได้ถูกปลดปล่อยจากสิ่งที่คอยบีบรัดกักขังมันเอาไว้ไม่ให้เป็นอิสระ รูปทรงของมันท่าทึ่งอย่างมาก มันเหมือนกับหูของกระต่ายยังไงอย่างงั้นเลย แม้ว่าตอนนี้ถ่างหยู่เหยี่ยจะหันหลังให้อยู่ก็ตาม แต่เซี่ยเหล่ยก็ยังคงเห็นมันอย่างชัดเจนอยู่ดี
ถ่างหยู่เหยี่ยรีบพูดขึ้นทันทีว่า “รีบจัดการเร็วเข้า”
เซี่ยเหล่ยได้ยกขวดน้ำขึ้นจากนั้นก็ราดมันลงไปที่คอและหลังของเธอ จากนั้นก็ใช้มือของเขาขัดและถูไปตรงบริเวณรอยเลือดในขณะที่เขาทำอยู่นั้น เซี่ยเหล่ยรู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
“เสร็จแล้วหรือยัง มันไม่เหลือแล้วใช่มั้ย?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามด้วยความกังวล
เซี่ยเหล่ยยังคงขัดถูอยู่ในขณะนี้พร้อมกับพูดไปว่า “เพื่อให้ความแน่ใจผมจึงต้องล้างให้ละเอียดหน่อยไม่อย่างนั้นมันอาจจะทำให้ผิวของคุณแพ้หรือเป็นหนองได้ ซึ่งถ้ามาเป็นในตอนนี้ในที่แห่งนี้มันจะยิ่งทำให้เรื่องแย่ลงไปอีกแน่ๆ”
“คุณคิดไว้ก่อนแล้วใช่มั้ย ? คุณต้องการแก้แค้นใช่มั้ยไม่อย่างนั้นคุณคงปัดมันออกไปแทนที่จะขว้างมีดไปฆ่ามัน?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
เซี่ยเหล่ย “… “
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นว่า “เสร็จแล้ว”
ถ่างหยู่เหยี่ยไม่กล้าที่จะหันกลับมา เธอพูดออกไปทั้งๆที่ยังหันหลังให้เซี่ยเหล่ยว่า “เอาเสื้อตัวนอกของคุณมาให้ฉัน”
เซี่ยเหล่ยถามอย่างงุนงงว่า “ทำไม?”
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบไปด้วยอารมณ์โกรธว่า “เสื้อของฉันไม่สามารถใส่ได้แล้ว คุณจะให้ฉันกลับไปทั้งๆที่อยู่ในสภาพนี้นะเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยถอดเสื้อตัวนอกออกทันที จากนั้นก็วางไว้ที่ด้านหลังของถ่างหยู่เหยี่ย ตอนนี้เซี่ยเหล่ยเหลือเสื้อที่ใส่อยู่เพียงตัวเดียวแต่โชคดีที่อุณหภูมิของที่นี่ไม่ได้เย็นมากจึงทำให้เขาไม่รู้สึกหนาว
ถ่างหยู่เหยี่ยหยิบเสื้อตัวนอกของเซี่ยเหล่ยขึ้นมาใส่จากนั้นก็รูดซิปขึ้นมาจนสุดเพื่อปกปิดเนื้อเนินสีขาวของเธอเองแม้ว่าในตอนนี้เธอจะใส่เสื้อเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่หน้าของเธอก็ยังคงแดงอยู่ เธอหันกลับมาจากนั้นก็มองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความเขินอาย
เมื่อเห็นถ่างหยู่เหยี่ยหันกลับมาเซี่ยเหล่ยพูดขึ้นทันทีว่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอกนะ”
“หึหึ ฉันจะคิดบัญชีกับคุณแน่!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดออกไป
เซี่ยเหล่ยแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินจากนั้นก็นึกไปถึงภาพเมื่อครู่ที่เขาได้เห็นเรือนร่างของเธอ มันทำให้เขาจินตนาการไปต่างๆนาๆ….
“เดี๋ยวก่อน!” จู่ๆถ่างหยู่เหยี่ยก็เรียกเซี่ยเหล่ยที่กำลังจะเดินกลับไป
เซี่ยเหล่ยหันไปหาเธอจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ยังมีอะไรอีก?”
ถ่างหยู่เหยี่ยเอื้อมมือออกไปจากนั้นก็ชี้ไปที่ที่หนึ่ง…..
