Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร – ตอนที่ – 401 ใช้ร่างกายเป็นการตอบแทน ?

ตอนที่ – 401 ใช้ร่างกายเป็นการตอบแทน ?

ตอนที่– 401 ใช้ร่างกายเป็นการตอบแทน ?
แม้ว่าจะอยู่ภายใต้แสงสลัวของยามค่ำคืนที่มืดมิดแต่ในเวลานี้ก็ยังมีผู้คนมากมายเดินไปมาอย่างพลุกพล่าน
“หยู่เหยี่ย ลูกจะโทษพ่อหรือเปล่าที่ให้ลูกกลับไปก่อน?” ถ่างเทียนหลงพูดด้วยความรู้สึกเสียใจ
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ตอบกลับอะไรไปเลย
ถ่างเทียนหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดต่อว่า “เราต่างรู้ดีว่ากฎของตระกูลถ่างที่มีมาหลายชั่วอายุคนนั้นมีข้อห้ามอะไรบ้าง และการที่เรารักษากฎระเบียบเหล่านั้นมาจนถึงปัจจบัน มันทำให้ตระกูลของเรารุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ดังนั้นในตอนนี้หรือแม้แต่อนาคตหากเราจะทำอะไรเราต้องคิดถึงผลประโยชน์ของตระกูลเป็นหลักและด้วยเหตุผลนี้เราจึงไม่ควรไปมีเรื่องบาดหมางกับมู๋เจียนเฟิงหรือเย่คุนจะเป็นการดีที่สุด”
“ผิดกับเฉินตูเทียนหยิน เธอกล้าหาญจริงๆ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดในใจของเธอคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลาแม้ว่าเธอจะเก่งกาจและกล้าหาญในสนามรบแต่ในเรื่องนี้เธอกลับสู้อะไรเฉินตูเทียนหยินไม่ได้แม้แต่น้อย
“ลูกไม่สามารถเปรียบเทียบตัวเองกับเธอได้หรอกนะ ตระกูลเฉินตูเริ่มมีอำนาจเมื่อประมานสามสิบปีก่อน ตระกูลของพวกเขาไม่ได้มีประวัติศาสตร์รากฐานและประสบการณ์ในด้านต่างๆที่ยาวนานเท่าพวกเรา ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเอาตระกูลของพวกเขามาเทียบกันได้เลย”
“ถ้าอย่างนั้น ผู้หญิงในตระกูลถ่าง…ไม่สามารถทำอะไรได้เลยงั้นเหรอ? ฉันไม่มีสิทธิมีปากมีเสียงบ้างเลยใช่ไหม?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดเสียงพูดของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ฉันเป็นผู้หญิงตระกูลถ่าง ฉันจึงไม่สามารถหยาบคายกับทั้งมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนได้ แบบนั้นใช่ไหม?”
ถ่างเทียนหลงพูดว่า ”ตระกูลถ่างของเรามีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหลายร้อยปี แต่สำหรับตระกูลเฉินตู ตระกูลของพวกเขามีอายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำไม่มีการผลัดเปลี่ยนจากรุ่นสู่รุ่นเหมือนกับตระกูลของเรา บารมีและอำนาจจึงมีน้อยกว่าของพวกเรา ลูกเห็นหรือเปล่าในตอนที่มู๋เจียนเฟิงขู่ว่าจะโจมตีหุ้นของบริษัทเหวี้ยนเทียน ใบหน้าของเฉินตูเทียนหยินซีดทันทีเพราะเธอรู้ว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริง บริษัทของเธอจะต้องเสียหายอย่างมากแน่นอนในเรื่องนี้เซี่ยเหล่ยก็ยังเห็นด้วยกับมู๋เจียนเฟิง เขาจึงไม่ให้เฉินตูเทียนหยินช่วยเหลืออะไรเลย คราวนี้เห็นข้อแตกต่างแล้วหรือยัง?”
“เอาหล่ะ ฉันไม่อยากฟังเรื่องนี้อีกแล้ว” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
“ถึงไม่อยากฟังก็ต้องฟัง” ถ่างเทียนหลงพูดเขาต้องการเทศนาต่อจึงพูดอีกว่า ”พ่อรู้ว่าลูกชอบเซี่ยเหล่ยมากแค่ไหน ทั้งพ่อ แม่หรือแม้แต่ปู่ของลูกก็ชอบเขาเหมือนกัน ถ้าลูกได้อยู่กับเขามันจะเป็นเรื่องที่วิเศษมาก พ่อเองก็จะหายห่วงแต่อย่างไรก็ตามหากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะทำให้ตระกูลถ่างมีปัญหา ลูกก็ต้องอดกลั้นและปล่อยวาง เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่ลูกต้องทำเพื่อตระกูลของเรา”
ถ่างหยู่เหยี่ยกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆเพราะรู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้ เธอรู้สึกอัดอั้นใจอย่างมากเนื่องจากเธอต้องการตอบแทนความช่วยเหลือของเซี่ยเหล่ยที่มีให้เธอแต่ในตอนนี้กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“พ่อรู้ว่ามันยาก แต่ลูกต้องอดทน” ถ่างเทียนหลงพูด เขานึ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “และในวันนี้ จากที่พ่อสังเกตเซี่ยเหล่ยหากพิจารณาให้ดี พ่อว่าเขาเป็นเหมือนกับระเบิดเวลาดีๆนี่เองเพราะหากเขายังทำตัวอย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าหรือเร็วเขาก็จะระเบิดตัวเองด้วยผลลัพธ์นั้นจะส่งผลให้คนรอบๆตัวเขาพลอยโดนลูกหลงไปด้วย ดังนั้นพ่อว่าลูกควรถอยห่างจากเขาหน่อยดีไหม?”   ”ก่อนหน้านี้เราตรวจสอบเรื่องนี้กันแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วเขาจะกลายเป็นลูกระเบิดเวลาที่รอระเบิดได้อย่างไรกันหล่ะ เอาหล่ะ…ตอนนี้ฉันไม่อยากจะคุยเรื่องนี้อีกแล้ว”ถ่างหยู่เหยี่ยพูดในขณะที่เธอกำลังเบื่อหน่ายเต็มที
ถ่างเทียนหลงถอนหายใจ ก่อนจะแอบมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยเงียบๆ
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี ในสถานที่ซึ่งเป็นที่พักผ่อนในย่านชุมชนหรู มันเต็มไปด้วยคฤหาสน์หลังใหญ่โตที่เปิดไฟสว่างจ้า นี่เป็นอีกภาพหนึ่งที่สวยงามและหาดูไม่ได้ง่ายๆ
“เอาหล่ะ ผมจะเสิร์ฟอาหารแล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับเดินถือถาดออกมาจากห้องครัว ในถาดมีก๋วยเตี๋ยวอยู่สามชาม
เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นทันทีว่า “นี่เป็นอาหารเย็นที่คุณทำให้พวกเราอย่างนั้นเหรอ? ฉันต้องการกินอาหารมื้อใหญ่ที่มีมากมายหลายอย่างเต็มโต๊ะอาหาร แต่คุณกลับทำก๋วยเตี๋ยวแค่สามชามแค่นั้นเองงั้นเหรอ?”   เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมกับพูดว่า ”ตอนนี้เวลาก็ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว ถ้าให้ผมทำมือใหญ่ก็กลัวว่าทั้งคุณและหลุงเหยิยนจะหิวกันเกินไปและอีกอย่างร่างกายของลุงเหยิยนไม่ควรที่จะปล่อยให้ท้องรู้สึกหิวเป็นเวลานานๆ”
เฉินตูเหยิยนยิ้มก่อนจะพูดว่า ”มันก็ดีไปอีกแบบนะ เซี่ยเหล่ยไม่พาเราไปกินในภัตตาคารอาหารหรูๆ แต่มาทำอาหารให้กินถึงที่บ้านแถมยังสามารถดูทีวีไปพร้อมกันได้ด้วย”
“ยังไงพ่อก็ชมเซี่ยเหล่ยอยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม” เฉินตูเทียนหยินแกล้งพูดในทำนองน้อยใจแต่อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยเหล่ยยื่นชามก๋วยเตี๋ยวให้กับเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เซี่ยเหลี่ยเดินไปยื่นให้กับเฉินตูเหยิยน ก่อนที่จะหยิบชามของตัวเองและเดินไปนั่งบนโซฟา
ทั้งสามคนกินก๋วยเตี๋ยวไปด้วยพร้อมกับดูโทรทัศน์ไปด้วย  ช่องที่พวกเขาดูอยู่นี้เป็นช่องเกี่ยวกับทหาร มันเป็นรายการที่บรรยายเกี่ยวกับชีวิตการเป็นทหาร ยานพาหนะหรืออาวุธยุทธ์ปกรณ์ที่ใช้ในกองทัพ
ในตอนนี้หลังจากแนะนำเรือรบของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย สิ่งถัดไปที่พวกเขาบรรยายขึ้นมาก็เป็นปืนไรเฟิลกระบอกหนึ่ง เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นก็จำได้ทันทีว่ามันคือปืนไรเฟิล XL2500 ที่เขาพัฒนาด้วยกันกับอเลน่า
“เทียนหยิน ดูนี่สิ นี่เป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ที่เซี่ยเหล่ยได้วิจัยและคิดค้นมันขึ้นมา” เฉินตูเหยิยนพูดด้วยความตื่นเต้น
“นี่เป็นปืนที่เซี่ยเหล่ยคิดค้นขึ้นงั้นเหรอ? ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลยว่าแต่…พ่อรู้ได้อย่างไร?”เฉินตูเทียนหยินถามด้วยความสงสัย
เฉินตูเหยิยนตอบว่า “ลูกยังไม่เห็นข่าวงั้นเหรอ? ทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวในโทรทัศน์ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนต่างก็ประโคมข่าวปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ที่เซี่ยเหล่ยคิดค้นขึ้น พ่อดูเกือบทุกช่องทำไมจะไม่รู้หล่ะ” Aileen-novel
เฉินตูเทียนหยินหัวเราะก่อนจะพูดว่า “การที่สื่อให้ความสนใจมากขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะไปขัดกับความต้องการของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนจริงๆ!”
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยแทบจะไม่ได้ยินการสนทนาระหว่างเฉินตูเทียนหยินและเฉินตูเหยิยนเลย เนื่องจากเขารู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่เห็นข่าวปืนไรเฟิลที่เขาทุ่มเทอย่างมากจากโทรทัศน์ในตอนนี้
เสียงผู้บรรยายในรายการโด่ดเด่นอย่างมาก เขาบรรยายว่า “นี่คือปืนไรเฟิลซุ่มยิงรุ่นใหม่ของประเทศเรา ซึ่งได้ทำการวิจัยค้นคว้าและผลิตอย่างอิสระ ชื่อของมันคือปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 เปิดตัวครั้งแรกที่งานนิทรรศการนานาชาติประเทศรัสเซียโดยมีเซี่ยเหล่ย นักวิทยาศาสตร์ของกองทัพเป็นผู้คิดค้นผลิตรวมถึงนำไปจัดแสดงแถมยังสร้างชื่อเสียงจนผู้คนทั่วโลกต่างเป็นที่รู้จักเพราะสามารถเอาชนะการแข่งขันกับปืนไรเฟิลซุ่มยิงจากบริษัทบาร์เร็ตได้อย่างสวยงาม….. ”
หลังจากการบรรยายในช่วงต้นจบไป ภาพก็ได้ตัดไปที่บรรยาการศภายในงานนิทรรศการกรุงมอสโค เป็นภาพของบูธเซี่ยเหล่ยซึ่งมีชายชาวจีนแต่งตัวดี รูปร่างสมส่วนบึกบึนยืนคู่กับปืนไรเฟิลซุ่มยิงที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
แน่นอนว่าผู้ชายคนนั้นคือเซี่ยเหล่ย เฉินตูเทียนหยินจ้องมองในจอโทรทัศน์อย่างไม่ละสายตาเนื่องจากเซี่ยเหล่ยในเวลานั้นดูดีและมีเสน่ห์อย่างมาก
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีต่อมาการบรรยายปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ก็สิ้นสุดลง เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดทันทีว่า “ผมกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ของกองทัพไปตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วหมวกใบนั้นก็ทำให้ผมดูน่าหัวเราะจริงๆ”
“ไม่มีใครกล้าที่จะหัวเราะเยาะคุณหรอก” เฉินตูเทียนหยินพูดก่อนจะยิ้มและพูดต่ออีกว่า “ด้วยคำบรรยายที่เกริ่นตอนต้นเรื่องมันแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจและฉลาดของคุณ ดังนั้นไม่มีใครกลัวหัวเราะเยาะคุณแน่นอน”
เฉินตูเหยิยนยังพูดเสริมอีกว่า “ใช่แล้วเซี่ยเหล่ยไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะคุณหรอก” พูดเสร็จก็ยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “ในความเห็นของผม คุณไม่เพียงแต่เป็นนักวิทยาศาสตร์ของกองทัพเท่านั้นแต่คุณยังเป็นหมออีกด้วย คุณสามารถรักษาผมจากสภาพที่นอนเหมือนผักให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง คุณเป็นคนที่สุดยอดมาก”
เซี่ยเหล่ยที่ได้รับคำชื่นชมมากมายก็รู้สึกเขินอายจึงพูดแก้เขินไปว่า “เรากินก๋วยเตี๋ยวกันต่อดีกว่า เดี๋ยวมันจะเย็นแล้วไม่อร่อย”
หลังจากทุกคนรับประทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลากายภาพบำบัดของเฉินตูเหยิยนด้วยสุขภาพของเขาในตอนนี้ เขาสามารถเดินได้อย่างช้าๆโดยไม่จำเป็นต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว ร่างกายของเขาค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆเป็นลำดับ  ด้านเฉินตูเทียนหยินในตอนนี้ เธอเรียกเซี่ยเหล่ยให้เข้าไปหาที่ห้องอ่านหนังสือของเธอ
“เหล่ย การที่คุณจะไปกู้เงินจากธนาคารจำนวนห้าพันล้านนั้น คุณจะต้องเจอกับดอกเบี้ยต่อปีที่สูงมากเลยนะ” เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินเข้ามา เฉินตูเทียนหยินก็เริ่มพูดเข้าเรื่องทันทีและยังพูดต่ออีกว่า “ก่อนหน้านี้ฉันได้บอกคุณไปแล้วว่าฉันจะให้เงินคุณเอง เพียงแค่คุณบอกมาตอนนี้ฉันจะจัดการให้อย่างเร็วที่สุด”
เธอไม่สามารถหาเงินให้ได้ทันทีเนื่องจากเงินจำนวนห้าพันล้านถือเป็นเงินที่ถือว่าเยอะมาก ดังนั้นการจะรวบรวมเงินมากขนาดนี้จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร
ในความเป็นจริงข้อเสนอของเฉินตูเทียนหยินเป็นข้อเสนอที่ล่อตาล่อใจเซี่ยเหล่ยอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยกลับตอบไปว่า “เทียนหยิน ไม่ใช่ว่าผมไม่เต็มใจที่จะรับความช่วยเหลือจากคุณแต่ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อนไปด้วยแน่นอนหากคุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มู๋เจียนเฟิงจะโจมตีหุ้นของบริษัทคุณทันที ผมที่ทำธุรกิจเหมือนกัน ผมรู้ว่ามันร้ายแรงแค่ไหน”
“ถ้าฉันให้เงินคุณ หลิงฮั่นจะไม่เข้ามาช่วยจัดการให้ฉันบ้างงั้นเหรอ? จากที่สังเกตตำแหน่งเขาค่อนข้างจะสูงพอสมควรดูเมื่อจากท่าทางของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนแล้ว ยิ่งแน่ใจเลยว่าตำแหน่งของเขารวมถึงผู้บริหารที่เขาเคยพูดถึงต้องสูงจนทำให้ทั้งคู่รู้สึกเกรงใจและไม่กล้าทำอะไรผลีผลามดังนั้นถ้าฉันให้เงินกับคุณ พวกเขาจะกล้ามีปัญหาอีกงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ถ้าคุณคิดว่าทุกอย่างมันจบ เท่ากับว่าคุณไร้เดียงสาอยู่นะ ทั้งมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้แน่ด้วยผลประโยชน์มหาศาลที่พวกเขามองเห็น พวกเขาจะไม่ยอมแพ้และพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่พวกเขาต้องการด้วยการจัดการของหลิงฮั่นมันสามารถหยุดแผนการของพวกเขาได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามด้วยความช่วยเหลือจากเขาทำให้ผมสามารถกู้เงินได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ก็ถือว่าไม่เลวแล้วนะ”
เฉินตูเทียนหยินถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “คุณมักจะไม่รับความช่วยเหลือทั้งจากฉันและจากพ่อของฉัน ฉันเป็นหนี้บุญคุณคุณเยอะมากไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องการรักษาพ่อของฉันหรือแม้แต่เรื่องบริษัทเหวี้ยนเทียนเองก็ตาม ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณได้ยังไง”
“ทำไม คุณ…… ” เซี่ยเหล่ยพูดแต่ก็พูดได้ไม่หมด
ขณะนี้เฉินตูเทียนหยินมองไปที่เซี่ยเหล่ยเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้จนทำให้หัวเราะออกมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณจะไม่บอกฉันหน่อยงั้นเหรอ ว่าฉันควรจะตอบแทนคุณอย่างไร? หรือจะให้ใช้ร่างกายนี้ตอบแทนดี……”
เซี่ยเหล่ยตกตะลึงทันที  ความคิดและจิตใจของผู้หญิงเป็นเรื่องซับซ้อนและยากที่ผู้ชายจะเข้าใจ เฉินตูเทียนหยินได้พูดว่าเธอจะใช้ร่างกายของเธอเป็นการตอบแทน ซึ่งมันเหมือนกับเป็นประโยคคำถามมากกว่าประโยคบอกเล่าเพราะไม่แน่ใจว่าเธอต้องการแบบนั้นจริงๆหรือไม่
ในบางครั้งเซี่ยเหล่ยก็อยากที่จะทำตามที่ใจต้องการแต่กับเรื่องนี้เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเนื่องจากไม่ได้คิดเอาไว้ก่อน
ในดวงตาของเฉินตูเทียนหยินแสดงความเสียใจออกมาเล็กน้อยแต่ใบหน้าที่สวยงามของเธอกลับแสดงรอยยิ้มออกมาก่อนจะพูดว่า “ฉันพูดเล่น อย่าจริงจังนักสิ”
เซี่ยเหล่ยเองก็ยิ้มเช่นกันพร้อมกับตอบไปว่า “ตกใจหมดเลย ดีแล้วแหละ”
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยได้ลืมไปชั่วขณะว่าเฉินตูเทียนหยินไม่ใช่ผู้หญิงที่จะพูดล้อเล่น……
“อย่างไรก็ตาม หากต่อไปคุณมีปัญหาอะไรก็แล้วแต่ บอกฉัน ฉันต้องการจะช่วยคุณจริงๆ และถ้าคุณไม่บอกฉันละก็…ฉันจะโกรธคุณแน่” เฉินตูเทียนหยินพูด
”อืม…ไว้เจอกันใหม่นะ” เซี่ยเหล่ยพูด
“คืนนี้ คุณนอนที่ห้องรับแขกก็แล้วกันพรุ่งนี้ฉันจะให้คนขับรถไปส่งคุณที่โรงงานผลิตอาวุธ” เฉินตูเทียนหยินพูด
“อื้ม ราตรีสวัสดิ์” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับความรู้สึกหม่นหมองในจิตใจ
ติดตามตอนต่อไป……

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Status: Ongoing

เซี่ยเหล่ยสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กเขาจึงต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อดิ้นรนเอาตัวรอดและสิ่งที่สำคัญเขาต้องเลี้ยงดูน้องสาวของเขา แต่อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น

เขาประสบอุบัติเหตุในโรงงานซึ่งทำให้ตาของเขาบอดแต่หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าตาเขาไม่ได้บอดแต่มันมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมา !!

ในตอนนี้เขากำลังจะใช้ความสามารถพิเศษที่เขาได้มาในทางชั่วร้ายเพื่อสร้างชีวิตของเขาและน้องสาวให้ดีขึ้นเหมือนคนอื่นๆ

เซี่ยเล๋ยจะประสบความสำเร็จในการทำสิ่งชั่วร้ายกับพลังที่เขาเพิ่งค้นพบหรือไม่ ?

ข้าจะเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของข้าเอง !!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท