คำพูดของเซี่ยเหล่ยทำให้มู่เจียนเฟิงและเย่คุนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที พวกเขาทั้งสองถือว่าเป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากนี้พวกเขายังเป็นเพื่อนกับผู้นำและผู้บริหารระดับสูงอีกมากมายแต่เซี่ยเหล่ยกลับยอกย้อนเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย เซี่ยเหล่ยทำให้พวกเขาทั้งสองคนต้องขายหน้า! มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนจะไม่อยู่เฉยแน่!
เซี่ยเหล่ย! คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่? มู๋เจียนเฟิงพูดการแสดงออกของเขาค่อนข้างน่ากลัวดูเหมือนอารมณ์ของเขานั้นพร้อมที่จะระเบิดได้ตลอดเวลา
เย่คุนเองก็พูดเสริมด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจกับคนอื่นๆว่า พวกคุณเห็นกันไหม? โรงงานผลิตอาวุธขนาดเล็กกำลังอวดเบ่งและหัวหมอกับพวกเรา คิดว่าถ้าเขาจะขยายโรงงานอะไรจะเกิดขึ้น? พวกคุณคิดว่าแผนกอุปกรณ์จะเห็นสมควรกับการกระทำแบบนี้หรือเปล่า?
กลุ่มคนหลายคนหันหน้าไปกระซิบและพูดคุยกันทันที ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยพอใจกับทัศนคติและวิธีการที่เซี่ยเหล่ยพูดและกระทำซักเท่าไหร่
แต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้สนใจ ไม่ใช่เพราะเขาต้องการที่จะสร้างศัตรูเพิ่มแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขารู้ว่าการที่คนเหล่านี้มาพร้อมกับมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนแสดงว่าพวกเขาต้องเป็นพวกเดียวกับเขา เป็นกลุ่มคนที่กำลังลังเลที่จะลงทุนหรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมจีนและบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นเซี่ยเหล่ยจึงเลือกที่จะไม่สนใจความคิดของพวกคนเหล่านี้ เพราะคนเหล่านี้เองก็สามารถเปลี่ยนใจที่จะลงทุนกับเย่คุนและมู๋เจียนเฟิงมาเป็นลงทุนกับเซี่ยเหล่ยก็ได้ถ้าพวกเขาเห็นความสามารถของเซี่ยเหล่ย!
แต่การทำแบบนี้ก็ใช่ว่าจะมีข้อเสียไปซะทีเดียวเพราะข้อได้เปรียบที่ดีข้อหนึ่งเลยก็คือผู้มีอิทธิพลหรือนักธุรกิจคนอื่นๆจะไม่เห็นว่าเซี่ยเหล่ยเป็นคนไม่มีกึ๋นและจะมาหาประโยชน์จากเขาได้ง่ายๆ
เพราะบนโลกนี้ไม่มีศัตรูถาวร แต่ผลประโยชน์นั้นเป็นนิจนิรันดร์
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า ผู้อำนวยการทั้งหลายผมต้องขอโทษด้วย คุณบอกว่าต้องการจะเยี่ยมชมในส่วนของการผลิตอาวุธกับคลังสินค้าใช่มั้ย? เอาหล่ะ ผมจะพาคุณไปที่นั่นเดี๋ยวนี้
เซี่ยเหล่ยพาพวกเขาไปที่สายพานการผลิตปืนไรเฟิลทันที
พนักงานของเขากำลังผลิตปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 กันอย่างเร่งรีบ พวกเขาดูยุ่งและค่อยข้างจะวุ่นวาย แต่ทั้งหมดก็เป็นระเบียบเรียบร้อยดี
ปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 มีการผลิตแบบนี้อย่างงั้นเหรอ? ชายสวมเครื่องแบบคนหนึ่งถามก่อนจะถามต่ออีกว่า ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโรงงานที่มีขนาดเล็กเพียงแค่นี้จะสามารถผลิตปืนไรเฟิลที่ทันสมัยและยอดเยี่ยมที่สุดในโลกได้
ใช่แล้ว เราไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพของอาวุธเพียงแค่คิดว่าโรงงานของเขามีขนาดเล็กเพียงแค่นี้ได้เลย ใครบางคนพูดเสริม
โรงงานแห่งนี้ผลิตปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 มันเป็นปืนไรเฟิลที่มีประสิทธิภาพมากกว่าปืนไรเฟิลจากบริษัทบาเร็ตซะอีก น่าประทับใจจริงๆ ใครบางคนพูดเสริม
คำพูดเหล่านี้ทั้งมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนได้ยินทั้งหมด พวกเขามีสีหน้าที่หม่นหมองทันที เพราะคนที่พวกเขาพามาเยี่ยมชมโรงงานในครั้งนี้คือผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนและบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นกันทั้งนั้น ซึ่งการได้ยินคำชมโรงงานผลิตอาวุธของคู่แข่งต่อหน้าแบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอ่อนไหวและอึดอัดอย่างมาก
รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซี่ยเหล่ย การที่เขาได้ยินคำชมแบบนี้เหมือนกับเป็นการตอกหน้าของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนไปพร้อมๆกัน เพราะพวกเขาเป็นคนพาคนเหล่านี้มาเอง เรื่องนี้สามารถเชื่อมโยงกับเรื่องของกู๋ดิงชานได้เพราะหลังจากการล้มละลายของเขา กลุ่มคนมากมายที่เคยทำงานร่วมกับกู๋ดิงชานได้ทิ้งบริษัทไปพร้อมกับหาแหล่งผลประโยชน์แหล่งใหม่….
