TXV – 328 ค่ำคืนที่น่าอึดอัด !
จังหวะนี้จู่ๆก็ได้ยินเสียงเห่าของสุนัขถ้าเป็นเปี่ยวเจิ้งหลงกลับมามันจะต้องไม่เห่าแบบนี้ เสียงเท่านี้ทําให้ทั้งเซี่ยเหล่ยและหลางซื่อเหยาตื่นตัวขึ้น พวกเขาหันมามองหน้าและสบตาซึ่งกันและกันก่อนที่จะหันมองไปที่ประตูทางเข้าอย่างรวดเร็ว
“คุณรออยู่นี่ ฉันจะไปดูเอง” หลางซือเหยาพูดพร้อมเดินไปที่ประตู
ในเวลานี้เซี่ยเหล่ยกระตุกตาซ้ายเล็กน้อย เขามองทะลุออกไปก็พบว่าเป็นเบี้ยวเจิ้งหลงแต่ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่เดินกลับมา ด้านหลังของเขามีผู้หญิงคนหนึ่งตามมาด้วย ผู้หญิงคนนั้นเซี่ยเหล่ยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เธอคือหลงบิง
ขณะนี้หลงบิงได้เดินตามเปี่ยวเจิ้งหลงแต่ไม่ใช่แค่นั้นเธอถือปืนจ่ออยู่ที่ท้ายทอยของเขาด้วยในขณะที่กําลังเดิน เซี่ยเหล่ยเห็นเข้าก็ตกใจจึงรีบบอกหลางซื่อเหยาออกไป ว่า “คุณรีบออกไปเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!”
“ฉันเหรอ?” หลางซื่อเหยามองไปที่เซี่ยเหลียอย่างประหลาดใจปฏิกิริยาของเซียเหล่ยทําให้เธอกระวนกระวายใจ
“ผมไม่มีเวลาอธิบายมาก คุณรีบหนีออกไปจากที่นี่ในขณะที่ยังไปได้ซะ เร็วเข้า!” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างกังวล
ถ้าหลงวิ่งเข้ามาสิ่งที่จะเกิดขึ้นมีได้สองอย่างคือหนึ่งหลงบิงฆ่าหลางซือเหยา หรือไม่ก็หลางซือเหยาฆ่าหลงนิ่งนี้เป็นเรื่องยากเช่นกันหากเซี่ยเหล่ยจะต้องเลือกข้างเพราะสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นนี้ เขาไม่มีทางที่จะทําตัวเป็นกลางได้
หลางซื่อเหยาเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เธอคาดเดาได้จากปฏิกิริยาของเซี่ยเหลียจึงทําให้เธอถามว่า “คนของสํานักงานลับ 101 หลงบิงใช่ไหม? “
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าก่อนที่จะหันไปมองทะลุออกไปด้านนอกอีกครั้ง
ด้านนอกกระท่อม หลงบิงกําลังข่มขู่ให้เปี่ยวเจิ้งหลงเดินมาที่กระท่อม
สุนัขที่ถูกล่ามไว้เมื่อเห็นหลงบิงเดินเข้ามาใกล้ก็วิ่งออกไปเพื่อที่จะกัดแต่ยังไม่ทันจะไปถึงตัวของหลงบิง มันก็ถูกยิงเข้าที่หัวตายก่อนที่จะทันได้เข้าไปกัด มันล้มลงไปกองที่พื้นทันทีพร้อมเลือดที่ไหลออกจากรูกระสุน
เปี่ยวเจิ้งหลงต้องการที่จะห้ามไม่ให้มันเข้ามา แต่ก็ไม่ทันได้ทําอะไรเนื่องจากเขาเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ หากทําอะไรผลีผลามอาจจะโดนระเบิดสมองได้ตลอดเวลา
แม้ว่าเสียงปืนที่ทุกคนได้ยินกันอยู่นี้จะเบามากเนื่องจากมันใส่ที่เก็บเสียงไว้ด้วย แต่หลางซื่อเหยาที่อยู่ภายในกระท่อมก็พอจะเดาสถานการณ์ภายนอกได้ เธอไม่ได้ประหลาดใจกับเรื่องนี้แต่เรื่องที่เธอประหลาดใจก็คือว่าหลงบิงมาที่นี่ได้อย่างไร เธอสงสัยอย่างมากจึงหันไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมถามออกมาว่า “ เธอมาที่นี่ได้อย่างไร? ”
“ผมไม่รู้ ไม่มีเวลาให้คุยแล้วรีบหนีไปซะ!” เซี่ยเหลียพูดพร้อมดันเธอไปที่หน้าต่างด้านข้าง
หลางซือเหยายิ้มก่อนจะพูดว่า “คุณยังคงห่วงฉันอยู่”
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะโกรธเพราะได้ยินหลางซือเหยาพูดแบบนั้นแต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เซี่ยเหลียได้ใช้มือผลักไปที่ก้นของหลางซือเหยาให้รีบออกไป พร้อมพูดอีกครั้งว่า “ไปซะ!”
ลักกันของหลางซือเหยาไปนั้น ในความเป็นจริงเขาไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นเพราะความเคยชินจึงทําให้เขาทําออกไปโดยไม่รู้ตัว
หลังจากให้หลางซือเหยาออกไปแล้ว เขาก็รีบเดินกลับไปที่ประตูหน้าทันที
“อย่าทําให้เรื่องมันยุ่งยากเลย เราไม่ใช่ศัตรู” เบี้ยวเจิ้งหลงพยายามอธิบายให้หลงบิงฟังในขณะที่เดินมาถึงหน้าประตูกระท่อมพอดี
หลงบิงไม่สนใจเธอกระซิบเปี่ยวเจิ้งหลงว่า ”เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
ทันทีที่หลงบิงพูดจบประตูก็เปิดอย่างกระทันหันไม่ใช่ว่าเปี่ยวเจิ้งหลงจะเป็นคนเปิดแต่เป็นเซี่ยเหล่ยที่เปิดออกมาเอง
ในขณะที่ประตูกําลังเปิดออก หลงบิงก็หันปากกระบอกปืนไปที่ประตูแต่เมื่อเห็นว่าเป็นเซี่ยเหลียที่อยู่ที่ประตู เธอก็หันปากกระบอกปืนกลับไปที่หัวของเปี่ยวเจิ้งหลงเหมือนเดิม ส่วนสายตาของเธอก็สอดส่ายเข้าไปภายในกระท่อม
เซี่ยเหล่ยรีบพูดทันทีว่า “ลดปืนลงเถอะ เขาไม่ใช่ศัตรู เขาช่วยผมเอาไว้”
“เขาช่วยคุณยังงั้นเหรอ? ยังไงหล่ะ?” หลงบิงลดปืนลงพร้อมถามออกไปด้วยความสงสัย
“ใช่…ผมจ่ายเงินให้เขา” เซี่ยเหล่ยพูดโกหกออกไป
หลงวิ่งเข้าไปสํารวจภายในกระท่อมด้วยความระมัดระวัง ผู้หญิงทุกคนชอบห้องที่สะอาดหลงบิงก็เช่นกันเมื่อเธอเห็นว่าไม่มีใครเธอก็รีบเดินออกไปเพราะทนไม่ไหวกับสภาพห้อง เมื่อออกมาแล้วเธอจึงพูดขึ้นว่า “เราไปกันเถอะ”
เปี่ยวเจิ้งหลงมองไปที่เซี่ยเหล่ยเหมือนต้องการจะถามแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา หลังจากที่เห็นหลางซือเหยาหายตัวไปและเซี่ยเหล่ยรู้จักกับผู้หญิงที่เอาปืนจ่อหัวของเขา เขาก็พอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของทั้งสามคนได้แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม
เซี่ยเหลยเดินตามหลงบิงไป ทางที่เธอเลือกเดินนี้มีโคมไฟข้างทางไม่มากนัก นี่เป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนใช้กันเท่าไหร่ระหว่างที่เดินอยู่เซี่ยเหล่ยก็หันไปมองรอบๆ ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นที่นอนสําหรับคนไร้บ้าน
“คุณหาผมเจอได้ยังไง?” เซี่ยเหล่ยถามหลงวิ่งด้วยความสงสัย
หลงบิงตอบว่า “ยังจําตอนที่เรากินอาหารกันก่อนออกเดินทางได้ไหม?”
เซี่ยเหล่ยก็ยังคงแปลกใจว่ามันเกี่ยวกันยังไงก่อนที่จะพูดว่า “ได้สิ คุณยังบอกด้วยว่านี่ถือเป็นงานฉลอง”
” แล้วยังจําได้ไหมว่าฉันให้โจ๊กคุณหนึ่งถ้วย” หลงบิงยังคงถาม
“เรื่องนี้มันไปเกี่ยวกับโจ๊กได้ยังไง ถ้าคุณไม่ต้องการจะบอกผม ก็ลืมมันไปซะเถอะ” เซี่ยเหล่ยพูด
“ในโจ๊กที่คุณกินไปมันมีเครื่องจีพีเอสที่มีรูปร่างเหมือนเม็ดข้าวรวมอยู่ ด้วยสิ่งนี้ช่วยให้ฉันหาคุณเจอ” หลงบิงตอบ
เซี่ยเหลียตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “แสดงมันยังอยู่ในท้องของผม… “
“คุณเป็นคนพิเศษสําหรับเราและยังสําคัญต่อประเทศของเราอีกด้วย เราต้องพึ่งคุณในการไปยังอัฟกานิสถานเพื่อช่วยถ่างหยู่เหยียและเหล่านักวิจัยที่ยังถูกจับไว้เป็นตัวประกัน เราไม่สามารถสูญเสียคุณไปได้ ดังนั้นฉันจึงต้องใช้วิธีนี้มันเป็นทางที่ปลอดภัยที่สุดและการที่ฉันไม่ได้บอกคุณก่อนก็เพราะไม่อยากให้คุณคิดมาก ๆ
เซี่ยเหลียหัวเราะกับตัวเองก่อนพูดว่า “พวกคุณมันบ้ากันไปใหญ่แล้ว?”
“อยากจะระบายอะไรก็ก็ทําไปแต่ฉันจะบอกไว้ว่าที่เราทําไปก็เพื่อประเทศของเรา” หลงบิงพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดต่อทันทีว่า “ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น ในท้องของฉันเองก็มี ถ่างปั่วฉ่วนก็เช่นกัน ส่วนเรื่องเพื่อนของคุณถ้าฉันไม่เห็นแก่หน้าคุณแล้วละก็ฉันจะส่งเขาไปอยู่ในคุกซัก10ปีแล้ว “
“ไม่…ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นก่อน “ เซี่ยเหล่ยพูด
แต่ความจริงคือเซี่ยเหล่ยเองก็เสียใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย เขาสามารถที่จะหนักแน่นและห้ามไม่ให้ฉิงเสวียงขโมยของสะสมของอันกวนได้
“โอเค เราจะพูดถึงเรื่องอื่นก่อน ยังไงซะเราก็ยังต้องไปอีกไกลยังมีเวลาอีกเยอะ” หลงบิงพูดจากนั้นก็พูดต่อทันทีว่า “งั้นเรามาพูดถึงเรื่องของหลางซื่อเหยากันดีกว่า”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกตกใจไม่น้อย เขาสงสัยว่าทําไมหลงบิงจู่ๆก็พูดถึงหลางซือเหยาในตอนนี้หรือว่าเธอจะเจอร่องรอยของหลางซื่อเหยาอย่างนั้นเหรอ?
“ไม่อยากจะคุยเรื่องนี้งั้นเหรอ?” หลงบิงถาม
“คุณ ……. จะพูดถึงเธอทําไม?” เซี่ยเหลียพูดพร้อมมองไปที่หน้าของเธอจากนั้นก็พูดต่อว่า “คุณก็รู้ว่าผมไม่อยากที่จะพูดถึงเธอ”
หลงบิงเองก็หยุดเดินและมองไปที่เซี่ยเหลียเช่นกัน
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “มีอะไร?”
หลงบิงส่ายหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณเป็นคนฉลาดมากกว่าทุกคนที่ฉันเคยเจอ แต่คุณเองก็พลาดเหมือนกันตรงที่คุณติดต่อกับหลางซือเหยา คุณคิดว่าฉันไม่รู้อย่างนั้นเหรอ คุณคิดว่าฉันไม่สามารถหาสถานะที่แท้จริงของเธอได้งั้นเหรอ? ในตอนแรกเธอเริ่มออกนอกประเทศก่อน ไม่นานพ่อของเธอก็ตามไปติดๆ สัญชาตญาณของฉันไม่เคยพลาด ฉันคิดว่ามันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ดังนั้นฉันจึงได้ตรวจสอบสถานะของเธออย่างละเอียด ที่นี้คุณลองเดาดูสิว่าฉันเจออะไรมาบ้าง?”
เซี่ยเหล่ยตกใจจนทําอะไรไม่ถูกเลย
“จะให้ฉันพูดออกมาหรือคุณจะพูดออกมาเอง?” หลงบิงพูดแต่ระหว่างการพูดนั้นน้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการลองใจ
เซี่ยเหล่ยรู้สึกสับสนถ้าเกิดเขาบอกเรื่องราวของหลางซือเหยาออกไปเอง เธออาจจะหมดความไว้วางใจที่มีได้
บรรยากาศระหว่างเขาทั้งคู่กลายเป็นเคร่งเครียดและอึดอัดทันที
อย่างไรก็ตามแม้ว่าบรรยากาศในตอนนี้จะดูเคร่งเครียดและอึดอัด แต่เซี่ยเหล่ยก็ปรับตัวเองให้กลับเป็นปกติภายในเวลาไม่นาน สมองเขาทํางานอย่างรวดเร็วมันสั่งการให้กระตุกตาซ้ายเล็กน้อยทันทีจากนั้นสายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นมองทะลุเขามองเข้าไปยังหัวใจของเธอ
อัตราการเต้นหัวใจของหลงบิงตอนนี้เต้นน้อยกว่า10ครั้งใน 10วินาที โดยปกติอัตราการเต้นหัวใจของผู้หญิงจะอยู่ในช่วง 60-70 ครั้งต่อนาที ถ้าออกกําลังกายก็จะเต้นเร็วขึ้น แต่อัตราการเต้นหัวใจของเธอในตอนนี้เป็นอัตราการเต้นเดียวกับคนที่กําลังนอนหลับ
การเต้นของหัวใจเธอถือว่าอยู่ในเกณฑ์ไม่ปกติ นี่แสดงให้เห็นว่าเธอกําลังพยายามควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองให้ดูสงบ
ถ้าเธอรู้สถานะของหลางซื่อเหยาจริงอย่างน้อยเธอจะต้องโกรธหรือโมโหบ้าง แม้ว่าเธอจะพยายามทําให้อัตราการเต้นของหัวใจตัวเองดูสงบแต่ในความเป็นจริงมันไม่สามารถทํา ได้เนื่องจากอารมณ์มีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจโดยตรง
การที่เธอไม่โกรธเลยแบบนี้แสดงว่าเธอยังไม่รู้ความจริง เธอแค่กําลังหลอกถาม และกําลังลองใจอยู่
ระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดนี้น้อยกว่า 30 วินาที เซี่ยเหล่ยรู้ว่าหลงบิงกําลังจะทําอะไร เขาถอนหายใจจากนั้นก็พูดอย่างผ่อนคลายว่า “จริงๆผมก็ไม่รู้จักเธอทั้งหมดหรอกนะ แม้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันหลายเดือน แต่ผมก็ไม่รู้อดีตของเธอทั้งหมด ผมรู้แค่ว่าเธอเคยเรียนที่สหรัฐอเมริกาก็แค่นั้น ถ้าคุณรู้อะไรก็บอกผมมาได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่สนใจเพราะเราเลิกกันแล้ว”
ด้วยการตอบไปแบบนี้ แม้ว่าหลงบิงจะรู้ถึงอดีตของหลางซื่อเหยาในภายหลังมันก็จะไม่มีผลกระทบต่อเขา
“คุณไม่อยากจะพูดงั้นเหรอ?” หลงบิงถามย้ำ
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ก่อนจะพูดว่า “ผมก็รู้เท่าที่ผมรู้? คุณต้องการจะให้ผมพูดอะไร
กันแน่?”
หลงบิงงอปากเล็กน้อยจากนั้นก็พูดออกไปว่า “ถ้างั้นก็ลืมมันไปซะเถอะ อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนี้ดีกว่า เราไปทางนี้กันเถอะ ”
หลังจากเดินไปตามการนําของหลงบิงตอนนี้พวกเขาก็ออกมาถึงถนนสายหนึ่งใกล้กับทางที่พวกเขากําลังเดินออกมานี้มีรถบรรทุกจอดอยู่คันหนึ่ง ถ่างปั่วฉ่วนนั่งอยู่ในรถคันนั้นเขาสวมเสื้อผ้าสีฟ้าและริมฝีปากของเขาก็มีเคราหนาสีดํา
จังหวะนี้ถ่างปั่วฉ่วนก็ลงมาจากรถและเปิดตู้คอนเทนเนอร์ออกพร้อมกับส่งสัญญาณให้หลงบิงและเซี่ยเหลียเข้าไปข้างใน
เซี่ยเหล่ยปืนเข้าไปภายในตู้คอนเทนเนอร์ เขาพบว่าภายในมีอาหารทะเลอยู่มากมายและกลิ่นภายในของมันก็แรงเช่นกัน
หลงบิงเองก็ปีนเข้าตู้คอนเทนเนอร์มาเหมือนกัน เธอเอื้อมมือออกไปและเจอกับกล่องไม้สีดํายาวสองเมตร สิ่งนี้ดูเหมือนโรงศพอย่างมาก
เซี่ยเหลียเข้าใจว่านี่จะเป็นที่แอบของเขา เขากําลังจะเข้าไปซ่อนตัวภายในกล่อง แต่ไม่ทันไรหลงบิงก็ชิงตัดหน้าและเข้าไปอยู่ในตําแหน่งที่สบายที่สุด ซึ่งไม่ใช่ภายในกล่องสีดํา
“ไม่จําเป็นต้องซ่อนอีกงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามเพราะแม้ว่าจะอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์แล้วก็ตามแต่ก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะเข้าไปซ่อนอยู่ในตู้แช่ก็ได้นะ” ถ่างปั่วฉ่วนพูดพร้อมรอยยิ้ม
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ถ่างปั่วฉ่วน แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ถ่างปั่วฉ่วนปิดตู้คอนเทนเนอร์
หลังจากปิดตู้รถก็เริ่มออกเดินทางทันที แต่ไม่ถึง20วินาทีหลังออกตัว รถบรรทุกก็ได้ขึ้นเนินหลังเต่า เซี่ยเหลียจึงเสียการทรงตัว หน้าของเขาไปกระแทกเข้ากับหน้าอกของหลงบิงอย่างจัง
“อย่าได้ใจให้มันมากนัก ไม่งั้นปืนของฉันจะไม่อยู่นิ่ง” หลงบิงกระซิบเซี่ยเหล่ย
จังหวะนี้รถบรรทุกก็กระขึ้นเนินหลังเต่าอีกครั้ง ครั้งนี้ปากของเซี่ยเหลียได้ไปประกบเข้ากับปากสีเชอร์รี่ของหลงบิง…
ติดตามตอนต่อไป…..