ตามทิศทางที่ถ่างหยู่เหยี่ยชี้ไป เมื่อเซี่ยเหล่ยมองตามไปก็พบกับโครงกระดูกที่ถูกผูกห้อยลงมาจากต้นไม้ลำตัวมีร่องรอยของการถูกหอกแทงทะลุลำตัว ปลายหอกทะลุจนไปฝังลึกอยู่ในต้นไม้ ลำตัวบางแห่งก็มีรอยถูกทุบด้วยของแข็ง ซี่โครงบางแห่งก็มีรอยแตกหัก
ตอนนี้ทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาเลย พวกเขาหันมามองหน้าซึ่งกันและกันจากนั้นก็เดินตรงไปยังโครงกระดูกโดยไม่ได้นัดหมาย
เมื่อเข้าไปใกล้ๆพวกเขาก็ได้เห็นเสื้อผ้าอย่างชัดเจนแม้ว่ามันจะขาดไปบ้างแต่ก็ยังหลงเหลือหลักฐานที่แสดงว่าเป็นทหารโซเวียตในกระเป๋ากางเกงยังคงมีมีดขนาดเล็กสำหรับพกพาและกระเป๋าสตางค์
“นี่มัน…… ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นพร้อมความตระหนกจากนั้นก็พูดต่อว่า “เขาถูกฆ่าอย่าโหดร้ายและป่าเถื่อนมาก”
“คุณคิดว่านี้เป็นฝีมือของกองกำลังทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ใช่หรือไม่?” เซี่ยเหล่ยถาม
“คุณจะบอกว่านี้เป็นฝีมือของผู้หญิงงั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมส่ายหัว จากนั้นก็พูดขึ้นต่อว่า “ฉันคิดว่าผู้หญิงไม่มีเรี่ยวแรงมากมายสำหรับทำเรื่องแบบนี้ได้หรอกนะ? แม้ว่าจะเป็นนักฆ่ามืออาชีพก็ตาม”
ดูเหมือนกับว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะไม่เชื่อว่านี้เป็นฝีมือของกองกำลังทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ที่ทำเรื่องน่ากลัวเช่นนี้แต่ว่าที่นี่เป็นเขตของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ถ้านี่ไม่ใช่ฝีมือของพวกเธอแล้วจะเป็นใครไปได้หล่ะ?
เซี่ยเหล่ยล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เขาหยิบมันออกมาจากนั้นก็เปิดขึ้นเพื่อที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติม เขาก็พบกับบัตรประจำตัวทหารแต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถระบุข้อมูลได้เนื่องมาจากมันเน่าเปื่อยจนเกินกว่าที่จะอ่านได้
“แม้ว่าจะฆ่าไปแล้วแต่ก็ไม่ได้เอาเงินไปด้วย” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นพร้อมพูดต่อว่า “ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไงผมก็เชื่อว่านี่เป็นฝีมือของพวกกองกำลังทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์อยู่ดีเพราะเงินไม่มีค่าสำหรับพวกเธอ”
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปรอบๆ “คุณคิดว่าเราจะเจอกับพวกเธอในเร็วๆนี้งั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ตอนนี้ผมคิดว่ายังไม่น่าจะเจออะไรแต่ถ้าเราเดินเข้าไปลึกกว่านี้ ไม่ช้าไม่เร็วเราก็ต้องเจอพวกเธอ “
ถ่างหยู่เหยี่ยพูด “อืม…หลังจากเรากลับไปแล้วอย่าเพิ่งบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีกว่าโดยเฉพาะคาบูเพราะดูเหมือนกับว่าเขาอาจจะหักหลังเราแล้วกลายเป็นศัตรูกับเราได้ตลอดเวลา “
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าเพราะเข้าใจในสิ่งที่ถ่างหยู่เหยี่ยต้องการจะบอก
หลังจากที่ทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเดินกลับไปรวมตัว คาบูก็พูดขึ้นว่า “เรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบว่า “เรียบร้อยแล้ว สามีของฉันได้ช่วยทำความสะอาดเลือดงูให้จนสะอาดหมดแล้ว “
คาบูมองไปที่หน้าอกของถ่างหยู่เหยี่ย เขารู้ได้ในทันทีว่าถ่างหยู่เหยี่ยในตอนนี้ไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน
ถ่างหยู่เหยี่ยที่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเนื่องจากเห็นสายตาของคาบูจากนั้นไม่นานเธอก็พูดขึ้นว่า “เราไปกันต่อได้แล้ว”
“ตกลง…ไปกันเถอะ” คาบูพูด
ทีมงานทุกคนในครั้งนี้ได้เตรียมตัวและเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง……..
ติดตามตอนต่อไป……….