ถ้าใครมีผลประโยชน์ที่มากกว่า ผู้คนก็มักจะเปลี่ยนฝั่งได้ตลอดเวลา!
ส่วนเซี่ยเหล่ยเองก็เชื่อว่าต่อไปจะมีคนมาเข้าร่วมซื้อขายกับเขาเยอะมากขึ้นจากความสำเร็จของปืนไรเฟิลจู่โจม Gust ในอนาคต
ผู้อำนวยการเซี่ย พาพวกเราไปที่เยี่ยมชมคลังสินค้าได้หรือไม่ มู่เจียนเฟิงรีบพูดขึ้นมาทันทีเพราะอยากจะเปลี่ยนเรื่องและไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้
แน่นอน ตามผมมาได้เลย เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับเดินนำทุกคนไปที่คลังสินค้าอย่างไรก็ตามขณะที่กำลังเดิน เซี่ยเหล่ยก็คอยจับตาดูมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนตลอดเวลา
ในขณะที่กำลังเดินมู่เจียนเฟิงและเย่คุนก็กระซิบกันตลอด
โรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยในตอนนี้ยังไม่ได้ผลิตปืนไรเฟิลจู่โจม เขาผลิตแค่เพียงปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 และปืนพกเท่านั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ว่าตลาดอาวุธในท้องตลาดและกองทัพต้องการอาวุธแบบไหนมากที่สุด เย่คุนกระซิบกับมู๋เจียนเฟิง
มู๋เจียนเฟิงเองก็กระซิบตอบกลับไปว่า ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ควรที่จะไม่ประมาท เซี่ยเหล่ยต้องมีแหล่งข้อมูลด้วยเหมือนกัน เขาไม่น่าจะไม่รู้ว่าตลาดส่วนใหญ่ต้องการอาวุธประเภทไหน เรื่องงานนิทรรศการแสดงอาวุธก็เช่นกัน ไม่รู้ว่าพวกเขาแอบเตรียมอะไรเอาไว้บ้าง เพราะงั้นในวันนี้เราถึงต้องมาดูให้แน่ใจว่าพวกเขาได้แอบเตรียมอะไรเอาไว้?
ถ้าเขารู้เกี่ยวกับเรื่องของปืนไรเฟิลจู่โจมหล่ะ? เย่คุนกระซิบถาม
ถ้าเขารู้และแอบเตรียมตัวไว้แล้ว เราก็ต้องมีแผนในการตอบโต้ เราจะต้องหยุดการสร้างชื่อเสียงของโรงงานผลิตอาวุธแห่งนี้เอาไว้ให้ได้ มู่เจียนเฟิงกระซิบ การแสดงออกของเขาจริงจังอย่างมาก
เย่คุนพยักหน้าก่อนที่จะเหลือบไปมองเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยแกล้งทำเป็นมองที่อื่นและแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าโดนแอบมอง อย่างไรก็ตามเขาเดาแรงจูงใจของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนออก เขารู้ว่าทั้งสองต้องการมาดูว่าโรงงานของเขาได้ผลิตปืนไรเฟิลจู่โจมที่เป็นที่ต้องการของท้องตลาดหรือไม่ มันรวมไปถึงการที่เซี่ยเหล่ยแอบจัดแสดงอะไรในงานนิทรรศการเอาไว้บ้าง เพราะพวกเขาจะได้หามาตรการตอบโต้
เซี่ยเหล่ยยิ้มที่มุมปากก่อนจะคิดเยาะเย้ยในใจว่า ‘มู๋เจียนเฟิง คุณมันก็เป็นแค่สุนัขจิ้งจอกที่แก่แล้วตัวหนึ่งเท่านั้น มันหมดช่วงเวลาของคุณแล้ว เย่คุนก็ด้วย แม้ว่าพวกคุณจะฉลาดและเจ้าเล่ห์ แต่ในวันนี้พวกคุณก็จะไม่ได้อะไรกลับไปหรอกนะ นอกจากนี้ในวันงานนิทรรศการผมจะทำให้พวกคุณจะต้องตกใจจนพูดไม่ออกแน่ ‘
ตอนนี้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับปืนไรเฟิลจู่โจมมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือปืนไรเฟิลจู่โจมกระบอกต้นแบบ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้วเพราะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนและวิธีการผลิตจะอยู่ในหัวของเขาทั้งหมด มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนจะไม่มีทางรู้ถึงการมีอยู่ของปืนไรเฟิลจู่โจม Gust อย่างแน่นอน
ในคลังสินค้ามีปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 จำนวนเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นปืนพก มันถูกเก็บไว้มากกว่าพันกระบอก
ตามแผนของอเลน่านั้น โรงงานผลิตอาวุธในตอนนี้จะเข้าสู่ช่วงการชะลอการผลิตปืนพกเอาไว้ก่อนเพราะต้องเตรียมที่จะผลิตปืนไรเฟิลจู่โจม โดยจะตั้งกำลังผลิตเอาไว้ที่ราว 60% นอกจากนี้หากพวกเขาได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากกองทัพแผนการของอเลน่าก็จะทำขยายฐานการผลิต
ทั้งหมดนี้เป็นแผนลับที่มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนจะไม่มีทางรู้
ขณะที่พวกเขาอยู่ในโกดังสินค้า พนักงานก็ได้เตรียมปืนไรเฟิลซุ่มยิงที่ผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กลุ่มคนเหล่านั้นได้ชมกันอย่างใกล้ชิด มันทำให้หลายคนรู้สึกหลงใหลและสรรเสริญปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 มากขึ้นไปอีก คำพูดสรรเสริญนี้ได้ยินไปถึงหูของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนด้วยอีกครั้ง
ผู้อำนวยการเซี่ย พาพวกเราไปเยี่ยมชมแผนกวิจัยและพัฒนาของคุณเดี๋ยวนี้ เย่คุนรีบพูดขึ้นทันที
เซี่ยเหล่ยมองไปที่เย่คุนก่อนจะพูดว่า สายการผลิตกับคลังสินค้าไม่เพียงพอสำหรับการเยี่ยมชมของคุณงั้นเหรอ? ทำไมคุณถึงต้องการไปเยี่ยมชมแผนกวิจัยและพัฒนาของผมด้วยหล่ะ?
เย่คุนยิ้มเยาะเย้ยก่อนจะพูดว่า ผู้อำนวยการเซี่ย เรามาเยี่ยมชมที่นี่ในนามของแผนกอุปกรณ์ อันที่จริงเราบอกกับคุณว่าเราจะมา ‘เยี่ยมชม’ แต่นั่นไม่ใช่ความหมายที่แท้จริง เพราะความหมายที่แท้จริงคือการตรวจสอบ ดังนั้นเราจึงต้องทำการตรวจสอบให้ละเอียด
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดว่า คุณอยากเห็นแผนกการวิจัยและพัฒนาของเราจริงๆงั้นเหรอ?
พวกเราไปไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? เย่คุนพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่อว่า ไม่ใช่แค่แผนกวิจัยและพัฒนาของคุณอย่างเดียวหรอกนะ นั่นรวมถึงออฟฟิศของคุณด้วย ผมจะได้รู้ว่าโรงงานผลิตอาวุธของคุณมีประสิทธิภาพและคุณภาพมากน้อยแค่ไหน
ใช่แล้ว นำทางให้พวกเราด้วยผู้อำนวยการเซี่ย เราจำเป็นต้องตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบทหารคนหนึ่งเสริมก่อนจะพูดต่อว่า เราต้องการทราบว่าโรงงานทหารของคุณทำงานอย่างไร เพราะถ้าหากเราตรวจพบว่าคุณมีการละเมิดข้อห้าม เราจะได้จัดการอย่างเหมาะสมตามระเบียบ
เจ้าหน้าที่คนที่พูดเมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าเขาพูดให้สอดคล้องกับคำพูดของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุน ดูเหมือนเขาจะรู้ถึงเหตุผลที่มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนมาตรวจสอบโรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยในครั้งนี้ เขาเป็นพวกเดียวกับมู่เจียนเฟิงและเย่คุนอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าได้ ผมจะพาพวกคุณไปเองเดี๋ยวนี้เลย เซี่ยเหล่ยพูด
เซี่ยเหล่ยจำต้องยอมให้พวกเขาตรวจสอบเพราะถ้าเขายิ่งขัดขืน มันจะเป็นการเพิ่มความน่าสงสัยมากขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าปล่อยให้พวกเขาตรวจสอบก็อาจจะทำให้พวกเขาประมาทได้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน ลู่เชิงก็เดินเข้ามาในคลังสินค้าพร้อมกับกระซิบข้างหูของเซี่ยเหล่ยว่า ผู้อำนวยการเซี่ย ทุกอย่างถูกย้ายไปอยู่ที่วิลล่าเรียบร้อยแล้ว
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า เข้าใจแล้ว กลับไปทำหน้าที่ของคุณได้แล้ว ลู่เชิงตอบรับคำพูดพร้อมกับเดินออกไปจากคลังสินค้า
ทันทีที่ลู่เชิงเดินออกไป มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนก็หันมามองหน้ากันทันที
เซี่ยเหล่ยพาทุกคนไปที่แผนกวิจัยและพัฒนาตามความต้องการของเย่คุน อย่างไรก็ตามแม้ว่าทั้งมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนจะเข้ามาที่แผนกวิจัยและพัฒนาด้วยตัวเองแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้อะไรกลับไป พวกเขายังไม่รู้ว่าเซี่ยเหล่ยมีแผนที่จะพัฒนาปืนไรเฟิลจู่โจม!
