TXV –
เมื่อขับรถออกมาแล้ว ในตอนแรกเซี่ยเหล่ยคิดว่าสถานที่นัดพบจะเป็นตึกเหวี้ยนเทียนแต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ เพราะเส้นทางที่พวกเขากำลังขับไปอยู่นี้เป็นเส้นทางที่ออกนอกเขตตัวเมืองไปทางเหนือโดยจุดหมายที่แท้จริงอยู่ที่สนามกอฟชิลซาน
ที่นี่คือสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดจะพูดว่าในประเทศเลยก็ว่าได้ มันตั้งอยู่บนพื้นที่ กว่า 3600 เอเคอร์เป็นสนามกอล์ฟแบบครบวงจรเท่านั้นยังไม่พอทิวทัศน์ของที่นี่ยังสวยงามอย่างมากและนอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดฮิตที่เหล่าดาราดังมากมายมาใช้บริการ จึงเรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จักสนามกอล์ฟแห่งนี้ เซี่ยเหล่ยเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่รู้จัก เพียงแต่เขายังไม่เคยมาที่นี่เลย
หลังจากถึงสนามกอล์ฟเป็นที่เรียบร้อยทั้งเซี่ยเหล่ยและฟู่หมิงเหม่ยก็ลงจากรถ พร้อมกับเดินไปขึ้นรถคนใหม่ซึ่งเป็นรถกอล์ฟของสนามเพื่อไปส่งยังจุดนัดพบ
“ฉันมีอะไรจะบอก” บนรถกอล์ฟจู่ๆฟู่หมิงเหม่ยก็หันไปพูดเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดต่อว่า “เพื่อให้คุณได้เจอกับเขาและตกลงข้อเสนอซึ่งกันและกันได้ เทียนหยินได้เตรียมสถานที่แห่งนี้ไว้โดยเฉพาะ”
“เธอเตรียมที่นี่ไว้งั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างประหลาดใจและพูดต่อทันทีว่า “ราคามันค่อนข้างสูงเลยนี่”
ฟู่หมิงเหม่ยยิ้มก่อนจะกระซิบว่า “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยเงินของเธอจะมากจะน้อย มันเกี่ยวกับอะไรกับคุณด้วยหล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กพร้อมและไม่ได้ตอบอะไรออกไปอย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยในตอนนี้กลับมาคิดถึงเรื่องว่าใครที่ต้องการพบเขากันแน่ เขาพยายามคิดพร้อมกับรวบรวมข้อมูลจากทุกสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นไม่ว่าจะนานแล้วหรือที่เพิ่งจะเกิด จากผลสรุปมันพอจะทำให้เขาคาดเดาได้ว่าใครกันแน่ที่ต้องการพบเขา
“อาจจะเป็นเย่คุนจากบริษัทฮั่นสินะ” เซี่ยเหล่ยคิดในใจ
ฟู่หมิงเหม่ยหันไปมองเซี่ยเหล่ยพร้อมกับท่าทางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดในที่สุดว่า “เซี่ยเหล่ย ไม่รู้ว่าฉันควรจะพูดเรื่องนี้กับคุณดีหรือเปล่า?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ผมกับคุณก็เป็นเพื่อนกันมานานมีอะไรก็พูดมาตรงๆได้เลย ผมไม่โกรธหรอก”
”เข้าใจแล้ว งั้นฉันขอพูดหน่อยนะ” ฟู่หมิงเหม่ยพูดต่อว่า ”เซี่ยเหล่ย อันที่จริงคุณควรจะอยู่กับเทียนหยินและเป็นผู้ช่วยให้กับเธอหากคุณกับเธอร่วมมือกันบริหารบริษัทเหวี้ยนเทียนหรือแม้แต่พวกคุณรวมบริษัทเข้าด้วยกัน พวกคุณจะต้องประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายแน่ๆ ดังนั้นฉันจึงไม่เข้าใจคุณเลยว่าทำไมคุณถึงต้องมาจัดการบริหารบริษัทเล็กๆของคุณเองแบบนั้น”
เมื่อได้ฟังที่ฟู่หมิงเหม่ยพูดปฏิกิริยาตอบสนองที่เซี่ยเหล่ยแสดงออกมาได้ในตอนนี้มีเพียงแค่ฟังเธอพูดและยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น
ฟู่หมิงเหม่ยยังคงพูดต่อว่า “ฉันไม่เข้าใจคุณเลย ทั้งๆที่กู๋เค่อเหวินและอันซูฮยอนเห็นถึงผลประโยชน์จากสถานะของเฉินตูเทียนหยินจึงได้ร่วมมือกับเธอแต่คุณกลับไม่เห็นอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?”
