ต่อจากนี้จะทำอะไรก็ระวังตัวด้วย เซี่ยเหล่ยยพูดในขณะที่ยืนอยู่ตรงประตูเกทของสนามบินพร้อมกับจับมือของเฉินตูเทียนหยินก่อนจะพูดต่อว่า จำสิ่งที่ผมเคยบอกไปให้ดี ไม่ว่าจะไปที่ไหนใกล้หรือไกล แปปเดียวหรือนาน ไม่ว่ายังไงก็ต้องพาบอดี้การ์ดไปด้วยทุกครั้ง นอกจากนี้ถ้ารู้สึกว่าสถานการณ์ดูไม่ปลอดภัยหรือเพียงแค่สงสัยอะไรเล็กๆน้อยๆก็ตามให้รีบโทรหาผมทันที แม้ว่าผมจะมาด้วยตัวเองไม่ได้แต่ผมจะส่งหลงบิงมาช่วยคุณแน่นอน
เข้าใจแล้ว เฉินตูเทียนหยินหัวเราะก่อนจะพูดว่า ตอนนี้คุณเหมือนกับพ่อของฉันมากจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า… ฉันจะไม่ลืมเด็ดขาด
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดว่า ผมจะไปแล้วและผมยังต้องไปจัดการกับหลายๆเรื่องที่ยังค้างคา
เฉินตูเทียนหยินขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะจูบที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยนหนึ่งครั้งจากนั้นก็พูดว่า เข้าใจแล้ว ไปเถอะ
อะแฮ่ม ฟู่หมิงเหม่ยไอขัดจังหวะก่อนจะพูดว่า พวกคุณทั้งสองไม่กลัวคนอื่นจะถ่ายภาพเอาไว้เลยใช่มั้ย? ฉันอยากให้พวกคุณระวังเรื่องนี้หน่อยนะ มันมีผลต่อภาพลักษณ์ของพวกคุณ
เฉินตูเทียนหยินเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน มันทำให้เธอเป็นที่นิยมและได้รับความสนใจจากหลายวงการเซี่ยเหล่ยเองก็เช่นกัน เขาสร้างชื่อให้กับตัวเองและกลายเป็นฮีโร่ของชาติไปโดนปริยาย การที่พวกเขายืนจูบกันในที่สาธารณะ มันจะต้องมีรูปหลุดของพวกเขาอยู่ตามอินเตอร์เน็ตอย่างแน่นอน
เฉินตูเทียนหยินไม่สนใจ เธอยิ้มก่อนจะพูดว่า ฉันไม่สนใจ พวกเขาอยากจะถ่ายก็ถ่ายไป ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยนี่ ฉันแค่จูบสามีของฉันเท่านั้น
เฉินตูเทียนหยินดูเปลี่ยนไปมากขึ้นหลังจากจดทะเบียนสมรส เธอมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะพูดว่า ใช่แล้ว ผมเองก็จูบกับภรรยานี่ ไม่ได้จูบกับคนอื่นซักหน่อย
ฮะ? คุณอยากจะจูบผู้หญิงคนอื่นด้วยงั้นเหรอ? เฉินตูเทียนหยินพูด เธอแสร้งทำเป็นโกรธก่อนจะตีไปที่ก้นของเซี่ยเหล่ย
แน่นอนว่าตอนนี้มีคนแอบถ่ายพวกเขาอยู่ และช็อตที่เฉินตูเทียนหยินตีก้นของเซี่ยเหล่ยก็ถูกถ่ายไว้เป็นที่เรียบร้อย ภาพนี้จะต้องเป็นประเด็นร้อนทั่วอินเทอร์เน็ตแน่นอน
เซี่ยเหล่ยรีบตอบอย่างงุ่มง่ามทันทีว่า เอ่อ…ผมจะเข้าไปแล้ว คุณกลับเถอะ
ไม่ ฉันจะรอส่งคุณก่อน เฉินตูเทียนหยินพูด
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไป
ฟู่หมิงเหม่ยเดินไปกอดเอวของเฉินตูเทียนหยินก่อนจะจับมือและพาเธอกลับบ้าน ขณะที่พวกเธอกำลังเดิน ด้านหลังของพวกเธอมีบอดี้การ์ดอีกสี่คนเดินตามตลอด พวกเขาคือไป๋ไท่ฉือ จินเฉินฮวน ไป๋เค่อลี่และจินต้าหู่
เซี่ยเหล่ยที่กำลังจะเดินเข้าประตูเกทของสนามบินอยู่แล้วนั้น ได้ตัดสินใจหันกลับไปมองที่เธอหนึ่งครั้งด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่ามีบอดี้การ์ดเดินตามเธออยู่ตลอดเวลา เขาก็รู้สึกโล่งและสบายใจมากขึ้น
เซี่ยเหล่ยใช้เวลาในการบินไม่นาน เขาก็มาถึงสนามบินของเมืองห่ายจูทั่วทั้งท้องฟ้าของเมืองห่ายจูในขณะนี้สามารถเห็นดาวได้อย่างชัดเจน มันสวยงามอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เซี่ยเหล่ยก็ออกจากสนามบิน เขามองหารถแท็กซี่เพื่อไปที่บริษัทในขณะนี้เขารู้สึกหว้าเหว่เล็กน้อยเนื่องจากต้องห่างกับเฉินตูเทียนหยิน
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะพวกเขาเพิ่งจะพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นไปอีกขึ้น จะมีรู้หว้าเหว่บ้างก็เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป
เมื่อถึงบริษัท เขาก็ตรงไปหากวนหลิงชานเพื่อปรึกษาและพูดคุยเกี่ยวกับการผลิตทันที เซี่ยเหล่ยใช้เวลาคุยกับเธอไม่นานก็ปล่อยให้เธอไปทำงานของตัวเอง เขาไว้ใจเธอมาก ดังนั้นเขาจึงปล่อยทุกอย่างให้เธอจัดการ ส่วนตัวเองก็รอการติดต่อจากเยเลน่าและเซี่ยฉางห่าย แต่เนื่องจากเขาไม่ได้กำหนดสถานที่และวันเวลาเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่ามันจะเป็นเมื่อไหร่?
ด้วยความช่วยเหลือของเยเลน่าและเซี่ยฉางห่ายพ่อของเขา ทำให้เขาสามารถจัดการกับอันกวนได้อย่างอยู่หมัด
พวกเขาถือเป็นคู่สามีภรรยาที่ยอดเยี่ยมคู่หนึ่งเพราะแม้ว่าใครคนใดคนหนึ่งจะเจอกับปัญหา พวกเขาไม่ทิ้งกันแถมยังพร้อมที่จะช่วยเหลือกันอีกด้วย!
เมื่อทุกอย่างที่บริษัทเสร็จเรียบร้อย เซี่ยเหล่ยก็เตรียมตัวที่จะกลับบ้าน
ในระหว่างทางที่กำลังกลับบ้าน เขาเห็นบ้านของเจียงหยูยี่ไม่ได้เปิดไฟ เขาไม่แน่ใจว่าเธอนอนหลับไปแล้วหรือเปล่า หรือว่ากำลังทำงานล่วงเวลาอยู่ที่สถานีตำรวจกันแน่
มีช่วงหนึ่งในใจที่เขาอยากจะเดินไปเคาะประตูหน้าบ้านของเธอแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ เขาคิดว่า ‘ตอนนี้เราเป็นสามีของเฉินตูเทียนหยินแล้ว มันไม่เหมาะซักเท่าไหร่ที่จะไปเคาะประตูบ้านของเธอในเวลาแบบนี้ ‘
แม้ว่าเขาอยากจะคุยกับเจียงหยูยี่มาก แต่ก็จำใจเพราะทำอะไรไม่ได้
ที่บ้านของเขาเงียบมากเนื่องจากไม่มีใครอยู่ ซึ่งในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น หางตาของเขาก็ไปสะดุดตาเข้ากับเอกสารบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจัดระเบียบและทำความสะอาดบ้านไป เขาไม่ได้วางอะไรไว้แน่นอน แต่จู่ๆตอนนี้มันก็มาอยู่บนโต๊ะ มันมาอยู่ในบ้านได้อย่างไร?
