ฝนยังคงตกต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด รุ่งเช้ามาช้าไปอีก1ชั่วโมงจากที่ควรเป็น ชั้นหมอกลอยตัวอยู่เหนือป่าแต่ไม่ถึงยอดเขา ต้นไม้มากมายจึงจมอยู่ในหมอกขาว เป็นภาพที่ดูเต็มไปด้วยความลึกลับ
บนก้อนหินขนาดใหญ่ เซี่ยเหล่ยกำลังมองลงไปยังป่าเบื้องล่าง ฝนกับหมอกทำให้ทัศนวิสัยของเขาแย่ลง ปกติตาซ้ายของเขาจะมองได้ไกลถึง 4,000 เมตรแต่ตอนนี้เขามองไปไกลที่สุดเพียงแค่ 1,000 เมตรเท่านั้น
หินก้อนหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาที่ไม่มีพืชพันธุ์ สายลมต่างค่อยๆพัดหมอกออกไปเป็นระยะในขณะเดียวกันนี้ คนของอันซูฮยอนอาจกำลังแอบลอบเข้ามาอยู่ภายใต้ชั้นหมอกนี่ก็ได้ การต่อสู้ระยะประชิดคงเป็นสิ่งที่รับมือยากสำหรับเซี่ยเหล่ย
ข้างๆเขาเป็นเจียงหยูยี่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่ แต่เธอก็คอยตื่นทั้งคืนเป็นเพื่อนเขาถึงรุ่งสาง จนกระทั่งเธอตื่นต่อไปอีกไม่ไหวเลยเช่นกัน เธอทั้งเครียด กังวลและปีนเขาจนเหนื่อยล้าถึงขีดสุด ซึ่งทั้งหมดนั้นก็น่าประทับใจมากแล้วที่เธออดทนมาได้ขนาดนี้
เธอนอนหลับอยู่เงียบๆด้วยรอยยิ้มบางๆบนริมฝีปาก ดูเหมือนว่ากำลังฝันดีอยู่
เซี่ยเหล่ยมองรอยยิ้มนั้นพลางนึกถึงคืนที่เขาได้ใช้เวลากับเธอ
ทั้งสองคนแบ่งปันอะไรกันมากมาย เป็นความทรงจำที่นับไม่ถ้วน พวกเขาเติบโตขึ้นมาด้วยกัน เธอเป็นเหมือนกระจกที่เซี่ยเหล่ยมองแล้วเห็นอดีตของตัวเอง ความขมขื่น ช่วงเวลาหอมหวาน ความผิดหวังและความสุข
เฉินตูเทียนหยินก็คงให้อะไรแบบนี้ไม่ได้
เจียงหยูยี่เป็นผู้หญิงธรรมดาที่มีชีวิตธรรมดา เธอไปเรียนและทำงานหลังเรียนจบอย่างคนทั่วไป ถ้าเซี่ยเหล่ยไม่ได้ไปแทรกแซงอะไร ตอนนี้เธอคงนั่งเขี่ยดินสอเล่นอยู่ในสถานีตำรวจที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนเล็กๆน้อยๆและมีชีวิตธรรมดาสามัญ แต่เพราะความธรรมดามากๆนั้นจึงทำให้เธอดูเป็นตัวของตัวเองและใกล้ชิดกับคนอื่นได้มากกว่าด้วย
บนโลกนี้มีผู้หญิงแบบเฉินตูเทียนหยินอยู่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงในปราสาท มีทรัพย์สินและผู้คนมากมายห้อมล้อม แต่มีผู้หญิงที่เหมือนเจียงหยูยี่อีกมากมาย และผู้ชายทุกคนก็ยังมีผู้หญิงที่มีชีวิตเรียบง่ายแบบนี้คอยเคียงข้าง เติบโตไปด้วยกัน มีทะเลาะกันบ้างแต่พวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนที่ดีขึ้นด้วยความสัมพันธ์อันสวยงามนั้นเอง
ผู้ชายบางคนก็แต่งงานกับผู้หญิงสไตล์นี้ แต่บางคนก็เลือกแต่งกับสไตล์อื่นและพบกันบ้างเป็นครั้งคราว แต่พวกเขาก็ยังคงมีความรู้สึกสนิทใจอยู่ในทุกๆครั้งที่เจอกัน ผู้หญิงสไตล์นี้เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ชาย ซึ่งไม่มีใครมาพรากเธอจากไปได้
ตอนนั้นเอง เมล็ดพันธุ์ที่ชื่อว่าเจียงหยูยี่ซึ่งถูกฝังเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจเซี่ยเหล่ยตั้งแต่เด็กก็ค่อยๆงอกเงยขึ้นมา ก่อนหน้านี้เวลาเซี่ยเหล่ยมองเธอ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เขากลับพบว่ายิ่งมองเธอ ความรู้สึกพอใจก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น จนมันก่อตัวกลายเป็นความรู้สึกบางอย่างที่มีต่อเธอไปแล้ว
รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนมุมปากเซี่ยเหล่ย เขาคิดในใจ ‘เธอมักจะทะเลาะกับเราบ่อยๆ แต่ก็คอยแบ่งขนมให้ทุกครั้งที่เธอมี เธอยังคอยยืนอยู่ข้างเราเวลาเราเถียงกับคนอื่น แล้วก็ช่วยเราตัดสินว่าเราผิดหรือถูก มันคงเริ่มจากตอนนั้นที่ทำให้เรา… สลัดเธอออกไปไม่ได้เลย’
เหล่ย อย่าแต่งงานนะ… อย่าแต่ง… ดูเหมือนฝันดีก่อนหน้านี้จะหายไปแล้ว รวมถึงรอยยิ้มบางๆของเธอก็เช่นกัน กลายเป็นความเจ็บปวดค่อยๆแสดงออกมาผ่านสีหน้าเธอแทน
เซี่ยเหล่ยอดลูบหัวและแก้มเธอไม่ได้ ชู่ อย่าเสียงดังไปเลย นอนซะนะ นอน เจียงหยูยี่พึมพำเป็นคำบ่น เหล่ย คนโง่ คนใจร้าย ฉันชอบคุณมาตั้งแต่ตอนอายุ 13 แล้วนะ แต่คุณดันไม่เข้าใจอะไรเลย… คนบ้า ซื่อบื้อ…
การละเมอเมื่อครู่ทำเอาเซี่ยเหล่ยนิ่งไปด้วยความแปลกใจ ค คุณชอบผมมาตั้งแต่ 13 เลยเหรอ? นี่… นี่มันไม่โตเร็วไปหน่อยรึไง?
เด็กผู้หญิงจะถึงวัยแรกรุ่นเร็วกว่าเด็กผู้ชาย แต่เด็กผู้ชายมักไม่ค่อยรู้ตัวนัก
เจียงหยูยี่พูดกับคนในฝันต่อ เหล่ย แต่งกับฉันสิ ฉันจะมีลูกกับคุณเอง
เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ปัง! เสียงดังสนั่นดังมาจากใต้ก้อนหิน
เซี่ยเหล่ยรีบตรงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ป่าเบื้องล่างยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ยากที่จะมองสถานการณ์ท่ามกลางต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนนั่นได้แต่อย่างไรก็ตาม เซี่ยเหล่ยก็พอจะมองออกว่าคนที่ยิงปืนน่าจะอยู่ในป่าห่างออกไปจากเขา 1,000 เมตร ถึงศัตรูจะอยู่ในช่วงการยิงของเขาแต่เขาเองก็อยู่ในช่วงระยะยิงของศัตรูเช่นกัน
ใช่ไฮยีน่ารึเปล่านะ?
ปัง! ครั้งนี้กระสุนปะทะเข้ากับหินแม้แรงยิงจะไม่มากพอจะทำอะไรหินได้แต่ประกายไฟที่เกิดจากกระสุนก็ปรากฏแก่สายตาเซี่ยเหล่ยนั่นแปลว่ามือปืนยิงมาใกล้จุดซ่อนตัวของพวกเขามากทีเดียว!