ฟังจากที่ฟู่หมิงเหม่ยพูด มันทำให้เซี่ยเหล่ยหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า “ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณในความมีน้ำใจที่มีต่อผมนะ ผมขอบคุณจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามผมไม่ใช่ทั้งกู๋เค่อเหวินและอันซูฮยอน ผมเติบโตมาจากโรงเรียนของรัฐบาลตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม ซึ่งต่อจากนั้นผมก็ต้องเจอกับปัญหาหลายๆอย่างทำให้ผมต้องไปทำงานในไซต์ก่อสร้าง จากเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้ผมเรียนรู้อะไรมากมายหลายอย่างชนิดที่ผมคิดว่าพวกเขาคงจะไม่เคยเจอกับตัวเอง มันจึงผลักดันให้ผมมีบริษัทเป็นของตัวเองเหมือนในทุกวันนี้ ดังนั้นผมต้องการบริหารบริษัทของผมต่อไปและทำจะพยายามทำให้มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นี่คือเหตุผลของผมแต่อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เหตุผลหลักหรอกนะเพราะจริงๆแล้วผมแค่อยากพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวของตัวเองโดยไม่ใช้ผลประโยชน์จากเธอ”
ทรัพย์สินในปัจจุบันของเซี่ยเหล่ยอาจจะไม่ได้เสี่ยวหนึ่งของเฉินตูเทียนหยิน เลยด้วยซ้ำแต่ทั้งหมดที่เขามีในตอนนี้มันเป็นของเขาเองทั้งหมดแม้ว่าตระกูลเฉินตูจะมีทรัพย์สินรวมแล้วกว่าแสนล้านหยวนแต่นั่นก็เป็นของคนทั้งตระกูลไม่ใช่ของเธอคนเดียวและก็อย่างที่รู้กันดี เซี่ยเหล่ยไม่ได้ต้องการใช้เฉินตูเทียนหยินเพื่อไต่เต้าความเจริญให้กับบริษัทของตัวเอง!
ฟู่หมิงเหม่ยถอนหายใจก่อนจะหยุดพูด
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที รถกอล์ฟก็ไปหยุดบริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่ง
เซี่ยเหล่ยรถจากรถพร้อมมองออกไปในสนาม เขาพบผู้คนมากมายกำลังยืนอยู่บนสนามกอล์ฟ มันมีทั้งเฉินตูเทียนหยิน อันซูฮยอน มู๋เจียนเฟิง และอีกหลายคนที่เซี่ยเหล่ยไม่รู้จัก แคดดี้เองก็ยืนรวมอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นด้วย
เซี่ยเหล่ยเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังพูดคุยและหัวเราะกับมู๋เจียนเฟิงอยู่ จู่ๆความคิดก็ผุดขึ้นมาในหัวของเซี่ยเหล่ยอย่างอัตโนมัติว่า “คนๆนั้นดูสนิทสนมกับมู๋เจียนเฟิงอย่างมาก เขาจะใช่เย่คุนหรือปล่าวนะ?”
เฉินตูเทียนหยินที่หันมาเห็นเซี่ยเหล่ยพอดีจึงตะโกนออกไปว่า “เหล่ย รีบเดินมานี่เร็วเข้า”
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปหาเธอพร้อมรอยยิ้ม
อันซูฮยอนที่ในตอนนี้ที่เห็นว่าเซี่ยเหล่ยที่กำลังเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและเยือกเย็น เขาไม่สามารถลืมได้ว่าเซี่ยเหล่ยต้องทำให้เขารู้สึกอับอายมากขนาดไหนนั่นรวมถึงเรื่องที่พ่อของเขาต้องใช้เงินมากขนาดไหนกว่าจะพาเขาออกมาจากเรือนจำได้ อันซูฮยอนที่เห็นเซี่ยเหล่ยกำลังเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มในตอนนี้ เขาแทบจะทนไม่ไหวจนอยากจะหาปืนมายิงเซี่ยเหล่ยซะตั้งแต่ตอนนี้เลย!
มู๋เจียนเฟิงเองก็หันมามองที่เซี่ยเหล่ยด้วยเช่นกันหลังจากมองแล้วก็หันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
เมื่อเดินไปถึงกลุ่มคนเหล่านั้นแล้ว เซี่ยเหล่ยก็หันไปหาเฉินตูเทียนหยินพร้อมพูดว่า ”เทียนหยิน ทำไมไม่บอกผมก่อนหล่ะว่าผู้ที่จะคุยเรื่องธุรกิจกับผมคือมู๋เจียนเฟิง ไม่เห็นต้องปิดเป็นความลับเลยนี่”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มก่อนพูดขึ้นว่า“ ความจริงฉันเองก็อยากจะบอกแต่ผู้อาวุโสมู๋ไม่ต้องการแบบนั้น”
มู๋เจียนเฟิงเองก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมมีเหตุผลหน่ะ”
“อาวุโสมู๋ สวัสดี” เซี่ยเหล่ยกล่าวคำทักทายพร้อมเดินไปจับมือก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ไม่พบกันตั้งนาน ยังสบายดีอยู่นะ”
มู๋เจียนเฟิงยิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า “พูดได้ดี ก่อนหน้านี้ยังเห็นเป็นแค่คนขายของอยู่ข้างถนนแต่ตลอดหนึ่งปีกว่าๆที่ผ่านมาดูเหมือนคุณจะประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะ”
“อาวุโสมู๋ก็พูดเกินไป” เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างสุภาพ
หลังจากสิ้นสุดการทักทาย มู๋เจียนเฟิงก็ทำท่าทางเหมือนกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบพูดต่อทันทีว่า “ใช่แล้ว…เซี่ยเหล่ย วันนี้ผมจะแนะนำใครบางคนให้คุณได้รู้จัก” พูดเสร็จก็หันหน้าไปที่ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเขาพร้อมพูดต่อว่า “นี่คือ เย่คุน”
“โอ้ คุณเย่สวัสดี” เซี่ยเหล่ยพูดเสร็จก็ยื่นมือออกไปจับมือกับเขา
เย่คุนยิ้มก่อนจะพูดว่า ”ก่อนหน้านี้ผมได้ยินข่าวลือมาว่าที่เมืองชิงตู มีนักธุรกิจหน้าใหม่ที่มีความสามารถไม่น้อย วันนี้ได้เจอแล้วรู้สึกโชคดีจริงๆ”
บนใบหน้าของเซี่ยเหล่ยแสดงรอยยิ้มออกมาแต่ในใจกลับคิดว่า ”โชคดีบ้าบออะไรหล่ะ!”
อันซูฮยอนเองก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณเซี่ยจะเล่นกอล์ฟหรือไม่? พวกเรากำลังจะเล่นกันพอดีเลย สนใจหรือเปล่า?” พูดเสร็จก็ยิ้มเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่ออีกว่า “แต่จะว่าไป…คุณเซี่ยเล่นกอล์ฟเป็นไหม?”
อันซูฮยอนพอจะรู้มาว่าเซี่ยเหล่ยไม่เคยเล่นกอล์ฟมาก่อนจึงเอ่ยปากชวนเพื่อต้องการให้เขาอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย
เซี่ยเหล่ยมองไปที่อันซูฮยอนก่อนจะแสดงท่าทางประหลาดใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “อ้าว…คุณอัน คุณออกมาจากเรือนจำตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมออกมาแล้วไม่บอกผมซักหน่อยหล่ะ?”