หลังจากการพาตรวจสอบแผนกวิจัยและพัฒนาแล้วเซี่ยเหล่ยก็พาพวกเขาไปยังออฟิศของตัวเอง อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้อะไรกลับไปเลยอีกเช่นเคย
ผมขอสิ้นสุดการตรวจสอบและเยี่ยมชมโรงงานผลิตอาวุธเพียงเท่านี้ หากคุณจะอยู่ต่อเพื่อรับประทานอาหารของเราก็ได้นะ หรือจะกลับเลยก็ได้ แต่หากต้องการจะอยู่ต่อโปรดแจ้งให้ทราบด้วยเพราะเราจะได้เตรียมอาหารไว้ให้เพียงพอ เซี่ยเหล่ยยิ้มในขณะที่เขาพูด
เดี๋ยวก่อน มู๋เจียนเฟิงพูดก่อนจะพูดต่อว่า ผมเห็นว่าที่โรงงานของคุณมีวิลล่าตั้งอยู่ด้วย พาพวกเราไปตรวจสอบที่นั่นก่อน
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า ประธานมู๋ นี่คุณจำเป็นจะต้องตรวจที่อยู่อาศัยของผมด้วยงั้นเหรอ?
แน่นอน นำทางพวกเราไปเดี๋ยวนี้ มู่เจียนเฟิงพูดเสียงแข็ง
เซี่ยเหล่ยพูดอย่างไม่เป็นทางการทันทีว่า ที่วิลล่า นอกจากผมแล้วไม่มีใครสามารถเข้าไปได้หรอกนะ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต
เฮ้ เฮ้ เย่คุนเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่อว่า ผู้อำนวยการเซี่ย เราเป็นถึงผู้ตรวจสอบของแผนกอุปกรณ์ ไม่มีสถานที่ใดที่เราเข้าไปไม่ได้หรอกนะ แต่การที่คุณตั้งแง่ไม่ให้พวกเราเข้าไปที่นั่นแสดงว่าที่นั่นต้องมีอะไรซ่อนอยู่ใช่มั้ย?
ทุกคนต่างหันไปจ้องเซี่ยเหล่ยทันที ดูเหมือนพวกเขาต้องการจะกดดันให้เซี่ยเหล่ยพาไปตรวจสอบให้ได้
ในขณะนี้มู๋เจียนเฟิงมีท่าทางมั่นใจอย่างมากว่าที่วิลล่าจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างมั่นใจว่า ผู้อำนวยการเซี่ย มันไม่มีประโยชน์หรอกนะที่จะบอกว่าพวกเราไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบที่นั่นได้ ผมรับประกันได้เลยว่าพวกผมที่ยืนอยู่ตรงนี้คนใดคนหนึ่งมีสิทธิสั่งการมากกว่าคุณ ดังนั้นหยุดพูดเรื่องไร้สาระแล้วพาพวกเราไปได้แล้ว
เซี่ยเหล่ยยักไหล่หนึ่งครั้งก่อนจะพูดว่า เอาหล่ะ ถ้าพวกคุณยังยืนกรานแบบนี้ ผมจะนำไปก็แล้วกัน
เซี่ยเหล่ยเดินนำหน้าโดยมีกลุ่มคนมากมายเดินตามเขาไปยังวิลล่า
แต่ก่อนที่พวกเขาทุกคนจะเดินเข้าใกล้กับประตูทางเข้าของวิลล่า หวู่เซี่ยวกู๋และทหารกองกำลังพิเศษในชุดเกราะเต็มเครื่องแบบก็ได้เดินมาขวางทางเข้าของวิลล่าเอาไว้
เมื่อถึงประตู เซี่ยเหล่ยสามารถเดินเข้าไปในวิลล่าได้อย่างง่ายดายแต่จังหวะที่มู๋เจียนเฟิงและคนอื่นๆต้องการจะเดินตามเขาเข้าไปนั้น กองกำลังพิเศษที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูก็ได้ขวางทางไม่ให้พวกเขาเดินเข้าไปได้ อย่างไรก็ตามมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนยังรั้นที่จะเข้าไปให้ได้ จนสุดท้ายหวู่เซี่ยวกู๋และทหารกองกำลังคนอื่นๆก็ได้ตัดสินใจยกปืนขึ้นเล็งไปที่พวกเขาทั้งหมด
หยุด! คำสั่งของหวู่เซี่ยวกู๋นั้นเฉียบคมมาก เขายังออกคำสั่งต่ออีกว่า กลับไปซะ!
เห้ยย… มู่เจียนเฟิงพูดด้วยความโกรธ ก่อนจะพูดต่ออีกว่า คุณเป็นใครอยู่ทีมไหน? มีสิทธิ์อะมาขวางผม
หวู่เซี่ยวกู๋ตอบกลับไปอย่างเขร่งขรึมว่า คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ ผมจะเตือนคุณอีกครั้ง กลับไปซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน!
มู่เจี้ยนเฟิงโกรธมากจนพูดอะไรไม่ออก
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มากับมู๋เจียนเฟิงได้เดินออกมาข้างหน้าก่อนจะยื่นเอกสารให้กับหวู่เซี่ยวกู๋พร้อมกับพูดว่า ใครคือผู้บังคับบัญชาของคุณ เรียกเขามาพบเดี๋ยวนี้
หวู่เซี่ยวกู๋รับเอกสารมาอ่านอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทิ้งมันลงพื้นอย่างไร้ความหมาย
คุณ… เจ้าหน้าที่คนนั้นถึงกับพูดไม่ออก
หวู่เซี่ยวกู๋พูดต่ออย่างเย็นชาว่า ผมจะให้เวลาแค่เพียงสิบวินาทีเท่านั้นในการเดินกลับไป ไม่อย่างนั้นผมจะจับพวกคุณทุกคน!
ปังปัง! กองกำลังพิเศษคนหนึ่งยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเตือนพวกเขา
มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนที่รู้สึกตกใจกับเสียงปืนได้เดินถอยหลังออกไปทันทีด้วยความกลัว
เซี่ยเดินออกมาที่ประตูวิลล่า เขายิ้มก่อนจะพูดว่า ทุกๆท่าน เห็นแล้วใช่มั้ยว่าผมไม่ได้พูดโกหก ไม่มีใครสามารถเข้าออกที่นี่ถ้ายังไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในที่นี้มีผมแค่คนเดียว พูดจบก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่ออีกว่า ประธานมู๋และประธานเย่ ผมอยากจะเตือนอะไรพวกคุณหน่อยก็แล้วกัน พวกคุณไม่ได้ใหญ่และมีอำนาจมากที่สุดในโลก ยังมีคนอีกมากมายที่ตำแหน่งใหญ่กว่าพวกคุณ ดังนั้นอย่ามาอวดเบ่งที่นี่และทำลายชื่อเสียงของตัวเองเลย ผมเตือนด้วยความหวังดี เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเคารพนับถือพวกคุณอีกนะ!
คำพูดเหล่านี้ถูกถ่ายทอดให้กับมู๋เจียนเฟิงและเย่คุน แต่จริงๆข้อความนี้ต้องการจะสื่อถึงผู้ที่มาพร้อมกับมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนว่า ตัวเขานั้นมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังซี่งมีอำนาจมากกว่าพวกเขาทั้งคู่ ดังนั้นคิดให้ถี่ถ้วนหากจะร่วมลงทุนกับพวกเขา เพราะถ้าคุณลงทุนกับพวกเขานั่นแปลว่าคุณจะต้องเป็นศัตรูกับผม!
ไปกันเถอะ! มู๋เจียนเฟิงพูด เขาไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
เย่คุนเองก็เดินกลับเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น กลุ่มผู้ที่ตามมาด้วยก็เดินกลับเช่นกัน อย่างไรก็ตามในขณะที่เดินกลับพวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันเลย