ตอนที่ 307 สวนกลับ
เมื่อดวงอาทิตย์ลอยอยู่ท่ามท้องฟ้าอย่างชัดเจน ม้าสามตัวก็ข้ามภูเขามาแล้วหนึ่งลูก ลักษณะภูมิประเทศนั้นเป็นภูเขาขนาดเล็กจึงทําให้ใช้เวลาไม่นาน จนตอนนี้พวกเขามาอยู่ถึงหุบเขาลูกต่อไปแล้ว เซี่ยเหล่ยนั่งอยู่บนหลังม้าและมองกลับไปที่ภูเขาก่อนหน้านี้และในตอนนี้เขาไม่เห็นชาวฮั่นส์เลย เบื้องหลังของเขาตอนนี้เป็นป่าดงดิบรกทึบผิดกับด้านหน้าของเขาในตอนนี้ที่เป็นภูเขาหัวล้านซึ่งดูแห้งแล้งอย่างมาก
“รีบไปกันเถอะ” ทีน่าพูดต่อว่า “เส้นทางของเรายังอีกยาวไกล ตอนนี้เราต้องรีบออกจากหุบเขานี้ให้ได้ก่อนที่จะมืด”
เซี่ยเหล่ยได้หันกลับไปมองที่ด้านหน้าเพื่อมองเส้นทางจากนั้นก็พูดต่อว่า “ทั้งหมดนี้ เป็นภูเขาทั้งหมดแล้วเราจะไปที่ไหนกันต่อล่ะ? ผมจําเป็นจะต้องรู้เส้นทางที่คุณจะใช้ด้วย”
แคนลามี่มองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมพูดให้เขาฟังว่า “เราจะไปกันที่เวิคส์ฮาน คอร์เด่อ หลังจากนั้นเราก็ไปถึงเมืองใหม่ แล้วก็ไปต่อตามถนนชิลล์โร้ด นี่คือสิ่งที่คุณควรจะรู้”
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นทันทีว่า “ผมคิดว่าเราจะไปที่สนามบินปากีสถานแล้วบินตรงไปยัง ประเทศจีนซะอีก”
ทีน่าพูดว่า “ความเห็นของคุณดูเหมือนจะปลอดภัยและรวดเร็ว แต่ไม่ใช่…มันเป็น เส้นทางที่อันตรายที่สุด เราถูกล็อคเป้าหมายโดยทหารสหรัฐอเมริกา ถ้าเราไปที่สนามบินปากีสถาน เราจะต้องเผชิญกับกองทัพสหรัฐอย่างแน่นอน ไม่เพียงแค่นั้น มันยังรวมไปถึงกลุ่มเซ็นไอดร้าอีกด้วยที่เราจะต้องเจอ”
“นอกจากนี้ ยังมีชนเผ่าอีกมากมายที่อยู่ตามทางกว่าจะไปถึงสนามบินปากีสถาน ” แคนลามี่พูด
“ตกลง งั้นเราจะเดินทางไปที่เวิคล์ฮาน คอร์เด่อ” เชี่ยเหล่ยพูดต่อว่า “แล้วเราต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะไปถึงที่นั่น”
“ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ก็จะใช้เวลาราวๆครึ่งเดือน” ทีน่า
“คะ คะ..ครึ่งเดือน…” เซี่ยเหล่ยพูดตะกุกตะกัก เนื่องจากเขาตกใจกับเวลาในการเดินทางที่ใช้เวลายาวนานและดูเหมือนจะต้องพบกับความลําบากมากมาย
“ไปกันต่อได้แล้ว!” ทีน่าเตะไปที่ม้าเบาๆเพื่อให้ม้าออกวิ่งและทันใดนั้นเอง ม้าสีขาวของเธอออกวิ่งทันทีที่ได้รับคําสั่ง
แคนลามี่เองก็ออกคําสั่งให้ม้าของตัวเองเริ่มออกตัววิ่ง จังหวะที่มันวิ่งอยู่นั้นเอง ก้นที่ นุ่มนิ่มของแคนลามี่กระแทกเข้ากับอานม้าเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง….
ด้วยภาพที่เซี่ยเหล่ยเห็นทําให้เขาคิดกลับไปถึงช่วงเวลาเมื่อคืนนี้ที่อยู่ที่บ้านของแคนลามี่ แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มต้นได้เพียงแค่นิดเดียวแต่เซี่ยเหล่ยก็จดจําวินาทีนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาจดจําภาพหน้าอกของแคนลามี่ได้อย่างชัดเจน
เซี่ยเหล่ยเริ่มควบม้าและเริ่มออกตัวเช่นกัน เขาตามผู้หญิงทั้งสองคนไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ต่างจากเจมส์บอนด์สายลับกู้โลกซักเท่าไหร่เลยเพราะทุกครั้งที่บอนด์ออกทําภารกิจ เขาก็จะต้องมีสาวสวยคอยช่วยเหลือเช่นในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“การเดินทางผ่านเส้นทางชิลล์โร้ดไปพร้อมกับพวกเธอน่าจะเป็นการเดินทางที่ดีไม่ ใช่น้อย” เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
ในตอนเย็นทั้งสามได้มาถึงภูเขาลูกหนึ่ง ภูเขาลูกนี้มีพื้นมีร่องรอยเหมือนกับว่าที่นี่เค ยมีถนนตัดผ่านมาก่อน แต่ตอนนี้มันเสียหายอย่างมากจนไม่สามารถขี่ม้าต่อไปได้
“เราต้องหาทางขึ้นภูเขาลูกนี้อย่างระมัดระวัง จากนั้นค่อยไปตั้งแคมป์พักแรมด้าน บน” ทีน่าพูดเสร็จก็กระโดดลงจากม้าจากนั้นก็จูงม้าเดินขึ้นเขา
แคนลามี่และเซี่ยเหล่ยก็กระโดดลงจากหลังม้าเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ก็จูงม้าของตัวเอง แล้วเดินตามที่น่าไป
“เมื่อถึงประเทศจีน คุณจะซื้อเสื้อผ้าให้ฉันได้หรือไม่” ในขณะที่กําลังจูงม้าเดินอยู่นั้นแคนลามี่ก็ถามเซี่ยเหล่ยแล้วพูดต่อว่า” ฉันได้ยินมาว่าเสื้อผ้าที่จีนมีราคาถูกมาก ฉันอยากได้เสื้อผ้าหลายๆตัว แต่ฉันก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อมากมายขนาดนั้น”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณขายแกะแล้วทําไมไม่รวยหล่ะ?”
แคนลามี่มองไปที่เซี่ยเหล่ยแล้วก็พูดว่า “มันก็ไม่ได้มีราคาแพงอะไรมากมาย จะว่าไป…ถ้าอย่างนั้นฉันจะขายมันให้คุณในราคาสองเท่า จากนั้นค่อยเอาเงินนั้นไปซื้อเสื้อผ้า!”
เซี่ยเหล่ย “… “
ผู้หญิงชนเผ่าเฮปตาไลท์มีนิสัยที่ชอบทําตามใจตัวเองเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนแคนลามี่จะไม่ได้เอาแต่ใจเหมือนกับคนอื่นๆ เพราะเธอเองก็ไม่ได้เอาเปรียบเซี่ยเหล่ยโดยการข่มขู่หรือรีดไถเงิน เพราะเธอเองก็ใช้แกะในการขายเพื่อแลกกับเงิน เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่ค่อนข้างจะมีอายุในชนเผ่าเฮปตาไลท์แน่นอน เพราะเธอพวกนั้นจะใช้วิธีขมขู่และวิธีการที่รุนแรงเพื่อให้ได้เงินมา
“เมื่อถึงประเทศจีนแล้วคุณจะหนีพวกเราหรือไม่?” แคนลามี่หันไปหาเซี่ยเหล่ยอีกครั้งแล้วพูดขึ้นในขณะที่หันมาพูดกับเซี่ยเหล่ยนั้น เท้าขางหนึ่งของเธอก็ดันลื่นขึ้นมา ทําให้เธอกําลังจะล้มลงไปที่พื้น
เซี่ยเหล่ยหันไปเห็นพอดี เขาก็ได้รีบดันก้นของเธอเพื่อช่วยส่งแรงให้กับแคนลามี่ไม่ ให้ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น จังหวะที่เซี่ยเหล่ยจับไปที่ก้นของแคนลามี่นั้น เขาไม่สามารถอธิบายเป็นคําพูดได้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไรในขณะที่กําลังสัมผัสมัน
แคนลามี่หันไปมองเซี่ยเหล่ยแล้วพูดขึ้นว่า “ขอบคุณ ฉันนึกว่าคุณจะปล่อยให้ฉันล้ม ลงกระแทกพื้นซะอีก”
เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมรอยยิ้มไปว่า “ทําไมหล่ะ? ผมอยู่ข้างหลังคุณ ผมจะช่วยเหลือ
คุณเอง”
แคนลามี่กระพริบตาและมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างจริงจังเหมือนกับว่าต้องการที่จะบอ กอะไรบางอย่าง…..
ใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาแต่เต็มไปด้วยความน่ารักและสดใสนั้นน่าหลงไหลอย่างมาก แต่ ด้วยความเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทําให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกสับสนในหัวใจ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดไปถึงเรื่องระหว่างตัวเองและแคนลามี่แล้ว เซี่ยเหล่ยก็ยิ้มและหัวเราะเบาๆอย่างไม่รู้ตัว
จู่ๆแคนลามี่ก็ได้ยินเสียงคิกคักอยู่ด้านหลังของเธอทําให้เธอหันกลับไปมอง เสียงนั้นออกมาจากเซี่ยเหล่ย แคนลามี่ที่มองไปที่เซี่ยเหล่ยในตอนนี้ เธอรู้สึกเหมือนกับว่ารอยยิ้มของเซี่ยเหล่ยที่ปรากฏอยู่นั้นมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยที่เห็นว่าแคนลามี่หันกลับมามองนั้นก็รู้สึกใจหวิวๆเล็กน้อย
ด้านหน้าขบวนซึ่งก็คือทีน่า จังหวะเดียวกันนี้เธอก็ได้หันหน้ากลับไปมองที่เชี่ยเหล่ย และแคนลามี่ที่อยู่ด้านหลังของเธอ ทีน่าเห็นจังหวะที่เซี่ยเหล่ยหดมือกลับจากก้นของแคนลามี่ทําให้เธอส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่ริมฝีปาก
เซี่ยเหล่ยเป็นคนที่ซื่อสัตย์อย่างมาก ทีน่าประทับใจในเรื่องนี้ของเขาเพราะเธอไม่เคย เชื่อใจผู้ชายคนไหนมาก่อน แม้ว่าเขาอาจจะไม่ชอบแคนลามี่แต่เขาก็ไม่ได้รําคาญเธอหรือทําให้เธอไม่พอใจแม้แต่ครั้งเดียว
เวลานี้ดวงอาทิตย์ก็เริ่มจะลับขอบฟ้า
ทีน่า แคนลามี่ และเซี่ยเหล่ยในตอนนี้ยังไม่ถึงจุดพักแรม ฟ้าก็เริ่มจะมืดเสียแล้ว
“เราต้องเร่งกันหน่อยแล้ว” ทีน่าพูดต่อว่า “ถ้าเราเร่งความเร็วในการเดินขึ้นอีกหน่อยก็คงจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงเราก็จะถึงยอดเขาซึ่งเป็นจุดพักแรมของเราแล้ว”
แคนลามี่พูดทันทีว่า “หัวหน้า ท้องของฉันหิวมากแล้ว ขาของฉันเองก็เริ่มล้าแล้วด้วย เราสามารถ…..”
ก่อนที่แคนลามี่จะพูดจบนั้นจู่ๆท้องฟ้าตอนนี้ก็มีเงาสีขาวบินพาดผ่าน
เซี่ยเหล่ยเงยหน้ามองไปที่เงาสีขาวที่พาดผ่านทันทีซึ่งมันก็คือโดรนลําหนึ่งภายใต้ปีก ของโดรนนี้มีขีปนาวุธจรวดนําวิถีติดตั้งไว้ด้วย
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยหันไปมองที่โดรน มันก็ปล่อยจรวดขีปนาวุธทันที.
“หมอบลง!” เซี่ยเหล่ยตะโกนขึ้นพร้อมปล่อยมือจากหลังม้าและจับตัวแคนลามี่ให้ หมอบลงกับพื้นโดยที่ตัวเขานอนทับเธอลงไป
ด้านหน้าที่เป็นทีน่านําขบวนอยู่ เธอก็ได้ยินเสียงที่เซี่ยเหล่ยตะโกนออกไป นั่นทําให้ เธอหมอบลงด้วยเช่นกัน
ทั้งสามคนตอนนี้หมอบลงกับพื้นหมดแล้ว จังหวะเดียวกันนี้เอง ขีปนาวุธที่อยู่ใต้ปีก ของโดรนก็ตกลงไปบนยอดเขา
ตูม! ทันทีที่ขีปนาวุธกระทบกับยอดเขาเกิดเสียงระเบิดก็ดังขึ้น เศษหินต่างๆที่เกิดจา กการแตกของแรงระเบิดก็ได้กระเด็นแผ่ไปทุกทิศทุกทาง
ม้าที่ได้ยินเสียงระเบิดนี้ก็ตกใจและส่งเสียงร้องออกมาด้วยความกลัว
ม้าตัวที่เซี่ยเหล่ยใช้ขี่มานั้น ตอนนี้ถูกเศษก้อนหินขนาดใหญ่ที่ปลิวขึ้นไปบนฟ้า ก่อ นหน้านี้ตกใส่หัวของมันอย่างจัง ทําให้มันล้มลงไปนอนกับพื้นทันทีพร้อมเลือดที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
ตูม !! ขีปนาวุธลูกที่สองถูกยิงลงมายังใกล้ๆกับจุดเดิมอีกครั้ง มีเศษหินมากมายที่เกิดจากการกระเด็นเพราะแรงอัดระเบิดของขีปนาวุธ ทําให้ตอนนี้เส้นทางที่ก่อนหน้านี้ เรียบพอจะใช้เป็นเส้นทางในการเดินทางได้ ตอนนี้กลายเป็นทางที่ขรุขระและเดินทางได้อย่างยากลําบากแทน
เซี่ยเหล่ยที่ตอนนี้นอนกดทับตัวของแคนลามี่ไว้อยู่ จังหวะนี้เขาก็รีบลุกขึ้นยืนและวิ่ง ไปที่ม้าที่เขาใช้ขี่มาจากนั้นก็รีบหยิบปืนไรเฟิลขึ้นมา
การกระทําในครั้งนี้ค่อนข้างที่จะชัดเจนมากว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการให้ถึงกับชีวิต เพียงแค่ต้องการปิดกันเส้นทางการเดินทางให้ยากลําบากมากขึ้นก็เท่านั้น!
จริงๆแล้วในขณะที่เชี่ยเหล่ยกําลังหยิบปืนไรเฟิลขึ้นมานั้น สายตาของเขาก็หันไป มองที่ยอดเขาพอดี นั่นทําให้เขาเห็นเครื่องบิน UH-60 แบล็คฮอคสามลําบินอยู่เหนือยอดเขาและทั้งสามลําในตอนนี้ก็มีกองกําลังหลายคนกําลังสไลด์ตัวลงมาตามเชือกสลิง
นั่นทําให้เซี่ยเหล่ยรีบเล็งไปที่ที่นั่งคนขับเฮลิคอปเตอร์ UH-60 แบล็คฮอคลําหนึ่ง เซี่ยเหล่ยใช้เวลาเล็งอยู่เพียงหนึ่งวินาที เขาก็ลั่นไกออกไป กระสุนนั้นได้พุ่งตรงเข้ากระจกด้านหน้าตัวเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นก็ทะลุเข้ากลางหน้าอกของนักบินทันที
การยิงของเซี่ยเหล่ยทําให้นักบินเสียชีวิตในทันที หลังจากการตายของนักบินทําให้ ไม่มีคนคอยควบคุมเฮลิคอปเตอร์ มันจึงเริ่มเสียหลักและเสียการทรงตัว กองกําลังหลายคนที่ยังอยู่ในห้องโดยสารของเฮลิคอปเตอร์ รวมทั้งคนที่กําลังสไลด์เชือกลงมาอยู่นั้น ตกใจกันอย่างมาก พวกเขาไม่กล้าที่จะกระโดดลงมา เพราะในขณะนี้เครื่องบินอยู่สูงจากพื้นดินเกินไป
ปัง!! เซี่ยเหล่ยยิงนัดที่สองออกไป เขายิงซ้ำที่หน้าอกของนักบินคนเดิม
ปัง! กระสุนนั้นที่สามนัดนี้เป็นการสั่งลานักบินคนนั้น กระสุนนัดที่สามนี้ตรงเข้าหัวอ ย่างจังและการที่ก่อนหน้านี้ไม่มีคนคอยบังคับเฮลิคอปเตอร์ มันจึงเสียการทรงตัวมากขึ้นและร่วงลงพื้นในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมา ด้วยระยะเวลาที่น้อยทําให้ไม่มีใครสามารถกระโดดออกมาจากห้องโดยสารได้ทัน
ตูมม!! เสียงระเบิดดังขึ้นและเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เปลวไฟขนาดมหึมาถูกปล่อยออกมาทุกทิศทุกทางจากตัวเฮลิคอปเตอร์ ด้วยแสงของเปลวไฟขนาดมหึมานี้ทําให้มันส่องสว่างเต็มท้องฟ้าเป็นประกายสีแดงจ้า
เซี่ยเหล่ยจําเป็นที่จะต้องกําจัดเป้าหมายในตอนนี้ให้สิ้นซาก เขาจะไม่ปล่อยให้ใครเหลือรอดไปได้ เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ทั้งทีน่าและแคนลามี่ อาจจะถูกฆ่าตายได้ทุกเวลา หากเลวร้ายที่สุดคือการที่เซี่ยเหล่ยถูกจับตัวไปได้ นั่นจะทําให้ทีน่า และแคนลามี่ถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน เซี่ยเหล่ยเองก็จะต้องถูกจับไปทดลองและสุดท้ายถ่างหยู่เหยี่ย หนิงจิง และ นักวิจัยที่เหลือก็จะตายอยู่ที่ชนเผ่าเฮปตาไลท์!
นี่คือสนามรบไม่มีคําว่าปราณี ด้วยกองกําลังเหล่านี้ก่อนหน้านี้ได้ทําการซุ่มโจมตีจน ทําให้เหล่าเจ้าหน้าที่ที่มาด้วยในตอนแรกต้องตายอย่างอนาถ มันอนาถขนาดที่ว่าพวกเขาตายแล้วไม่สามารถที่จะจัดพิธีทางศาสนาให้และนําตัวกลับประเทศได้ นี่เป็นเหตุผลที่ทําให้เซี่ยเหล่ยไม่ลังเลที่จะยิงออกไป
อย่างไรก็ตาม การที่จัดการเครื่องบินไปได้หนึ่งลําพร้อมกับกองกําลังจํานวนหนึ่งได้ แล้วในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีเสียทั้งหมด เพราะตอนนี้เฮลิคอปเตอร์อีกสองลําได้ขนกองกําลังลงถึงพื้นจนหมดแล้ว หลังจากที่ลงถึงพื้นจนหมดแล้ว หนึ่งในเฮลิคอปเตอร์สองลํานั้นได้ยิงจรวดนําวิถีไปยังจุดที่ทั้งสามคนหมอบอยู่
หลังจากการยิงจรวดนําวิถีแล้ว เฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลําก็ได้บินขึ้นและขับออกจาสนามรบไป
การยิงจรวดนําวิถีมานี้เป็นการข่มขู่ก็เท่านั้น เพราะตราบใดที่เซี่ยเหล่ยยังอยู่ตรงนั้น พวกเขาจะไม่มีทางยิงจรวดนําวิถีไปยังจุดที่เซี่ยเหล่ยหมอบอยู่ตรงๆแน่ๆ นั่นก็เพราะพวกเขาต้องการจะจับเซี่ยเหล่ยกลับไปแบบตัวเป็นๆ พวกเขาไม่อยากให้ร่างกายของเซี่ยเหล่ยได้รับความเสียหาย เพื่อที่จะได้นําไปทดลองและตรวจสอบอย่างละเอียด
“เจ็บใจนัก !” แคนลามี่พูดไปอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมพูดต่อว่า “กองทัพสหรัฐเหล่านี้ไม่เคยทําร้ายเรามาก่อนเลย ทําไมตอนนี้ถึงมาทํากับเราแบบนี้กันหล่ะ? ฉันต้องฆ่าพวกมันให้หมด!”
ทีน่ามองไปที่เชี่ยเหล่ยและแคนลามี่ จากนั้นก็มองไปที่เซี่ยเหล่ยอีกครั้งอย่างโมโห พร้อมพูดอย่างเยือกเย็นว่า “จริงๆแล้วคุณเป็นใคร? พวกเราและชาวอเมริกันต่างอาศัยอยู่แบบไม่โจมตีซึ่งกันและกันได้มาตั้งนาน แต่ตอนนี้กลับมาโจมตีพวกเรา? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้!”
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นว่า “รอดไปให้ได้ก่อนแล้วผมจะเล่าให้ฟัง
ปัง ปัง ปัง!
บนเนินเขาตอนนี้จู่ๆก็มีห่ากระสุนถูกยิงมายังจุดที่ทั้งสามคนหมอบอยู่
ติดตามตอนต่อไป…..