อันซูฮยอนที่กำลังยิ้มอยู่เพราะคิดว่าจะทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกอับอายต่อหน้าผู้คนได้แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะจากคำพูดที่เซี่ยเหล่ยพูดมานั้น มันทำให้อันซูฮยอนรู้สึกอับอายแทน
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ฟู่หมิงเหม่ยกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวจึงทำให้หัวเราะออกมาเสียงดัง
เฉินตูเทียนหยินมองตาโตไปที่ฟู่หมิงเหม่ยทันทีเพราะต้องการให้เธอหยุดหัวเราะ
ฟู่หมิงเหม่ยที่เห็นเฉินตูเทียนหยินมองมาที่ตัวเองพร้อมกับทำตาโต ก็รีบหยุดหัวเราะ
หลังจากมองไปที่ฟู่หมิงเหม่ยแล้ว เฉินตูเทียนหยินก็หันกลับมาพูดกับทุกคนว่า “ฉันว่าเราเปลี่ยนสถานที่ไปเป็นที่โรงแรมหรือภัตตาคารกันดีกว่าไหม? ฉันว่าถ้าได้ดื่มอะไรเย็นๆไปด้วยคงจะคุยกันได้ง่ายกว่าการตีกอล์ฟนะ”
เฉินตูเทียนหยินรู้ว่าเซี่ยเหล่ยเล่นกอล์ฟไม่เป็นจึงไม่อยากให้เขาเสียหน้าต่อหน้าคนอื่นๆ เธอจึงพยายามเปลี่ยนสถานที่การพูดคุยในครั้งนี้
“ไม่เป็นไรหรอก จะที่นี่หรือที่ไหนก็เหมือนกันเล่นกอล์ฟไปด้วยพร้อมกับคุยเรื่องธุรกิจไปด้วยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่” เย่คุน พูด
“เอ่อ…เอางั้นก็ได้” เฉินตูเทียนหยินพูดเพราะเธอไม่อยากขัดเย่คุน
เพราะถึงแม้ว่าบริษัทเหวี้ยนเทียนจะมีทรัพย์สินมากมายมหาศาลแต่มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนนั้นถือเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งสำหรับนักธุรกิจในประเทศจีน เธอจึงไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้มากเพราะไม่อยากทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่
ในเวลานี้อันซูฮยอนยิ้มพร้อมหันไปพูดกับแคดดี้ว่า “พวกเราทุกคนมีคลับแล้ว แต่คุณเซี่ยไม่มีคลับเลยนี่” (ไม้กอล์ฟ)
แคดดี้รีบวิ่งไปจัดหาคลับไปให้เซี่ยเหล่ยทันที
เซี่ยเหล่ยรับคลับมาพร้อมกับลองเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเพื่อให้คุ้นเคยกับสัมผัสของมัน
จังหวะนี้มู๋เจียนเฟิงเองก็ได้ดึงเย่คุนให้ถอยออกมาด้านหลังนิดหน่อยพร้อมกระซิบว่า “คุณจะทำอะไร? ถ้าต้องการจะพูดคุยเรื่องธุรกิจกับเขาอย่าไปทำให้เขาโกรธหรือไม่พอใจสิ”
เย่คุนเองก็กระซิบกลับว่า “อาจารย์ เซี่ยเหล่ยคนนี้อายุยังน้อย แถมยังดูมีพาวเวอร์ในตัวเองมาก ดังนั้นเราจะต้องทำให้เขารู้สึกเสียความมั่นใจไปบ้างไม่อย่างนั้นเขาจะได้ใจมากจนเกินไป”
มู๋เจียนเฟิงยิ้มทันทีก่อนจะกระซิบกลับไปว่า “ดีมาก คุณทำให้ผมคาดไม่ถึงได้เสมอจริงๆ”
“ก็คุณสอนผมเองนี่” เย่คุนยิ้มก่อนจะพูดและพูดต่ออีกว่า “ตามที่ตกลงกันอาจารย์จะขอซื้อเครื่องอัจฉริยะจากเซี่ยเหล่ย ส่วนผมจะซื้อโรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยทุกอย่างของเขาจะต้องกลายเป็นของเรา” (ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะซื้อหรือหาวิธีฮุบกันแน่) ไอลีนโนเวล
เรื่องที่พวกเขากำลังกระซิบกันอยู่ในตอนนี้ไม่มีใครได้ยินก็จริง เซี่ยเหล่ยก็เช่นกัน…เขาไม่ได้ยินอะไรเลยแต่ด้วยความอยากรู้ทำให้เซี่ยเหล่ยพยายามอ่านปากของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนแทน
เซี่ยเหล่ยยิ้มมุมปากทันทีพร้อมกับคิดในใจว่า “เป็นแบบนี้เองสินะ”
ในเวลานี้อันซูฮยอนได้เดินไปบริเวณจุดตี เขาวางลูกกอล์ฟลงบนเสาเข็มขนาดเล็กที่สูงประมาณแปดเซนติเมตรหลังจากนั้นเขาก็ง้างวงสวิงไปด้านหลังจนสุดแขนก่อนจะง้างกลับมาพร้อมตีลูกกอล์ฟอย่างสุดแรง
“ป็อก!!” เสียงหัวไม้กระทบกับลูกกอล์ฟพร้อมกับลูกกอล์ฟที่ลอยขึ้นไปในอากาศ มันลอยอยู่ประมาณเจ็ดวินาทีก่อนจะลงไปกระดอนบนกรีนและสุดท้ายก็หยุดลงด้วยระยะห่างจากปากหลุมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อันซูฮยอนมองดูผลงานการตีของตัวเอง เขารู้สึกภูมิใจอย่างมาก
เย่คุนมองไปที่อันซูอยอนพร้อมปรบมือและพูดขึ้นว่า “คุณอัน ฝีมือของคุณยอดเยี่ยมมาก”
ในเวลานี้เฉินตูเทียนหยินได้เดินเข้าไปใกล้กับเซี่ยเหล่ยก่อนจะกระซิบที่หูของเขาว่า “เอาหล่ะ…ไม่มีเวลาแล้ว ฉันจะอธิบายง่ายๆ การเล่นกอล์ฟในแต่ละรอบจะเล่นกันทั้งหมดสิบแปดหลุม เราจะต้องตีลูกกอล์ฟให้ลงในหลุมโดยใช้จำนวนครั้งให้น้อยที่สุด”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะกระซิบกลับว่า “มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มเช่นกันก่อนกระซิบกลับว่า “ถ้าตามกฏมันก็ง่ายแบบนี้แหละ แต่เวลาตีจริงมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ ดังนั้นฉันจึงบอกไว้ก่อนแม้ว่าคุณจะตีออกมาได้ไม่ดีแต่ถ้ารู้กฏเอาไว้บ้างมันจะทำให้คุณเสียหน้าไม่มาก”
อันซูฮยอนมองไปที่เซี่ยเหล่ยและเห็นว่าเฉินตูเทียนหยินกำลังกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ เขาพอจะเดาออกว่าเธอจะต้องอธิบายการเล่นเบื้องต้นให้เซี่ยเหล่ยฟังอย่างแน่นอน เขาจึงยิ้มเยาะเย้ยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณเซี่ย คุณกำลังเรียนรู้การเล่นกอล์ฟเบื้องต้นอยู่งั้นเหรอ? ถ้ายังไงผมจะให้โอกาศคุณลองตีสิบครั้งก่อนเลย เอาไหม?”
เฉินตูเทียนหยินหันไปมองอันซูฮยอนพร้อมกับพูดขึ้นทันทีว่า “คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ? งั้นให้โอกาสนั้นกับฉันบ้างได้ไหม?”
อันซูฮยอนก็ตอบกลับทันทีเช่นกันว่า “ผมรู้ว่าคุณเก่ง ดังนั้นถ้าให้โอกาสคุณขนาดนั้น การเล่นครั้งนี้ก็จะไม่มีความหมายอะไร”
เย่คุนพูดว่า “ผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
จู่ๆ อันซูฮยอนก็ทำท่าทางเหมือนกับว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ เขารีบมองไปที่เย่คุน พร้อมพูดอย่างสุภาพทันทีว่า “ถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าเราควรจะแข่งกันหรือไม่?”
เย่คุนตอบว่า “สำหรับผมไม่มีปัญหา” พูดเสร็จก็หันไปมองที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดต่อว่า “แล้วคุณเซี่ยหล่ะ กล้าที่จะร่วมแข่งกับพวกเราไหม?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปอย่างไม่แยแสว่า “เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาแต่จะว่าไปถ้านี่เป็นการแข่งขัน จะไม่มีรางวัลเลยก็ดูจะแปลกไปหน่อยดังนั้นเรามาวางเงินเดินพันกันคนละสิบล้านหยวน พวกคุณคิดว่าข้อเสนอนี้ดีหรือเปล่า?”
อันซูฮยอนและเย่คุนมองหน้ากันพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย
ส่วนเฉินตูเทียนหยินที่ได้ยินพวกเขาคุยกันทั้งหมดก็ขมวดคิ้วทันทีในความเป็นจริง เธออยากจะห้ามเซี่ยเหล่ยไม่ให้เข้าไปเสี่ยงกับการแข่งครั้งนี้แต่เมื่อเธอมองไปที่เขาและเห็นว่าเขาแสดงท่าทางที่มั่นใจในตัวเองและมุ่งมั่นอย่างมาก จึงทำให้เธอยอมแพ้และไม่ได้พูดอะไรออกไป
ด้านมู๋เจียนเฟิงเองก็รีบพูดขึ้นเหมือนกันว่า “เอาล่ะ งั้นผมจะเป็นกรรมการให้พวกคุณเอง”
ติดตามตอนต่อไป………