เซี่ยเหล่ยกระตุกตาซ้ายเล็กน้อยทันที จากนั้นก็มองไปรอบๆทั่วทั้งบ้าน แต่ก็ไม่พบว่ามีใครอยู่
เซี่ยเหล่ยเดินไปหยิบซองเอกสารขึ้นมาก่อนจะเปิดมันออก ภายในมีภาพถ่ายจำนวนหนึ่งพร้อมกับเอกสารบางอย่างอีกสองสามฉบับ เขาอ่านอย่างรวดเร็วจนพบว่ามันคือหลักฐานที่เอาไว้ใช้เล่นงานอันกวน นอกจากนี้ยังมีจดหมายเล็กๆหนึ่งฉบับถูกพับและซ่อนไว้อยู่ด้วย
เซี่ยเหล่ยยิ้มทันที เขากลับมาที่เมืองห่ายจูก็เพื่อสิ่งนี้
พ่อมีพลังจิตหรือเปล่านะ? ทำไมถึงได้รู้ความต้องการของเราตลอดเลย แต่จะว่าไปทำไมมาแล้วไม่รอเจอกันซักหน่อยนะ? เซี่ยเหล่ยพูดคนเดียวก่อนจะเปิดซองจดหมาย
บนจดหมายมีลายมือของเซี่ยฉางห่ายเขียนเอาไว้ว่า: ถึงลูกชาย เดิมที่พ่อมีแผนจะฆ่าอันกวนและอันซูฮยอนเพื่อลูก แต่ก็ทำไม่สำเร็จ พ่อและเยเลน่าเจอกับไฮยีน่า ที่นั่น เขาเป็นนักฆ่าจากต่างประเทศ เขาเป็นนักฆ่ามืออาชีพที่น่ากลัวและเก่งมากยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่เคยทำงานพลาดมาก่อนเลยด้วยเรียกได้ว่าเขาเป็นราชาแห่งโลกของนักฆ่าจริงๆ ดังนั้นลูกต้องระวัง ต้องระวังให้มากและมากกว่าครั้งก่อนๆที่ผ่านมา
ด้านล่างของจดหมายมีภาพสเก็ตของไฮยีน่าแนบมาด้วย
เซี่ยเหล่ยเดินไปที่ระเบียงพร้อมจดหมายที่ยังอยู่ในมือ เขามองออกไปไกลสุดสายตาก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนอาคารที่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร คนๆนั้นคือพ่อของเขา เซี่ยฉางห่ายในมือของเขาถือปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ซึ่งในขณะเดียวกันนี้เขาก็ใช้กล้องเล็งของปืนส่องมองมาที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า ‘ผมจะระวังตัว พ่อเองก็เช่นกัน’
เขาพูดเพื่อให้เซี่ยฉางห่ายอ่านปาก
เซี่ยฉางห่ายอ่านปากของเซี่ยเหล่ยพร้อมกับยิ้มก่อนจะหันหลังแล้วก็เดินหายไปในความมืด
‘การที่พ่อมีปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL 2500 แต่ก็ไม่สามารถฆ่าไฮยีน่าได้แสดงว่าเขาจะต้องเก่งมากจริงๆ เขาเป็นใครกันแน่?’
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่ได้กลัวนักฆ่าที่เรียกตัวเองว่า ‘ไฮยีน่า’ ซักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่เขากลัวและกังวลอย่างมากก็คือคนใกล้ตัวของเขาอาจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เพราะถ้าคนเหล่านั้นถูก ไฮยีน่า เล็งให้เป็นเป้าหมายไว้ พวกเขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้อย่างแน่นอน
จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูบ้านของเขา
เซี่ยเหล่ยกระตุกตาซ้ายเล็กน้อยก่อนจะมองออกไปก็พบว่าเป็นเจียงหยูยี่ เธอยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
‘ทำไมเธอมาในเวลานี้หล่ะ?’ เซี่ยเหล่ยคิดพร้อมกับรู้สึกปวดหัวทันทีที่เธอมาในเวลานี้
เจียงหยูยี่ยังคงเคาะประตูอีกสามครั้ง
นั่นใคร? เซี่ยเหล่ยถามในขณะที่กำลังเดินไปเปิดประตู
ใครงั้นเหรอ? ฉันเอง เจียงหยูยี่ตอบ เซี่ยเหล่ยเปิดประตูก่อนที่จะยิ้มและพูดขึ้นว่า โอ้หยูยี่งั้นเหรอ? เข้ามาก่อนสิ
เจียงหยูยี่เดินเข้าบ้านไปพร้อมกับตรงไปนั่งที่โซฟาทันที
อืม…ผมจะไปเอาชามาให้นะ เซี่ยเหล่ยพูดอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูออกเลยว่าเขากำลังกังวลกับอะไรบางอย่างอยู่ ไอลีนโนเวล
ไม่จำเป็น ที่บ้านคุณไม่มีน้ำร้อนนี่…จะชงชาได้ยังไงหล่ะ? เจียงหยูยี่พูด
เซี่ยเหล่ยยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะพูดว่า หยูยี่ มีอะไรงั้นเหรอถึงมาเอาป่านนี้?
เจียงหยูยี่แสดงสีหน้าไม่พอใจก่อนจะพูดอย่างขุ่นเคืองว่า อะไรกัน แค่คุณแต่งงานไปแล้ว ฉันก็มาที่นี่ไม่ได้งั้นเหรอ? นี่ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนกับคุณแล้วใช่มั้ย?
ไม่ใช่แบบนั้นนะ เซี่ยเหล่ยรีบพูดทันทีเพราะกลัวเธอจะเข้าใจผิด ก่อนจะพูดต่อว่า ผมแค่กังวลนิดหน่อยที่คุณมาเอาดึกดื่นป่านนี้ เจียงหยูยี่เปิดประเป๋าที่เธอพามาด้วยออกก่อนจะหยิบเงินสดที่ถูกห่อไว้ออกมาห้าห่อ นอกจากนี้ก็ยังหยิบกล่องเครื่องประดับพร้อมกับบัตรเครดิตออกมาด้วย จากนั้นก็ผลักทั้งหมดไปกองไว้ด้านหน้าของเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยตกใจอย่างมากจึงรีบถามทันทีว่า หยูยี่ คุณ…คุณกำลังทำอะไร?
นี่คือเงินที่คุณเคยให้ฉัน ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล 500,000 หยวน ฉันจะพยายามทยอยผ่อนจ่ายคุณครั้งละ 50,000 หยวนตอนนี้จึงเหลือ 450,000 หยวนแล้ว มันอาจจะช้าหน่อย แต่ฉันจะจ่ายคืนให้หมดอย่างแน่นอน เจียงหยูยี่พูด
เซี่ยเหล่ยรู้สึกเหมือนมีเข็มนับพันกำลังทิ่มแทงใจของเขา เขามองไปที่เจียงหยูยี่ก่อนจะพูดขึ้นว่า นี่คุณกำลังจะทำอะไร? ผมไม่ได้บอกเลยว่าคุณจะต้องคืนเงินพวกนี้ ผมไม่เคยทวงเลยด้วยซ้ำ ทำไมคุณถึงทำแบบนี้หล่ะ?
ถ้าคุณไม่เข้าใจก็ลองมองในมุมมองของฉันสิ ทำไมฉันจะต้องรับเงินจากคุณด้วยแล้วไหนจะเรื่องสร้อยคออีกหล่ะ? ทำไมฉันต้องรับไว้? เจียงหยูยี่พูดก่อนจะเปิดกล่องเครื่องประดับภายในมีสร้อยคอที่เซี่ยเหล่ยเคยมอบให้เธอ เธอมองไปที่เซี่ยเหล่ยอีกครั้งก่อนจะพูดต่อว่า ฉันไปตรวจสอบราคามันมาแล้ว คนขายรีบเสนอให้ฉันทันทีเลย 5,000,000 หยวน ฉันไม่ใช่คนโง่นะ แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าสร้อยเส้นนี้มีแพงมากขนาดไหน!
