TXV –
สามวันต่อมาที่ชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์
แคนลามี่และเซี่ยเหล่ยนำดาบอาทิส์ล่ากลับไปยังชนเผ่า พร้อมกับหัวและศพของทีน่า สองเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญของชนเผ่าอย่างมาก เนื่องจากแคนลามี่สามารถโค่นหัวหน้าคนเก่าลงได้ แถมยังเป็นนักสู้และมือปืนที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นจึงมีการจัดงานเพื่อให้เธอได้เข้ารับตำแหน่งตามประเพณีในส่วนของเรื่องนี้มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จนตอนนี้แบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม
แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ เซี่ยเหล่ยได้นำเครื่องบันทึกเสียงที่ดักฟังเสียงของทีน่าไว้ก่อนหน้านี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ทีน่าได้ทำข้อตกลงกับหัวหน้าของชนเผ่าอิกคา ‘อาบูตูลู’ ใจความว่าเธอจะทำการยกเซี่ยเหล่ยให้กับชาวอเมริกันหลังจากนั้นก็จะฆ่าแคนลามี่ทิ้งด้วยเหตุผลนี้ทำให้ฝ่ายที่คัดค้านการขึ้นเป็นหัวหน้าของแคนลามี่ได้คลายข้อสงสัย และทำให้แคนลามี่ขึ้นเป็นหัวหน้าคนใหม่อย่างไร้ข้อกังขา
ไม่นานผู้คนในชนเผ่าต่างพากันฆ่าหมูและฆ่าแกะสำหรับพิธีแต่งตั้งหัวหน้าเผ่าคนใหม่
เซี่ยเหล่ยเองก็ปลีกตัวออกไปและรายงานความคืบหน้าให้กับผู้บริหารฉือฟังผ่านโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม
”หมายความว่าจะให้พวกเขากลับได้เลยใช่ไหม? มีอะไรอีกหรือเปล่า?” เซี่ยเหล่ยพูดกับฉือโบเหยิยนผ่านทางโทรศัพท์ดาวเทียมในขณะที่เขาพูดอยู่นั้นถ่างหยู่เหยี่ยก็ได้ยินเสียงพูดและรู้สึกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมพูดว่า “คุณเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางกลับของพวกเขา รวมถึงคุณด้วย ส่วนผมจะอยู่ที่นี่ก่อนเพื่อทำภารกิจต่อ หลังจากเสร็จงานแล้วผมเองก็จะรีบกลับทันที”
”แต่คุณจะไม่เป็นไรหากต้องอยู่ที่นี่คนเดียว?” ถ่างหยู่เหยี่ยถาม
”เอาล่ะ!! ผมจะระวังตัวให้มากก็แล้วกัน” เซี่ยเหล่ยตอบ
”ภารกิจของหนิงจิงยังไม่เสร็จงั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยคิดและสงสัย
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมพูดว่า “นี่คือคำสั่งจากเบื้องบน ผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
”ฉันจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยคุณแล้วหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเราจะกลับไปด้วยกัน” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
นี่ถือเป็นข้อเสนอที่ดีเหมือนกันที่จะมีผู้ช่วย เซี่ยเหล่ยจึงลังเลครู่หนึ่งกับข้อเสนอของเธอ
ตู๊ดดด ตู๊ดดด ……
จู่ๆโทรศัพท์ดาวเทียมก็ดังขึ้น
คนที่โทรมาก็คือหลงบิง เซี่ยเหล่ยกดรับสาย เธอก็พูดขึ้นทันทีผ่านโทรศัพท์ดาวเทียมว่า “ให้ฉันพูดกับถ่างหยู่เหยี่ย”
เซี่ยเหล่ยยื่นโทรศัพท์ดาวเทียมให้ถ่างหยู่เหยี่ยพร้อมพูดกับเธอว่า “เอานี่ไป หลงบิงต้องการพูดกับคุณ”
ถ่างหยู่เหยี่ยรับโทรศัพทจากเขาพร้อมกับยกหูเตรียมพูดกับหลงบิง
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยเหมือนอยากรู้ว่าพวกเธอจะพูดอะไรกันแต่น่าเสียดายเพราะเขาจะได้ยินแค่เสียงของถ่างหยู่เหยี่ยเท่านั้น เขาไม่ได้ยินเสียงของหลงบิงเลย
”อืม ฉันจะเตรียมการให้พร้อมอีกหกชั่วโมงฉันจะไปที่นั่น” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดจบก็ส่งโทรศัพท์มือถือผ่านดาวเทียมกลับให้เซี่ยเหล่ย