เซี่ยเหล่ยมองหาไฮยีน่าด้วยการมองเอ็กซ์เรย์ แต่โชคร้ายที่หมอกบังการมองเห็นของเขาอยู่บวกกับระยะทางแล้ว เขาแทบมองหาเป้าหมายไม่ได้เลยแต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยเหล่ยก็พอวิเคราะห์หาตำแหน่งของไฮยีน่าได้จากทิศการยิงของนัดเมื่อครู่
เซี่ยเหล่ยวางนิ้วลงบนไกปืน XL2500 และเตรียมพร้อมจะยิง
‘เดี๋ยวนะ ไฮยีน่าเริ่มยิงแล้วเหรอ? นี่แปลว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเราแต่ตั้งใจจะดูปฏิกิริยาและสถานการณ์ของเราแน่ๆ’ เซี่ยเหล่ยคิดก่อนจะเอานิ้วออก
ฝนยังคงตกอยู่ต่อเนื่องพร้อมลมที่พัดแรง นักฆ่ามากประสบการณ์คนนั้นกำลังตั้งใจจะใช้สภาพแวดล้อมพวกนี้ให้กระทบกับการต่อสู้แน่นอน เพราะเขาคือใคร? ราชาแห่งโลกนักฆ่าไงล่ะ! เขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน?
ในขณะที่เซี่ยเหล่ยสังเกตการณ์อยู่ ไฮยีน่าก็ยิงซ้ำมาอีกสองสามครั้งและทุกนัดก็ตรงเข้าที่ด้านบนสุดของก้อนหิน เซี่ยเหล่ยยังคงไม่ตอบโต้ ไฮยีน่าจะไม่มีทางรู้สถานการณ์ล่าสุดของเขาถ้าเขาไม่ตอบโต้อะไรเลย ส่วนอันซูฮยอนถ้าเขาส่งคนมาจับตัวเซี่ยเหล่ยตอนนี้แล้วล่ะก็ เซี่ยเหล่ยจะยิงทิ้งให้หมดทุกคนที่ล้ำเส้นมาเลย!
สถานการณ์ของเซี่ยเหล่ยจะมีคนรู้ก็ต่อเมื่อเซี่ยเหล่ยเริ่มฆ่าใครอีกรอบเท่านั้น
ไม่กี่นาทีถัดมา มือปืนรัสเซียคนหนึ่งก็เดินออกมาจากป่าพร้อมโล่กันกระสุน เขาไต่ขึ้นยอดเขามาด้วยความระวังทุกฝีเก้า เซี่ยเหล่ยสอดนิ้วเข้าไกปืนอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ยิงออกไปเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเดินตามมือปืนรัสเซียคนนั้นออกมาจากป่าเลยสักคน
มือปืนคนเดิมเดินข้ามเส้นที่เซี่ยเหล่ยวาดไว้และข้ามกองศพไปแล้ว เขาเดินต่อไปอีกประมาณ 100 เมตรก่อนจะหยุดเดินแล้วค่อยๆถอนกำลังกลับเข้าป่าไป
ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะเป็นแมวมองถ้าเซี่ยเหล่ยฆ่าเขา ไฮยีน่าคงรู้ได้ง่ายๆแน่นอนว่าตอนนี้เซี่ยเหล่ยเป็นยังไงบ้าง
ริมฝีปากเขาค่อยๆแสยะยิ้มเมื่อเห็นมือปืนรัสเซียกลับเข้าไปในป่า ‘ไฮยีน่าเป็นนักฆ่าแนวหน้าที่มากประสบการณ์ แต่การทดสอบเพื่อดูสถานการณ์ของเรากำลังทำให้เรารู้แผนของเขา’ เซี่ยเหล่ยเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและฝน พึมพำกับตัวเอง พวกนั้นต้องเริ่มโจมตีพรุ่งนี้เช้าแน่ๆ
บางครั้งคนที่ฉลาดเกินไปก็อาจติดกับดักความฉลาดของตัวเองได้ ประสบการณ์ก็เช่นกัน การมีมันเยอะเกินไปก็อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะพลาดมากขึ้นได้ด้วย
ภายในป่าไฮยีน่าลดปืนลง เขาเดาคร่าวๆได้ว่าตำแหน่งของเซี่ยเหล่ยอยู่ตรงไหน แต่ตอนนี้เขามองไม่เห็นแม้แต่ไรผมของเซี่ยเหล่ยเลยจริงๆไฮยีน่าเองก็กลัวจะถูกเซี่ยเหล่ยหาตัวเจอก่อนเช่นกันเพราะเขารู้ว่าเซี่ยเหล่ยแข็งแกร่งขนาดไหนและถ้าเขาทำให้เซี่ยเหล่ยรู้จุดประสงค์ของตัวเองเมื่อไหร่ เขาอาจจะกลายเป็นเป้ายิงเป้าแรกของเซี่ยเหล่ยเลยก็ได้
ไฮยีน่าใช้สองวิธีนี้เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของเซี่ยเหล่ย แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ตอนนี้เขาจึงไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าจะทำอะไรต่อ เมื่อมือปืนรัสเซียคนนั้นกลับเข้ามาแล้ว ไฮยีน่าก็พยายามคิดหาคำตอบ ‘นี่เขาป่วยเพราะตากฝนมาทั้งคืนจริงๆรึเปล่า? เป็นไข้หนักถึงขั้นสู้ไม่ไหวเลยงั้นเหรอ? ถ้าไม่ได้ป่วย แล้วทำไมเขาถึงปล่อยให้เป้าหมายวิ่งหนีไปแบบนั้นล่ะ?’
อันซูฮยอนเดินตรงเข้ามา คุณไฮยีน่าเซี่ยเหล่ยอาจจะป่วยเพราะฝนก็ได้ อากาศกลางคืนก็หนาวมากๆ แม้แต่คนความอดทนสูงก็ต้องยอมแพ้เลย หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งอันซูฮยอนก็พูดต่อ ถ้าเราโจมตีมันตอนนี้เลยล่ะ? ผมจะให้คนของผมเตรียมตัวเข้าชาร์จพร้อมกัน ส่วนคุณก็หาโอกาสฆ่าเขาในนัดเดียวไปเลย
ข้อเสนอนี้น่าสนใจ
ไฮยีน่านิ่งคิดเล็กน้อยแต่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เซี่ยเหล่ยไม่อ่อนแอขนาดนั้น เขาคงไม่ยิงเพื่อล่อให้เราออกไป เราควรรอจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า คนของเราเองก็มียอดเขาพวกนี้ล้อมรอบ ดังนั้นเซี่ยเหล่ยคงไม่มีทางหนีแล้วเหมือนกัน ตอนนี้มันเสี่ยงเกินไปที่จะเคลื่อนไหว ไม่มีอะไรรับประกันเราได้ด้วย ถ้าเป็นพรุ่งนี้เราอาจจะมีโอกาสที่ดีกว่า
โอเค งั้นเราจะรอกันอีก 24 ชั่วโมง พรุ่งนี้ผมจะต้องจับตายเซี่ยเหล่ยให้ได้! อันซูฮยอนกล่าว
ไฮยีน่าเงยขึ้นมองยอดเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกพร้อมครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ทางด้านบนเขา เซี่ยเหล่ยเองก็กำลังมองลงไปยังป่าเบื้องล่างและคิดอยู่เช่นกัน ‘ถ้าเราคิดถูก พวกนั้นจะต้องบุกขึ้นมาบนนี้พรุ่งนี้เช้าแน่ แต่อันซูฮยอนจะขึ้นมาด้วยรึเปล่าล่ะ? ถ้าปรากฏตัวเมื่อไหร่เราจะยิงทิ้งทันทีเลย!’
นี่คือสงครามของนักล่าและมีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะได้ออกไปจากเกาะนี้แบบมีชีวิต!
เจียงหยูยี่ยังคงนอนหลับสนิทโดยไม่รับรู้อะไรเลยเพราะเพียงแค่มีเซี่ยเหล่ยอยู่ข้างๆเธอก็ไม่กังวลอะไรอีกแล้ว สิ่งที่เธอรู้สึกได้มีแค่ความสงบและอ่อนหวานเท่านั้น
โอกาสนี้อาจเรียกได้ว่านี่เป็น ‘ฮันนีมูน’ ของเธอเลยก็ได้….