TXV – 312 คนละคน !
หลังจากเดินทางโดยเครื่องบินหลายชั่วโมงผ่านไปพวกเขาทั้งหมดก็ถึงสนามบินของเมืองชิงตู่ หลังจากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถแล้วตรงไปยังบ้านของถ่างหยู่เหยี่ย
เมื่อถึงบ้านของถ่างหยู่เหยี่ย ทั้งสามคนไม่รอช้าที่จะเข้าไปด้านใน
“ว้าววว…เตียงนุ่มดีจริงๆ!” แคนลามี่พูดขึ้นหลังจากนอนลงไปที่เตียงของถ่างหยู่เหยี่ยจังหวะที่ลงเธอนอนลงไปนั้นกระโปรงที่สั้นของเธอก็เลิกขึ้น เซี่ยเหล่ยกันไปเห็นจังหวะนี้พอดี ทําให้เขาลืมกระพริบตาไปเลย
เซี่ยเหล่ยรีบตั้งสติก่อนที่จะพูดว่า “วันนี้พวกคุณพักกันที่นี่ก่อนแล้วกัน เรื่องอื่นๆเราค่อยคุยกันต่อในวันพรุ่งนี้ ”
ทีน่าไม่ได้พูดอะไรผิดกับแคนลามี่ที่ตอนนี้เธอลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วพูดขึ้นทันทีว่า “เซี่ยเหล่ย คุณจะให้หัวหน้าของเรานอนกับฉันได้อย่างไร เธอเป็นหัวหน้าชนเผ่าที่มีเกียรติเลยนะ เธอจะมานอนกับสามัญชนอย่างฉันได้ยังไงกันหล่ะจัดห้องให้ใหม่ไม่ได้เหรอ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนที่จะยักไหลขึ้นหนึ่งครั้งจากนั้นก็มองไปที่ทีน่า
ทีน่ามองไปที่แคนลามี่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ฉันให้เซี่ยเหล่ยจัดแบบนี้เองแหละ แคนลามี่เธอไม่อยากนอนกับฉันงั้นเหรอ?”
แคนลามี่ “………….”
ในความเป็นจริงแคนลามี่ไม่ได้มีปัญหาที่ต้องนอนกับทีน่าแต่ที่เธอกําลังพยายามแย้งขึ้นมานี้ ก็เพราะที่จริงแล้ว เธออยากที่จะนอนกับเซี่ยเหล่ยมากกว่าแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้
อันที่จริงแล้วดูเหมือนทีน่าจะรู้และดูออกถึงความต้องการของแคนลามี่ เธอจึงได้บอกกับเซี่ยเหล่ยว่าให้จัดห้องให้ตัวเองได้อยู่กับแคนลามี่เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเกินเลยไปมากกว่านี้
ตลอดเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกันทีน่าไม่เปิดโอกาสให้กับแคนลามี่มีเวลาอยู่กับเซี่ยเหล่ยตามลําพังเลย
เมื่อไม่มีอะไรแล้วเซี่ยเหล่ยก็เดินออกจากห้องไป
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยเดินออกจากห้องไปแล้ว แคนลามี่ก็ถามอย่างไม่พอใจไปว่า ” หัวหน้านี้มันหมายความว่ายังไง? ก็ไหนตอนแรกคุณยกเซี่ยเหล่ยให้กับฉันแล้วนี่ ทําไมหัวหน้าถึงทําแบบนี้? ที่จริงฉันก็ต้องการที่จะนอนกับเขาแล้วหัวหน้าจะนอนกับฉันได้ยังไง? ”
การแสดงออกของทีน่าเป็นไปอย่างจริงจังและเธอก็พูดอย่างเคร่งขรึมไปว่า “เธอยังเด็กเกินไปยังมีอีกหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เธอยังไม่รู้และไม่เข้าใจ ตอนนี้ฉันจะต้องปกป้องเธอและปกป้องชนเผ่าของเราเอาไว้”
“ปกป้องฉัน ……. นอกจากนี้แล้วก็ยังมีชนเผ่าของเราด้วยงั้นเหรอ?” แคนลามี่ พูดต่อทันทีว่า “มันจะเป็นอะไรไปงั้นเหรอหัวหน้าถ้าหากฉันได้นอนกับเซี่ยเหล่ย? แล้วชนเผ่าของเราจะมีผลยังไงงั้นเหรอ?”
ทีน่าใช้มือของเธอเขกไปที่หัวของแคนลามี่หนึ่งครั้งอย่างกะทันหัน
แคนลามี่ร้องโอ๊ยยออกมาพร้อมกับลูบไปที่หัวจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “หัวหน้า! ตัวฉันก็โง่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว นี่คุณยังมาเขกหัวฉันอีกจะให้ฉันกลายเป็นคนโง่มากกว่านี้ใช่มั้ย? ”
ทีน่าจ้องไปที่แคนลามี่ก่อนที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้ที่หูเธอแล้วกระซิบขึ้นมาว่า “นี่…ต่อให้ฉันไม่เขกหัวของเธอ เธอก็ไม่ฉลาดไปมากกว่านี้แล้วและก็จากที่ผ่านมาวันนี้มันชัดเจนอย่างมากว่าทั้งเธอและเขาไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกันได้”
“ทําไมหล่ะ?” แคนลามี่ถาม
“เธอคิดว่าทําไมจู่ๆเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธของกองทัพสหรัฐถึงปรากฏตัวขึ้นที่ชนเผ่าของเราหล่ะ? ทําไมเราถึงถูกไล่ล่า? เซี่ยเหล่ยเป็นตัวแทนของรัฐบาลจีนแถมชาวอเมริกายังต้องการที่จะจับตัวเขา ถ้าเธออยู่กับเขาแล้วชนเผ่าของเราจะเป็นยังไง…คิดดูซิ เราไม่มีทางที่จะต่อต้านกองทัพที่มีประสิทธิภาพขนาดนั้นได้หรอกนะ หากเราจะเป็นศัตรูกับพวกเขา ชนเผ่าของเราจะต้องพบกับความพินาศอย่างแน่นอน”
“แต่ถ้าอย่างนั้น…ทําไมเราถึงต้องมากับเขาด้วยหล่ะ?” แคนลามี่ถาม
“ก็เพราะว่าดาบอาทิสล่า ดาบนั่นถือเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษของชนเผ่าของเรา เราต้องนํามันกลับคืนมาแถมเซี่ยเหล่ยยังเสนอที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำให้กับเราอีกซึ่งด้วยกําลังของเราเองนั้น เราจะไม่สามารถทําเรื่องพวกนี้ได้ถ้าเราไม่มีเซี่ยเหล่ย” ทีน่าพูด
“นี่ไม่ใช่การหลอกใช้เขาหรอกงั้นเหรอ?” แคนลามี่ถาม
“เพื่อชนเผ่าแล้ว ฉันสามารถที่จะเสียสละหรือทําอะไรก็ได้” การแสดงออกของ ทีน่าเป็นไปอย่างแน่วแน่สิ่งที่เธอพูดขึ้นมาเป็นเรื่องจริงดูเหมือนว่าเธอเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วด้วยหากต้องเสียสละอะไรไปบ้าง
“แต่ ……. ในระหว่างการเดินทางฉันสนิทกับเขามากขึ้นแล้วถึงแม้ว่าคุณจะไม่เปิดโอกาสแต่คุณก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องของเรานี่เพราะอะไรหล่ะ?” แคนลามี่ถาม
“นี่อย่าโง่ไปหน่อยเลยที่นี่คือโลกภายนอกชนเผ่าของเรา มันมีของมากมายหลายอย่างที่มีมูลค่าอย่างมากแถมยังหาที่ชนเผ่าของเราไม่ได้อีกด้วย ถ้าหากเธอให้ความรักกับเขาไปแล้ว เขาก็จะให้ความรักกลับมา เราจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เพื่อที่จะใช้เงินของเขาพัฒนาชนเผ่าของเรา “ทีน่าพูด
ตอนนี้แคนลามี่เงียบแล้วอึ้งไปเลย เธอเคยคิดว่าหัวหน้าชนเผ่าเป็นพี่สาวสําหรับเธอและเธอก็รู้จักทีน่าดีแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ความคิดมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้กลายเป็นคนแปลกหน้าสําหรับแคนลามี่ไปแล้ว
การที่ทีน่ากลายเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากเซี่ยเหล่ยนั่นเองเพราะในตอนแรกทีน่าก็คิดว่าเขาเป็นเพียงแค่ตัวแทนชาวจีนที่มาที่นี่ก็เพื่อมาช่วยเหลือตัวประกันก็เท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามเมื่อเธอรู้จักกับเซี่ยเหล่ยมากขึ้น ก็ได้รู้ถึงเบื้องหลังที่เกี่ยวกับตัวเขามากขึ้นด้วยเช่นกันสถานะของเขาไม่ใช่ธรรมดาเลย เขามีสถานะค่อนข้างที่จะใหญ่โตในประเทศจีนแถมกองทัพอเมริกายังต้องการตัวของเขาอีกนั่นทําให้ทีน่าอยากใช้ประโยชน์จากเซี่ยเหล่ยให้ได้มากที่สุด
อีกเรื่องที่สําคัญที่ทําให้ทีน่าเปลี่ยนจุดยืนก็คือการที่เธอรู้ว่าเซี่ยเหล่ยเป็นนักธุรกิจ เขามีโรงงานผลิตอาวุธในประเทศจีนซึ่งทีน่ารู้ดีว่าการที่บริษัทเอกชนมามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของได้นั้น แสดงว่าต้องเป็นบุคคลที่มีความสําคัญอย่างมากนั่นทําให้เซี่ยเหล่ยที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กให้กับเธอนั้น เธอต้องการบางสิ่งบางอย่างมากกว่านี้อีก!
“ทั้งหมดก็เพื่อชนเผ่า” นี่คือสิ่งที่ทีน่าคิดอยู่ในหัว
ด้วยการที่รู้จักสถานะของเซี่ยเหล่ยที่มากขึ้นทําให้ทีน่าได้วางแผนไว้หมดแล้ว เธอรู้ว่า…..
ในห้องนั่งเล่นหลงบิงและเซี่ยเหล่ยนั่งอยู่บนโซฟาและกําลังพูดคุยกันอยู่
“นักวิจัยที่เป็นภารกิจของเราคุณไม่ได้พากลับมา กลับกันคุณดันไปพาผู้หญิงจากชนเผ่าสองคนมาแทนพูดมาเร็วๆฉันอยากจะฟังคําอธิบายจากคุณ ” หลงบึงพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
เซี่ยเหล่ยเริ่มอธิบาย เขาเล่าอย่างระเอียดตั้งแต่ต้นจนจบไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเหล่าเจ้าหน้าที่หรือถ่างหยู่เหยี่ยแม้กระทั่งสถานการณ์ของนักวิจัยในตอนนี้ การถูกดักซุ่มและการต่อสู้กับชนเผ่ารวมไปถึงเรื่องของข้อตกลง เซี่ยเหล่ยก็เล่าไปจนหมดอย่างละเอียด
สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้เล่าคือเรื่องของเซี่ยฉางเหยและเยลเลน่า
เซี่ยเหล่ยใช้เวลาเล่าเรื่องทั้งหมดอยู่นานทีเดียวแต่หลังจากเล่าจบ หลงบึงก็มองเข้าไปในตาของเซี่ยเหล่ยแล้วถามอย่างเคร่งขรึมไปว่า “คุณรู้เรื่องของดาบอาทิส์ล่าได้อย่างไร? แถมยังรู้อีกด้วยว่ามันอยู่ในมือของอันกวน เรื่องนี้ขนาดฉันเองยังไม่เคยรู้มาก่อนถ้าฉันรู้เรื่องนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณและถ่างหยู่เหยี่ยไปเสี่ยงอันตรายที่อัฟกานิสถานอย่างแน่นอน”
คําถามนี้ทําอะไรเซี่ยเหล่ยไม่ได้เพราะเขาคิดคําตอบเอาไว้อยู่แล้วมาก่อนเจอเธอ เซี่ยเหล่ยจึงตอบไปว่า “เรื่องนี้เป็นความบังเอิญจริงๆ อันกวนพ่อของอันซูฮยอนซึ่งเป็นพันธมิตรกับเฉินตูเทียนหยิน ลูกชายของเขาอันซูฮยอนเคยพูดกับเฉินตูเทียนหยินก่อนหน้านี้ว่าเขาภูมิใจในตัว พ่อของเขาอย่างมากที่ตอนนี้มีดาบอาทิส์ล่าไว้ในครอบครอง แถมยังเคยชวนเฉินตูเทียนหยินไปชื่นชมแล้วด้วยและที่อัฟกานิสถานชนเผ่าที่นําทางให้เราคือชนเผ่าไบซีพวกเขาเล่าถึงประวัติของชนเผ่าเฮปตาไลท์ให้ฟังนั่นทําให้ผมคิดข้อเสนอนี้ขึ้นมาได้”
แม้ว่าเรื่องนี้หลงบิงดูจะไม่ได้เชื่อไปทั้งหมดแต่ถ้าเธอคิดจะหาความจริงทั้งหมดก็คงเป็นไปได้ยากเนื่องจากว่าคาบูได้ตายไปแล้ว เธอจึงไม่สามารถขุดศพของเขาขึ้นมาถามความจริงได้
“นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ” หลงบึงพูดแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่พลางถอนหายใจ
เซี่ยเหล่ยพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดไปว่า “ไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าผมจะได้ข้อมูลพวกนี้มาจากไหนกันหล่ะ? จากพวก CIA ของสหรัฐอย่างนั้นรึ? “
หลงบิงเลี่ยงที่จะสบตากับเซี่ยเหล่ยที่กําลังโกรธในตอนนี้แล้วพูดออกไปว่า “คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ที่ฉันต้องพูดและถามมากมายก็เพื่อจะต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้ผู้บริหารือทราบต่ออีกที มันจําเป็นที่จะต้องละเอียดและรอบคอบ เพื่อสําหรับคิดแผนการต่อไปไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน
เซี่ยเหล่ยรู้สึกโล่งใจไม่น้อยเลยในตอนนี้ เขาคลายความกังวลไปบ้างแล้วแต่การที่สํานักงานลับ 101 ยังไม่รู้เรื่องของพ่อของเซี่ยเหล่ย “เซี่ยฉางห่ายนั้น ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีหรือมันจะเป็นเรื่องนี้นําปัญหามาให้กันแน่
“ตอนนี้เข็มทิศอยู่กับผมแล้ว แต่ผมยังให้คุณตอนนี้ไม่ได้” เซี่ยเหล่ยพูด
“ทําไมหละ?” หลงบิงถามเซี่ยเหล่ยด้วยความสงสัย
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า ” นอกเหนือจากเรื่องการช่วยเหลือตัวประกันแล้ว เหมือนกับที่ผมเล่าไปก่อนหน้า ผมยังต้องไปช่วยชนเผ่าเฮปตาไลท์ในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กด้วย มันเป็นการแลกเปลี่ยนในการไปค้นหาสิ่งที่เรากําลังค้นหากันอยู่ซึ่งต้องใช้เข็มทิศอันนี้นําทางเท่านั้น ถ้าไม่ทําเช่นนี้เราจะไม่มีทางหามันเจอ ”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหาหรอกแต่สิ่งที่ขุดได้ประเทศจีนจะเป็นผู้ถือครอง” หลงบิงพูด
“ผมจะยกมันให้กับประเทศจีนเป็นผู้ถือครองอยู่แล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า ดังนั้น สํานักงานลับ 101 จะต้องจ่ายเงินคืนนอกเหนือจากที่ผมจ่ายให้คาบูไปด้วยหล่ะ”
“เฮเฮ้…” หลงบิงพูดพร้อมยิ้ม
“คุณยิ้มอะไร?” เซี่ยเหล่ยถาม
“การแก้ปัญหาของคุณดูเหมือนว่าเงินนั่นมันค่อนข้างที่จะมากเกินอยู่นะสําหรับ สํานักงานลับ 101 แม้เราจะมีเงินพอที่จะจ่ายได้แต่เรื่องนี้ก็ไม่แน่ใจว่าผู้บริหารฉือของเราจะยอมอนุมัติหรือเปล่า อยากให้คุณเผื่อใจไว้หน่อยก็ดี” หลงบิงพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่น ” อันที่จริงการที่ผมเป็นที่ปรึกษาให้คุณถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วผมจะไม่สามารถได้รับเงินคืนก็ตามแต่ก็ควรจะมีการชดเชยในช่องทางอื่นให้กับผมบ้างยกตัวอย่างเช่นให้บริษัทของผมเป็นผู้ผูกขาดสินค้าหรือคําสั่งซื้อสิ้นค้าจํานวนมากอะไรพวกนี้”
เซี่ยเหล่ยเสนอทางเลือกให้เพราะตัวเขาเองก็คิดว่าอาจจะไม่ได้เงินคืน
“ข้อเสนอของคุณนี่มัน… แต่เอาเป็นว่าฉันจะเสนอเรื่องนี้กับผู้บริหารฉือให้ก็แล้วกัน” หลงบิงพูดพร้อมลุกขึ้นยืนและพูดต่อว่า ” ตอนนี้ฉันต้องกลับไปที่สํานักงานลับ 101 แล้ว ฉันส่งคนไปคอยเฝ้ายามผู้หญิงทั้งสองคนนั้นแล้วเช่นกัน คุณไม่จําเป็นต้องห่วงในเรื่องนี้ คุณเอาเวลาไปดูแลโรงงานผลิตอาวุธของคุณจะดีกว่านะ ”
“จริงซินะ หนึ่งเดือนแล้วที่ผมไม่ได้เข้าไปดูเลยคงต้องไปดูซักหน่อยแล้ว “ เซี่ยเหล่ยพูด
หลงบิงพูดทิ้งท้ายและเดินออกไปตอนนี้เซี่ยเหล่ยเองก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องของถ่างหยู่เหยี่ยที่ตอนนี้มีแคนลามี่และทีน่าพักอยู่ ตอนนี้พวกเธอได้อาบน้ำและเปลี่ยนชุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชุดที่พวกเธอใส่กันนี้ก็คือชุดของถ่างหยู่เหยี่ยที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าแต่เนื่องจากขนาดตัวคนละขนาดกัน ทําให้ชุดที่พวกเธอใส่กันอยู่นี้ค่อนข้างที่จะรัดรูปเป็นอย่างมาก
“เซี่ยเหล่ย คุณจะพาฉันไปซื้อเสื้อผ้างั้นเหรอ?” แคนลามี่พูดขึ้นอย่างมีความสุขเพราะคิดว่าเขาจะพาเธอไปคนเดียวแล้วเธอก็จะ……
เซี่ยเหล่ยหยิบบัตรเครดิตออกจากกระเป๋าสตางค์ของตัวเองจากนั้นก็ส่งให้กับทีน่าแล้วก็พูดขี้นว่า ” ภายในบัตรเครดิตมีเงินอยู่หนึ่งแสนหยวน คุณจะเอาไปซื้ออะไรก็ได้ รหัสผ่านบัตรคือหกศูนย์”
“คุณจะให้พวกเราไปกันเองอย่างนั้นเหรอ?” ทีน่าพูดอย่างอุ่นเคือง
“ผมมีเรื่องอีกมากมายที่จะต้องจัดการแต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ผมจะส่งคนไปคอยปกป้องคุณและที่นี่เป็นประเทศจีนจะไม่มีใครสามารถทําร้ายคุณได้” เซี่ยเหล่ยพูด
แคนลามี่ที่ได้ยินเซี่ยเหล่ยพูด เธอเองก็รู้สึกผิดหวัง
“แคนลามี่ เราไปกันเถอะมีหลายอย่างที่เราจะต้องซื้อ” ทีน่าพูด
“ฉันสามารถซื้อเสื้อผ้าได้หรือไม่?” แคนลามี่ถาม
“แน่นอนฉันจะให้เธอ 500 หยวนสําหรับการซื้อเสื้อผ้า” ทีน่าพูด
ติดตามตอนต่อไป….