โดยปกติแล้วสุนัขจะมีประสาทสัมผัสที่ไวกว่ามนุษย์หลายเท่าดังนั้นพวกมันจึงสามารถมองเห็นได้ไกลแม้จะเป็นเวลากลางคืนและสามารถดมกลิ่นได้อย่างยอดเยี่ยมแม้เป้าหมายจะอยู่ห่างไกลก็ตามด้วยเศษของกางเกงที่ฉีกขาดของเจียงหยูยี่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ ทำให้สุนักดมกลิ่นที่ผ่านการฝึกฝนสามารถติดตามหาตำแหน่งของเธอได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
การที่สุนัขดมกลิ่มอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แสดงว่าเหล่ามือปืนจะต้องอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วยเช่นกัน
เซี่ยเหล่ยเห็นสุนัขดมกลิ่นอย่างชัดเจน พวกมันดูฉลาดมากนานๆครั้งพวกมันจะเห่าสลับกับการดมกลิ่นในอากาศ
ไม่นานกลุ่มของมือปืนก็ได้เข้ามาอยู่ในเขตการมองเห็นของเซี่ยเหล่ยเป็นที่เรียบร้อย พวกมันเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากแม้ว่าภูมิประเทศจะเป็นเขตภูเขาและเป็นป่ารกทึบที่มีพื้นผิวที่ขรุขระ เซี่ยเหล่ยรู้ได้ทันทีว่ากลุ่มมือปืนนี้เหล่านี้ไม่ธรรมดา
แต่ในกลุ่มมือปืนกลุ่มนั้น เซี่ยเหล่ยไม่เห็นอันซูฮยอนและไฮยีน่าเลย มันทำให้เขากังวลเล็กน้อยว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนโดยก่อนหน้านี้เขาวางแผนที่จะหาตำแหน่งที่ได้เปรียบจากนั้นก็แอบซุ่มเพื่อชิงลงมือฆ่าอันซูฮยอนและไฮยีน่าก่อนดังนั้นเขาจึงลังเลว่าในขณะจะทำอย่างไรดีเพราะถ้ายิงกลุ่มมือปืนและสุนัขดมกลิ่นก็จะทำให้อันซูฮยอนและไฮยีน่ารู้ตำแหน่งของเขาได้
เขาจะทำอย่างไรดีนี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก!
ในขณะที่เขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดีนั้น สุนัขดมกลิ่นและกลุ่มมือปืนก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาอยู่ที่ไหน? เจียงหยูยี่พูดอย่างประหม่าก่อนจะพูดต่อว่า ฉันได้ยินเสียงสุนัขเห่า พวกเขาอยู่ใกล้ๆที่นี่แล้วใช่มั้ย? ความกล้าหาญของเธอเริ่มลดน้อยลงไปทุกทีแม้ว่าเดิมทีเธอจะเป็นตำรวจซึ่งหน้าที่หลักของเธอคือการจับโจรหรือผู้ร้ายซึ่งในกรณีนี้เธอจะต้องจับมือปืนเหล่านี้ให้ได้แต่อย่างไรก็ตามเธอก็มีทางทำได้แน่นอน เนื่องจากปกติแล้วผู้ร้ายหรือโจรทั่วไปจะไม่มีทักษะและความสามารถอะไรเป็นพิเศษ ทำให้เธอไม่กลัวและสามารถต่อกรกับคนเหล่านั้นได้แต่กับกลุ่มมือปืนกลุ่มนี้มันผิดกัน พวกเขาเป็นมือปืนที่เลือดเย็นและมีความสามารถและดูเหมือนจะมีความสามารถมากกว่าเธอด้วยซ้ำ เธอซึ่งรู้เรื่องนี้ดีจึงเกิดความกลัวและไม่กล้าลงมือทำอะไร
เซี่ยเหล่ยจับมือของเธอเบาๆก่อนจะพูดว่า ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ผมอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณได้ตราบที่ผมยังมีชีวิตอยู่
เจียงหยูยี่ยิ้มเล็กน้อย เธอรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจขึ้นมาทันที
แต่คุณต้องจำไว้ว่าอย่าขยับไปไหน คุณต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ที่สำคัญอย่าโผล่หัวขึ้นมาเด็ดขาด พวกเขามีมือซุ่มยิงอยู่ เซี่ยเหล่ยเตือน
งั้นคุณจะสู้กับพวกเขาด้วยตัวคนเดียวอย่างนั้นเหรอ? พวกเขามีกันตั้งเยอะนะ คุณจะสู้กับพวกเขาด้วยตัวคนเดียวได้ยังไง? เจียงหยูยี่พูดด้วยความเป็นห่วง
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดว่า ไม่เป็นอะไร คุณรอดูก็แล้วกัน อ้อใช่…ถ้าผมบอกให้ยิงเมื่อไหร่ คุณก็ค่อยยิงในตอนนั้นนะ ถ้าผมไม่สั่งอย่าเพิ่งยิงเด็ดขาดและต้องจำให้ขึ้นใจเลยว่าอย่ายื่นหัวขึ้นไปเด็ดขาด
มันจะดีงั้นเหรอ? เจียงหยูยี่ถามด้วยความเป็นห่วง
เซี่ยเหล่ยยกมือขึ้นพร้อมกับง้างมือทันที
เจียงหยูยี่รีบพูดทันทีว่า เข้าใจแล้ว ฉันจะทำตามที่คุณบอก ฉันจะก้มหัวตลอดเวลาและจะยิงก็ต่อเมื่อคุณสั่งให้ยิงเท่านั้น
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะมองลงไปที่กลุ่มมือปืนอีกครั้ง
จังหวะเดียวกันนี้ก็มีสุนัขดมกลิ่นตัวหนึ่งพุ่งออกตัวอย่างรวดเร็วโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ก้อนหินที่พวกเขาใช้ซุ่มโจมตีอยู่ในขณะนี้
เซี่ยเหล่ยปรับปากกระบอกปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 พร้อมกับเตรียมเล็งยิง เขาเล็งอยู่หนึ่งวินาทีก่อนจะลั่นไก กระสุนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและตรงเข้ากระโหลกศีรษะของสุนัขดมกลิ่นตัวนั้นทันที เนื่องจากกระสุนทะลุกระโหลกศรีษะทำให้มันไม่มีโอกาสได้เห่าเลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันนี้สุนัขดมกลิ่นตัวอื่นๆก็หยุดวิ่งชั่วขณะ ก่อนที่จะเริ่มออกตามล่าอีกครั้ง พวกมันได้รับการฝึกให้ทำภารกิจต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ ในตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะหยุดพวกมันได้นอกจากคำสั่งของคนคุมเท่านั้น
เจียงหยุยี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเซี่ยเหล่ยยิงอะไร เธอสงสัยและมองไปที่เขาตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยยังคงยิงนัดที่สองออกไป ด้วยความสงสัยเธอจึงถามออกไปว่า นั่นคุณกำลังยิงอะไร?
เสียงพูดของเธอสิ้นสุดลงพร้อมกับลมหายใจของสุนัขดมกลิ่นตัวที่สอง อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยยังคงยิงนัดที่สามโดยยังไม่ได้หันไปตอบคำถามเธอ
แต่เมื่อยิงนัดที่สามเสร็จเรียบร้อย เซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นว่า ผมยิงสุนัขดมกลิ่นของพวกเขา พูดเสร็จก็หันไปยิงนัดที่สี่เพื่อจบชีวิตของสนัขดมกลิ่นตัวสุดท้าย
สุนัขดมกลิ่นทั้งสี่ตัวตายหมดแล้ว!
การที่กลุ่มมือปืนต้องเสียสุนัขดมกลิ่นไปมันก็เหมือนกับเป็นการปิดตาของพวกเขา แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเข้ามาใกล้กับเซี่ยเหล่ยมากแล้วก็ตามแต่ก็ยังไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของเซี่ยเหล่ยอยู่ดี
ผิดกับเซี่ยเหล่ยที่เห็นพวกเขาอย่างชัดเจน นอกจากนี้กลุ่มมือปืนยังอยู่ในระยะการมองเห็นของเซี่ยเหล่ยอีกด้วย เขาพร้อมที่จะยิงมือปืนทุกคนตลอดเวลา แม้ว่าจุดนี้จะเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการซุ่มโจมตีแต่มันก็มีข้อเสียอยู่เพราะถ้าโดนปืนยิงลูกระเบิด พวกเขาก็จะไม่สามารถหลบไปไหนได้ทัน
ตอนนี้สุนัขดมกลิ่นตายไปหมดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังประมาทไม่ได้ จำไว้ว่าอย่าโผล่หัวขึ้นมาและจะยิงได้ก็ต่อเมื่อผมสั่งเท่านั้น อย่าลืมเรื่องนี้เป็นอันขาด อีกอย่างในตอนที่ยิงคุณไม่จำเป็นต้องเล็งอะไรทั้งสิ้น คุณเพียงแค่โผล่ปากกระบอกปืนออกไปแล้วก็ลั่นไกแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เซี่ยเหล่ยเตือนเจียงหยูยี่อีกครั้ง
เข้าใจแล้ว เจียงหยูยี่ตอบพร้อมพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะพูดประจบว่า ว่าแต่คุณนี่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณจะเก่งได้ขนาดนี้
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะพูดว่า ก็คุณคอยแต่จะรังแกผม คุณจะรู้ได้ยังไงว่าผมเก่งแค่ไหน
เจียงหยูยี่กัดรีมฝีปากหนึ่งครั้งก่อนจะพูดว่า โอเค ฉันผิด…ฉันยอมรับ พูดจบก็ขยับตัวเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยก่อนจะหอมแก้มเขาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็พูดต่อว่า นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งสำหรับคำขอโทษของฉัน นอกจากนี้เมื่อเราหนีออกจากที่นี่ได้ ฉันยินดีจะขอโทษคุณมากกว่านี้อีก
นี่เป็นคำพูดที่แฝงนัยยะของเธอ
เซี่ยเหล่ยใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งในการนับจำนวนกลุ่มมือปืนที่เขากำลังเจออยู่ นับรวมทั้งหมดแล้วมีทั้งหมดสิบสองคน พวกเขาอยู่ห่างจากศพของสุนัขดมกลิ่นหลายสิบเมตรและยังไม่มีท่าทีว่าจะเดินออกมาจากแนวป่าทึบอีกด้วย
เซี่ยเหล่ยกำลังเล็งไปที่หนึ่งในกลุ่มมือปืนแต่เขายังไม่ได้ยิง เขาหันไปพูดกับเจียงหยูยี่เบาๆว่า พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากเรามากแล้ว อย่าลืมสิ่งที่ผมเตือนไปหล่ะ
เจียงหยูยี่พยักหน้าทันที แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าศัตรูอยู่ตำแหน่งไหนแต่เธอก็เชื่อใจและทำตามที่เซี่ยเหล่ยบอกทุกอย่าง มันก็ไม่แปลกอะไรที่เธอจะมองไม่เห็นกลุ่มมือปืนเพราะระยะห่างจากตำแหน่งของพวกเขาและตำแหน่งของกลุ่มมือปืนในตอนนี้อยู่ห่างกันราวๆหนึ่งพันเมตร ด้วยระยะที่ไกลขนาดนี้แม้จะเป็นเวลากลางวันคนธรรมดาก็อาจจะมองไม่เห็น ดังนั้นในเวลานี้ที่เป็นเวลากลางคืน เธอจึงหมดสิทธิ์ที่จะเห็นแน่นอน
กลุ่มมือปืนที่อยู่ในแนวป่าทึบนั้น พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ได้กลายเป็นเป้าหมายของเซี่ยเหล่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้วแม้ว่าจะหลบซ่อนอยู่ในแนวป่าทึบก็ตามแต่ก็ไม่ได้อยู่ลึกเข้าไปมากดังนั้นมันจึงง่ายมากสำหรับเซี่ยเหล่ยที่เห็นพวกเขาทั้งหมดและสามารถจัดการพวกเขาได้ แต่เขาก็ยังนิ่งและไม่ลงมือยิงใครซักคน!
‘การที่อันซูฮยอนไม่ได้อยู่ในกลุ่มมือปืนกลุ่มนี้ก็เป็นไปได้ว่าเขาจะแยกตัวไปกับกลุ่มอื่นหรือไม่ก็ตามหลังกลุ่มนี้เพื่อเป็นกำลังเสริม ดูเหมือนเขาจะฉลาดกว่าที่คิดนะ ‘ เซี่ยเหล่ยคิดในใจ ขณะเดียวกันนี้ทั้งสองยอดเขาก็มีแสงไฟสว่างขึ้น มันสามารถเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่าของคนธรรมดา เจียงหยูยี่ก็เห็นแสงไฟนี้เช่นกัน ดูเหมือนมันจะเป็นแสงไฟจบคบไฟ
เซี่ยเหล่ยคิดว่า ‘พวกเขาแยกออกเป็นสามกลุ่มสินะ การที่อีกสองกลุ่มมีคบไฟที่สามารถเห็นได้ง่ายแม้จะอยู่ไกล ส่วนกลุ่มที่อยู่ตรงกลางกลับไม่มีคบไฟ แสดงว่ากลุ่มนี้ไม่ต้องการให้เรารู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา พวกเขาต้องการให้เราประมาทและมีพวกเขามีเพียงสองกลุ่มเท่านั้นสินะ ‘
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยคิดเสร็จ อันซูฮยอนก็ปรากฏตัวขึ้นทันทีในกลุ่มของมือปืนที่อยู่กลุ่มกลางดูเหมือนเขาจะใช้เงินไปมากกับเครื่องป้องกันของเขาเพราะเขากำลังสวมชุดเกราะพิเศษที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ เขาสวมมันตั้งแต่หัวจรดเท้าและไม่เหลือพื้นที่ของผิวหนังไว้เลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้เขายังถือเกราะกันกระสุนเอาไว้อีกด้วย อุปกรณ์ป้องกันตัวของเขาสมบูรณ์แบบอย่างมาก ดูเหมือนกระสุนจากปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ก็ไม่อาจทำอะไรอุปกรณ์ป้องกันเหล่านี้ได้
โชคดีที่กลุ่มมือปืนทุกคนไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่สุดยอดนั้นเพราะถ้าเป็นแบบนั้นความหวังที่จะหลบหนีออกจากเกาะก็จะกลายเป็นศูนย์ทันที
จู่ๆก็มีเสียงตะโกนผ่านลำโพงออกมาจากป่าด้านขวาขวาว่า เซี่ยเหล่ย ผมคืออันซูฮยอน ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่แล้ว ผมได้นำสิ่งที่คุณต้องการมาแล้ว คุณอยู่ที่ไหนโปรดแสดงตัวด้วย!
อันซูฮยอนตัวจริงอยู่กับกลุ่มตรงกลางแต่มีใครบางคนแสร้งปลอมตัวเป็นอันซูฮยอนและตะโกนออกมา
เซี่ยเหล่ยมองไปที่มือปืนที่สวมรอยคนนั้น ในมือของเขาถือลำโพงและอุปกรณ์ควบคุมอยู่ ดูเหมือนเขาจะบันทึกเสียงของอันซูฮยอนเอาไว้ก่อนหน้านี้
เซี่ยเหล่ยยิ้มที่มุมปากก่อนจะพูดกับตัวเองว่า หึ! นี่เขาคิดจะฆ่าเราแต่ไม่กล้าเสี่ยงเลยอย่างนั้นเหรอ? แม้แต่ตอนนี้ก็ยังใช้คนอื่นเป็นโล่ให้กับตัวเอง แต่เอาเถอะ…ไม่ว่ายังไงคุณก็จะต้องตายอยู่ที่นี่ด้วยน้ำมือของเรา’
พิ้ว! เสียงนุ่มละมุนของปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ดังขึ้นพร้อมกับมือปืนคนหนึ่งจากกลุ่มตรงกลางค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นไปหาเซี่ยเหล่ยล้มลงไปนอนข้างๆกับศพของสุนัขดมกลิ่น กระสุนตรงเข้าหัวของเขาอย่างแม่นยำ เขาเสียชีวิตคาที่ในทันที
เขายิงมาที่เรา! มือปืนคนหนึ่งตะโกนออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างตัวเองล้มลง
พิ้ว! กระสุนปืนไรเฟิลซุ่มยิงถูกยิงออกมาอีกหนึ่งนัด มันตรงเข้าที่หน้าผากของมือปืนที่ตะโกนเตือนคนอื่นๆ เขาเองก็ตายคาที่!
การตายของทั้งสองคนนั้นทำให้กลุ่มมือปืนต่างกระจายตัวออกเล็กน้อยพร้อมกับหาที่กำบังที่ใหม่ เมื่อได้ที่กำบังใหม่แล้วพวกเขาก็ใช้ปืนไรเฟิลจู่โจม M16A2 ยิงตอบโต้กลับไป แต่น่าเสียดายที่มันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เนื่องจากระยะหวังผลของปืนไรเฟิลจู่โจม M16A2 อยู่ที่ระยะ 600 เมตรเท่านั้น แต่เซี่ยเหล่ยและเจียงหยูยี่อยู่ห่างออกไปถึงหนึ่งพันเมตร ดังนั้นกระสุนที่ลอยมาตกบริเวณพวกเขาจึงไม่ได้เฉียดตัวพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เซี่ยเหล่ยเริ่มเปิดฉากยิงสุนัขดมกลิ่นในตอนแรก เพราะเขาไม่อยากให้กลุ่มมือปืนเข้ามาในระยะยิงของปืนไรเฟิลจู่โจม M16A2 ได้ เพราะนอกจากนี้ด้วยระยะนี้ยังเป็นระยะที่สามารถยิงปืนลูกระเบิดได้อีกด้วย
แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที๋โดนล้อม แต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใดผิดกับเจียงหยูยี่ที่ตอนนี้เธอดูตื่นตระหนกอย่างมากแต่มันก็ไม่แปลกเพราะเซี่ยเหล่ยเคยมีประสบการณ์ในทำนองนี้มาหลายครั้งแล้ว ผิดกับเธอที่เพิ่งจะเคยเจอสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้เป็นครั้งแรก มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เซี่ยเหล่ยสังเกตปฏิกิริยาของเธอ เขาเข้าใจเธอเป็นอย่างดีเพราะเขาเองก็เคยผ่านจุดๆนี้มาก่อน
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยอยากจะปลอบและให้กำลังใจเธอแต่เขาก็ทำไม่ได้เพราะต้องตั้งสมาธิอยู่กับศัตรูที่ไม่อาจละสายตาไปได้ เพราะนั่นอาจจะเป็นวินาทีที่ผิดพลาดจนอาจจะส่งผลต่อชีวิตของพวกเขาก็ได้!