”เซี่ยเหล่ย คุณต้องระวังตัวเองให้ดีหลังจากนี้ถ่างหยู่เหยี่ยจะพาตัวประกันออกจากชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ตามเวลาที่นัดหมายไว้ เราจะส่งเครื่องบินไปรับเมื่อเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยและเราจะรีบบินกลับทันที” เสียงของหลงบิงพูดออกมาผ่านโทรศัพท์ดาวเทียม
”รับทราบ” เซี่ยเหล่ยพูดเสร็จก็วางสาย
”ฉันจะต้องรีบออกจากที่นี่ทันที ไม่อย่างนั้นฉันจะไปยังจุดนัดพบไม่ทันเวลา” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจ ในความเป็นจริงพวกเขาผ่านเรื่องราวอย่างมากมายในดินแดนแห่งนี้ ทั้งหมดมันเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนแม้การเวลาจะผ่านไป
”ระวังตัวด้วย แล้วค่อยเจอกัน” เซี่ยเหล่ยพูด
ถ่างหยู่เหยี่ยเดินเข้าไปใกล้เซี่ยเหล่ยและกอดเขาทันที เซี่ยเหล่ยเองก็กอดเธอกลับเช่นกัน
กลิ่นหอมที่ออกมาจากตัวของเธอทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกดีและคลายความกังวลไปพร้อมๆกัน
”สัญญากับฉันว่าจะรอดชีวิตกลับมา” ถ่างหยู่เหยี่ยกระซิบที่ข้างหูของเขา
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเพียงแค่พยักหน้าในขณะที่กำลังกอดเธออยู่
หลังจากเวลาผ่านไปหนิงจิงและเหล่านักวิจัยก็ถูกเรียกตัวมารวมเพื่อเตรียมออกเดินทาง
”คุณไม่ไปด้วยงั้นเหรอ?” หนิงจิงเห็นเซี่ยเหล่ยไม่ได้เตรียมตัวออกเดินทางก็รู้สึกสงสัยและพูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
แม้จะมีผู้คนในชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ยืนมองพวกเขาอยู่ไม่น้อยแต่เซี่ยเหล่ยก็เลือกที่จะพูดออกไปเป็นภาษาจีนโดยไม่สนใจคนที่ยืนมองว่า “ผมจะต้องอยู่ต่อเพื่อทำภารกิจที่ยังไม่ลุล่วงให้เสร็จสมบูรณ์”
”ให้ฉันอยู่ต่อด้วยมั้ย ? ฉันสามารถช่วยคุณได้นะ” หนิงจิงพูด
”คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผมนี่เป็นคำสั่งจากเบื้องบนเพื่อช่วยชีวิตคุณและนักวิจัยคนอื่นๆ เราต้องสูญเสียทั้งเงินและคนไปไม่น้อยดังนั้นคุณกลับไปตามแผนที่วางไว้แหละดีแล้ว ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากที่จะอยู่อย่างลำบากที่นี่ต่อหรอกใช่มั้ย?” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมแสดงท่าทางจริงจังขณะที่ตอบเธอไป
”ฉัน …… ” หนิงจิงพูดแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปหมดทั้งประโยค ภายในใจเธอรู้สึกเศร้าและสับสนไปพร้อมๆกัน
”นี่…ไม่มีอะไรหรอก ผมจะรีบจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยและจะรีบกลับทันที” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล
”คุณต้องกลับมานะ” หนิงจิงพูดพร้อมเข้าไปกอดเอวเขา
เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กและเพราะเซี่ยเหล่ยตัวสูงกว่า ดังนั้นเมื่อพวกเขากอดกันทำให้เห็นความสูงที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน.ไอลีนโนเวล.
ถ่างหยู่เหยี่ยที่ก่อนหน้านี้มีรอยยิ้มที่สดใสแต่เมื่อเห็นว่าเซี่ยเหล่ยและหนิงจิง กอดกันอยู่ มุมปากของเธอก็เปลี่ยนจากรอยยิ้มที่สดใสเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นนั่นก็เพราะก่อนหน้านี้เขาและเธอก็เพิ่งจะกอดกันในลักษณะนี้
หลังจากที่เขากอดกับหนิงจิงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเขาก็หันไปเห็นท่าทางของถ่างหยู่เหยี่ยและคนอื่นๆ ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนเป็นงุ่มง่ามทันทีนั่นก็เพราะทุกๆคนในชนเผ่าตอนนี้รับรู้แล้วว่าเขาเป็นผู้ชายของแคนลามี่ดังนั้นการที่เขามากอดกับผู้หญิงอื่นแบบนี้ ทำให้คนในชนเผ่าต้องการที่จะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยเหล่ยและหนิงจิง
ปังปังปัง!
เสียงปืนดังขึ้น นั่นทำให้เซี่ยเหล่ยและหนิงจิงแยกตัวออกจากกัน เซี่ยเหล่ยรีบหันไปมองว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ปืนถูกยิงโดยแคนลามี่บนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจจากนั้นเธอก็พูดออกมาว่า “คุณได้รับอนุญาตให้คุณออกจากที่นี่แล้วทำไมยังไม่ไปอีก? หรืออยากจะอยู่ต่อที่นี่เพื่อเลี้ยงแกะ?”
ผู้หญิงในชนเผ่ารับรู้ได้ว่าทำไมหัวหน้าเผ่าคนใหม่ของพวกเธอถึงกำลังโกรธอยู่ในตอนนี้
”เรากำลังจะไป” ถ่างหยู่เหยี่ยตอบอย่างรวดเร็วพร้อมรีบเดินไปดึงตัวของหนิงจิงให้เดินออกไปทันที
หนิงจิงเดินไปอย่างเงียบๆ แต่เธอได้หันกลับมาดูเซี่ยเหล่ยเป็นครั้งสุดท้าย
เซี่ยเหล่ยเห็นเธอมองกลับมาก็โบกมือบ๊ายบายให้เธอ
ถ่างหยู่เหยี่ยค่อยๆนำเหล่านักวิจัยทั้งหมดเดินลัดไปตามแม่น้ำไกลออกไปเรื่อยๆ จนตอนนี้มองไม่เห็นพวกเขาทั้งหมดแล้ว
แคนลามี่เดินมาด้านหน้าเซี่ยเหล่ยพร้อมกับจับมือ จากนั้นก็พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เรามาเต้นฉลองกันหน่อยดีกว่า”
เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เต้นเหรอ… ผมเต้นไม่เป็นหรอกนะ”
”มันง่ายมาก ฉันจะสอนคุณเอง” แคนลามี่พูด
การเต้นที่เธอสอนนี้เป็นการเต้นที่เรียบง่ายขั้นตอนของมันก็ไม่มีอะไรมากเพียงแค่ก้าวเท้าและกระโดดเท่านั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเต้นของทิเบต ในไม่ช้านักรบหญิงคนอื่นๆ ก็ทยอยออกมาเต้นตามพวกเขา บางคนก็ยิงปืนขึ้นท้องฟ้าดังสนั่นหวั่นไหว ในการเต้นรำนี้มีเพียงเซี่ยเหล่ยเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย เขาจึงค่อนข้างรู้สึกแปลกๆ
งานเลี้ยงฉลองการแต่งตั้งหัวหน้าคนใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว…….
ในส่วนพิธีศพของทีน่า หัวของเธอถูกใส่ไว้ในโรงศพอย่างดีพร้อมกับร่างกายของเธอ บนโรงศพมีการสลักตัวอักษรเป็นภาษามาลายูแม้ว่าทีน่าจะถูกฆ่าโดยแคนลามี่ แต่งานศพของเธอก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติของอตีดหัวหน้าเผ่า
ในคืนนี้มีทั้งงานเลี้ยงฉลองพิธีการแต่งตั้งหัวหน้าคนใหม่และงานศพของอดีตหัวหน้า เมื่อพิธีทั้งหมดได้สิ้นสุดลง เซี่ยเหล่ยก็กลับไปที่ห้องของเขาโดยมีทหารหญิงสองคนเป็นคนนำทาง เมื่อเข้าไปในห้องทหารหญิงทั้งสองคนก็ได้ช่วยเขาถอดชุดของเขาออก รองเท้าและถุงเท้าพวกเธอก็ช่วยด้วยเช่นกันแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้ใครมาปรนนิบัติเขาแต่มันก็เลี่ยงไม่ได้เนื่องจากในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของพวกเธอ
หลังจากที่ทหารหญิงทั้งสองคนได้ปรนนิบัติเขาเสร็จเรียบร้อย พวกเธอก็ออกนอกห้องทันที เซี่ยเหล่ยสังเกตห้องรอบๆนี่มันไม่ใช่ห้องของแคนลามี่ดูเหมือนห้องนี้จะใหญ่กว่าห้องของแคนลามี่เสียอีก เขายังคงสังเกตไปเรื่อยๆจากนั้นก็พบเสื้อผ้าที่เป็นของทีน่า เขาตระหนักได้ทันทีว่าห้องนี้คือห้องของเธอ