การที่ผมมอบให้คุณก็เท่ากับว่ามันกลายเป็นของคุณไปแล้ว ดังนั้นผมไม่รับคืนหรอกนะ นั่นรวมถึงเงินด้วย เซี่ยเหล่ยพูด
เจียงหยูยี่มองไปที่เซี่ยเหล่ยขณะเดียวกันน้ำตาของเธอก็เริ่มคลอเบ้า เธอพูดต่อว่า ฉันเป็นใคร? ฉันเป็นอะไรสำหรับคุณ คุณถึงมอบสิ่งของมีค่าเหล่านี้ให้กับฉัน บอกมา…บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าฉันเป็นอะไรสำหรับคุณ?
เราเป็น…พวกเราก็เป็นเพื่อนกันยังไงหล่ะ! เซี่ยเหล่ยตอบ น้ำตาของเจียงหยูยี่ที่คลอเบ้าก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ได้กลายเป็นสายน้ำไหลไปแล้ว เธอเริ่มร้องไห้แต่ก็ยังพูดต่อว่า เพื่อนงั้นเหรอ? ฉันมีเพื่อนตั้งหลายคนแต่พวกเขาทั้งหมดให้ของขวัญกับฉันซึ่งราคามันไม่ได้แพงอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นเวลาเราไปกินอะไรด้วยกันเราก็จะหารกันตลอด มันไม่แปลกไปหน่อยงั้นเหรอ? ทำไมเพื่อนคนนั้นของฉันถึงไม่ให้ของมีค่าราคาเป็นล้านกับฉันบ้างหล่ะ คุณเห็นความแตกต่างมั้ย ดังนั้นเราจะเป็นเพื่อนกันได้ยังไง?
เซี่ยเหล่ยนิ่งไปทันที เขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนออกมาอธิบายให้เธอเข้าใจ
น้ำตาของเจียงหยูยี่ยังคงไหลไม่ขาดสาย ขณะเดียวกันเธอก็พูดต่ออีกว่า ลึกลงไปในใจ คุณเองก็มีใจให้กับฉันใช่มั้ย?
ผม… เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออก เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะคิดในหัวว่า ‘นี่เราเห็นเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งหรือเปล่านะ?’
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้คำตอบและไม่สามารถตอบคำถามข้อนี้ได้
พวกเราโตมาด้วยกัน ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าคุณไม่มีความรู้สึกอะไรกับฉันเลย แต่ฉันไม่เชื่อเพราะดูจากสิ่งที่คุณทำแล้ว คุณต้องมีใจให้ฉันบ้างแน่ๆ คุณช่วยฉันไว้เยอะจริงๆ ไม่ว่าจะช่วยให้ฉันขึ้นเป็นหัวหน้าตำรวจ ช่วยออกค่ารักษาพยาบาลให้กับพ่อของฉัน นอกจากนี้คุณยังช่วยให้ครอบครัวของฉันมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นี่คือสิ่งที่คุณทำให้ฉัน และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไม่นานมานี้คุณก็ให้สร้อยคอที่มีราคาแพงมากๆกับฉันอีกด้วย มันไม่มีเหตุผลเลยที่คุณจะต้องทำทุกอย่างที่ว่ามานี้ให้กับฉันโดยที่คุณไม่ได้คิดอะไร
หยูยี่ ผม… เซี่ยเหล่ยพูดแต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก
ตอนนี้ฉันมีทางเลือกให้คุณสองทาง เจียงหยูยี่พูดอย่างหนักแน่นแม้ว่าเธอจะยังร้องไห้อยู่อย่างไรก็ตามเธอยังพูดต่ออีกว่า กอดฉัน หรือไม่ก็เอาเงินและสร้อยคอกลับไป และหลังจากนั้นพวกเราก็จะเป็นเพียงแค่เจ้าหนี้กับลูกหนี้เท่านั้น
เซี่ยเหล่ยรู้สึกปวดหัวเป็นสองเท่าทันทีที่เธอพูดจบ!