เซี่ยเหล่ยรู้สึกผ่อนคลาย แคนลามี่ที่เป็นหัวหน้าเผ่าคนใหม่ในตอนนี้ไม่ปล่อยให้เขาต้องอยู่ในห้องที่เก่าๆโทรมๆ นี่คือสิ่งที่เธอจัดการให้กับเขา
เซี่ยเหล่ยหันไปเห็นโต๊ะที่อยู่ภายในห้องด้วยความอยากรู้เขาจึงเดินไปที่โต๊ะจากนั้นก็ลองเปิดลิ้นชักดูว่าภายในมีอะไรอยู่บ้าง เขาพบกับหนังสือเล่มหนึ่งที่ค่อนข้างมีอายุ หน้าปกได้รับการเก็บรักษาเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนที่ชำรุดไปบ้างแล้ว
บนหน้าปกของหนังสือเล่มนี้มีตัวอักษรฮั่นโบราณเขียนไว้ เซี่ยเหล่ยไม่สามารถอ่านได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาเปิดดูภายใน ด้วยความเก่าทำให้กระดาษภายในกลายเป็นสีเหลืองทุกหน้าแต่ละหน้ามีตัวหนังสือภาษาฮั่นโบราณเขียนเอาไว้ แม้ว่าเขาจะอยากรู้ว่าหนังสือเล่มนี้เขียนอะไรเอาไว้ แต่ก็ทำไม่ได้
หลังจากเปิดไปเรื่อยๆ เขาก็สะดุดเข้ากับหน้าหนึ่ง มันเป็นแผนที่ที่ถูกวาดด้วยมือหลังจากดูอย่างละเอียดและรอบคอบเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เนื่องจากแผนที่นี้เป็นแผนที่ของเมืองโบราณ มันมีรายละเอียดทุกอย่างไม่ว่าจำเป็นกำแพงเมือง ถนน คลังสินค้าหรือแม้แต่คลังอาวุธ รวมไปถึงจุดที่ทหารปฏิบัติการด้วย
จู่ๆเมื่อเขามองไปที่พระราชวัง ตาซ้ายของเขาก็กระตุกเล็กน้อย จากนั้นสมองเขาก็ทำงานอย่างรวดเร็ว เขาพบว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ที่กระเบื้อง เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจอย่างมาก
มันมีตัวอักษรสองตัวเขียนว่า AE!
”นี่มัน… ” เซี่ยเหล่ยอุทานในใจแม้ว่าสมองของเขาจะทำงานอย่างสูงสุดแต่เขาก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพบในตอนนี้
จังหวะนี้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นภายนอกห้อง เซี่ยเหล่ยวางหนังสือลงและรีบกลับไปนอนลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว
แกร๊ก! ประตูเปิดออกแคนลามี่เดินเข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วเธอก็พูดขึ้นว่า “ฉันยังไม่เมาหรอกนะ จะมอมฉันอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีทางหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า…! ”
แคนลามี่ปิดประตูด้วยส้นเท้า จากนั้นก็เดินตรงไปยังเซี่ยเหล่ย
ภายนอกห้องตอนนื้ เซี่ยเหล่ยรับรู้ได้ทันทีว่ามีผู้คนกำลังเดินไปเดินมารอบๆห้อง
เซี่ยเหล่ยใช้ตาซ้ายของเขามองออกไปนอกผนัง พบว่าภายนอกห้องมีผู้หญิงหลายคนกำลังล้อมรอบห้องอยู่ พวกเธอกำลังยิ้มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บางคนพยายามหาช่องหรือรูตามประตูรวมไปถึงหน้าต่างเพื่อพยายามจะมองเข้ามาภายในห้อง
ด้วยสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เซี่ยเหล่ยอยากจะออกไปจากห้องนี้อย่างมาก แต่ก็ทำไม่ได้
จินตนาการเป็นสิ่งที่น่ากลัว ส่วนความเป็นจริงในบางครั้งก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า เซี่ยเหล่ยในตอนนี้รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่นอนนิ่งๆอยู่บนเตียง
ติดตามตอนต่อไป………..