Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร – 481 ตรวจค้น !

481 ตรวจค้น !

  คำพูดของเซี่ยเหล่ยทำให้มู่เจียนเฟิงและเย่คุนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที พวกเขาทั้งสองถือว่าเป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากนี้พวกเขายังเป็นเพื่อนกับผู้นำและผู้บริหารระดับสูงอีกมากมายแต่เซี่ยเหล่ยกลับยอกย้อนเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย เซี่ยเหล่ยทำให้พวกเขาทั้งสองคนต้องขายหน้า! มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนจะไม่อยู่เฉยแน่!

   เซี่ยเหล่ย! คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?  มู๋เจียนเฟิงพูดการแสดงออกของเขาค่อนข้างน่ากลัวดูเหมือนอารมณ์ของเขานั้นพร้อมที่จะระเบิดได้ตลอดเวลา

  เย่คุนเองก็พูดเสริมด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจกับคนอื่นๆว่า  พวกคุณเห็นกันไหม? โรงงานผลิตอาวุธขนาดเล็กกำลังอวดเบ่งและหัวหมอกับพวกเรา คิดว่าถ้าเขาจะขยายโรงงานอะไรจะเกิดขึ้น? พวกคุณคิดว่าแผนกอุปกรณ์จะเห็นสมควรกับการกระทำแบบนี้หรือเปล่า? 

  กลุ่มคนหลายคนหันหน้าไปกระซิบและพูดคุยกันทันที ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยพอใจกับทัศนคติและวิธีการที่เซี่ยเหล่ยพูดและกระทำซักเท่าไหร่

  แต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้สนใจ ไม่ใช่เพราะเขาต้องการที่จะสร้างศัตรูเพิ่มแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขารู้ว่าการที่คนเหล่านี้มาพร้อมกับมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนแสดงว่าพวกเขาต้องเป็นพวกเดียวกับเขา เป็นกลุ่มคนที่กำลังลังเลที่จะลงทุนหรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมจีนและบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นเซี่ยเหล่ยจึงเลือกที่จะไม่สนใจความคิดของพวกคนเหล่านี้ เพราะคนเหล่านี้เองก็สามารถเปลี่ยนใจที่จะลงทุนกับเย่คุนและมู๋เจียนเฟิงมาเป็นลงทุนกับเซี่ยเหล่ยก็ได้ถ้าพวกเขาเห็นความสามารถของเซี่ยเหล่ย!

  แต่การทำแบบนี้ก็ใช่ว่าจะมีข้อเสียไปซะทีเดียวเพราะข้อได้เปรียบที่ดีข้อหนึ่งเลยก็คือผู้มีอิทธิพลหรือนักธุรกิจคนอื่นๆจะไม่เห็นว่าเซี่ยเหล่ยเป็นคนไม่มีกึ๋นและจะมาหาประโยชน์จากเขาได้ง่ายๆ

  เพราะบนโลกนี้ไม่มีศัตรูถาวร แต่ผลประโยชน์นั้นเป็นนิจนิรันดร์

  อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า  ผู้อำนวยการทั้งหลายผมต้องขอโทษด้วย คุณบอกว่าต้องการจะเยี่ยมชมในส่วนของการผลิตอาวุธกับคลังสินค้าใช่มั้ย? เอาหล่ะ ผมจะพาคุณไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ 

  เซี่ยเหล่ยพาพวกเขาไปที่สายพานการผลิตปืนไรเฟิลทันที

  พนักงานของเขากำลังผลิตปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 กันอย่างเร่งรีบ พวกเขาดูยุ่งและค่อยข้างจะวุ่นวาย แต่ทั้งหมดก็เป็นระเบียบเรียบร้อยดี

   ปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 มีการผลิตแบบนี้อย่างงั้นเหรอ?  ชายสวมเครื่องแบบคนหนึ่งถามก่อนจะถามต่ออีกว่า  ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโรงงานที่มีขนาดเล็กเพียงแค่นี้จะสามารถผลิตปืนไรเฟิลที่ทันสมัยและยอดเยี่ยมที่สุดในโลกได้ 

   ใช่แล้ว เราไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพของอาวุธเพียงแค่คิดว่าโรงงานของเขามีขนาดเล็กเพียงแค่นี้ได้เลย  ใครบางคนพูดเสริม

   โรงงานแห่งนี้ผลิตปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 มันเป็นปืนไรเฟิลที่มีประสิทธิภาพมากกว่าปืนไรเฟิลจากบริษัทบาเร็ตซะอีก น่าประทับใจจริงๆ  ใครบางคนพูดเสริม

  คำพูดเหล่านี้ทั้งมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนได้ยินทั้งหมด พวกเขามีสีหน้าที่หม่นหมองทันที เพราะคนที่พวกเขาพามาเยี่ยมชมโรงงานในครั้งนี้คือผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนและบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นกันทั้งนั้น ซึ่งการได้ยินคำชมโรงงานผลิตอาวุธของคู่แข่งต่อหน้าแบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอ่อนไหวและอึดอัดอย่างมาก

  รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซี่ยเหล่ย การที่เขาได้ยินคำชมแบบนี้เหมือนกับเป็นการตอกหน้าของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนไปพร้อมๆกัน เพราะพวกเขาเป็นคนพาคนเหล่านี้มาเอง เรื่องนี้สามารถเชื่อมโยงกับเรื่องของกู๋ดิงชานได้เพราะหลังจากการล้มละลายของเขา กลุ่มคนมากมายที่เคยทำงานร่วมกับกู๋ดิงชานได้ทิ้งบริษัทไปพร้อมกับหาแหล่งผลประโยชน์แหล่งใหม่….

  ถ้าใครมีผลประโยชน์ที่มากกว่า ผู้คนก็มักจะเปลี่ยนฝั่งได้ตลอดเวลา!

  ส่วนเซี่ยเหล่ยเองก็เชื่อว่าต่อไปจะมีคนมาเข้าร่วมซื้อขายกับเขาเยอะมากขึ้นจากความสำเร็จของปืนไรเฟิลจู่โจม Gust ในอนาคต

   ผู้อำนวยการเซี่ย พาพวกเราไปที่เยี่ยมชมคลังสินค้าได้หรือไม่  มู่เจียนเฟิงรีบพูดขึ้นมาทันทีเพราะอยากจะเปลี่ยนเรื่องและไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้

   แน่นอน ตามผมมาได้เลย  เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับเดินนำทุกคนไปที่คลังสินค้าอย่างไรก็ตามขณะที่กำลังเดิน เซี่ยเหล่ยก็คอยจับตาดูมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนตลอดเวลา

  ในขณะที่กำลังเดินมู่เจียนเฟิงและเย่คุนก็กระซิบกันตลอด

   โรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยในตอนนี้ยังไม่ได้ผลิตปืนไรเฟิลจู่โจม เขาผลิตแค่เพียงปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 และปืนพกเท่านั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ว่าตลาดอาวุธในท้องตลาดและกองทัพต้องการอาวุธแบบไหนมากที่สุด  เย่คุนกระซิบกับมู๋เจียนเฟิง

  มู๋เจียนเฟิงเองก็กระซิบตอบกลับไปว่า  ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ควรที่จะไม่ประมาท เซี่ยเหล่ยต้องมีแหล่งข้อมูลด้วยเหมือนกัน เขาไม่น่าจะไม่รู้ว่าตลาดส่วนใหญ่ต้องการอาวุธประเภทไหน เรื่องงานนิทรรศการแสดงอาวุธก็เช่นกัน ไม่รู้ว่าพวกเขาแอบเตรียมอะไรเอาไว้บ้าง เพราะงั้นในวันนี้เราถึงต้องมาดูให้แน่ใจว่าพวกเขาได้แอบเตรียมอะไรเอาไว้? 

   ถ้าเขารู้เกี่ยวกับเรื่องของปืนไรเฟิลจู่โจมหล่ะ?  เย่คุนกระซิบถาม

   ถ้าเขารู้และแอบเตรียมตัวไว้แล้ว เราก็ต้องมีแผนในการตอบโต้ เราจะต้องหยุดการสร้างชื่อเสียงของโรงงานผลิตอาวุธแห่งนี้เอาไว้ให้ได้  มู่เจียนเฟิงกระซิบ การแสดงออกของเขาจริงจังอย่างมาก

  เย่คุนพยักหน้าก่อนที่จะเหลือบไปมองเซี่ยเหล่ย

  เซี่ยเหล่ยแกล้งทำเป็นมองที่อื่นและแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าโดนแอบมอง อย่างไรก็ตามเขาเดาแรงจูงใจของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนออก เขารู้ว่าทั้งสองต้องการมาดูว่าโรงงานของเขาได้ผลิตปืนไรเฟิลจู่โจมที่เป็นที่ต้องการของท้องตลาดหรือไม่ มันรวมไปถึงการที่เซี่ยเหล่ยแอบจัดแสดงอะไรในงานนิทรรศการเอาไว้บ้าง เพราะพวกเขาจะได้หามาตรการตอบโต้

  เซี่ยเหล่ยยิ้มที่มุมปากก่อนจะคิดเยาะเย้ยในใจว่า ‘มู๋เจียนเฟิง คุณมันก็เป็นแค่สุนัขจิ้งจอกที่แก่แล้วตัวหนึ่งเท่านั้น มันหมดช่วงเวลาของคุณแล้ว เย่คุนก็ด้วย แม้ว่าพวกคุณจะฉลาดและเจ้าเล่ห์ แต่ในวันนี้พวกคุณก็จะไม่ได้อะไรกลับไปหรอกนะ นอกจากนี้ในวันงานนิทรรศการผมจะทำให้พวกคุณจะต้องตกใจจนพูดไม่ออกแน่ ‘

  ตอนนี้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับปืนไรเฟิลจู่โจมมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือปืนไรเฟิลจู่โจมกระบอกต้นแบบ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้วเพราะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนและวิธีการผลิตจะอยู่ในหัวของเขาทั้งหมด มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนจะไม่มีทางรู้ถึงการมีอยู่ของปืนไรเฟิลจู่โจม Gust อย่างแน่นอน

  ในคลังสินค้ามีปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 จำนวนเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นปืนพก มันถูกเก็บไว้มากกว่าพันกระบอก

  ตามแผนของอเลน่านั้น โรงงานผลิตอาวุธในตอนนี้จะเข้าสู่ช่วงการชะลอการผลิตปืนพกเอาไว้ก่อนเพราะต้องเตรียมที่จะผลิตปืนไรเฟิลจู่โจม โดยจะตั้งกำลังผลิตเอาไว้ที่ราว 60% นอกจากนี้หากพวกเขาได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากกองทัพแผนการของอเลน่าก็จะทำขยายฐานการผลิต

  ทั้งหมดนี้เป็นแผนลับที่มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนจะไม่มีทางรู้

  ขณะที่พวกเขาอยู่ในโกดังสินค้า พนักงานก็ได้เตรียมปืนไรเฟิลซุ่มยิงที่ผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กลุ่มคนเหล่านั้นได้ชมกันอย่างใกล้ชิด มันทำให้หลายคนรู้สึกหลงใหลและสรรเสริญปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 มากขึ้นไปอีก คำพูดสรรเสริญนี้ได้ยินไปถึงหูของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนด้วยอีกครั้ง

   ผู้อำนวยการเซี่ย พาพวกเราไปเยี่ยมชมแผนกวิจัยและพัฒนาของคุณเดี๋ยวนี้  เย่คุนรีบพูดขึ้นทันที

  เซี่ยเหล่ยมองไปที่เย่คุนก่อนจะพูดว่า  สายการผลิตกับคลังสินค้าไม่เพียงพอสำหรับการเยี่ยมชมของคุณงั้นเหรอ? ทำไมคุณถึงต้องการไปเยี่ยมชมแผนกวิจัยและพัฒนาของผมด้วยหล่ะ? 

  เย่คุนยิ้มเยาะเย้ยก่อนจะพูดว่า  ผู้อำนวยการเซี่ย เรามาเยี่ยมชมที่นี่ในนามของแผนกอุปกรณ์ อันที่จริงเราบอกกับคุณว่าเราจะมา ‘เยี่ยมชม’ แต่นั่นไม่ใช่ความหมายที่แท้จริง เพราะความหมายที่แท้จริงคือการตรวจสอบ ดังนั้นเราจึงต้องทำการตรวจสอบให้ละเอียด 

  เซี่ยเหล่ยหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดว่า  คุณอยากเห็นแผนกการวิจัยและพัฒนาของเราจริงๆงั้นเหรอ? 

   พวกเราไปไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?  เย่คุนพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่อว่า  ไม่ใช่แค่แผนกวิจัยและพัฒนาของคุณอย่างเดียวหรอกนะ นั่นรวมถึงออฟฟิศของคุณด้วย ผมจะได้รู้ว่าโรงงานผลิตอาวุธของคุณมีประสิทธิภาพและคุณภาพมากน้อยแค่ไหน 

   ใช่แล้ว นำทางให้พวกเราด้วยผู้อำนวยการเซี่ย เราจำเป็นต้องตรวจสอบ  เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบทหารคนหนึ่งเสริมก่อนจะพูดต่อว่า   เราต้องการทราบว่าโรงงานทหารของคุณทำงานอย่างไร เพราะถ้าหากเราตรวจพบว่าคุณมีการละเมิดข้อห้าม เราจะได้จัดการอย่างเหมาะสมตามระเบียบ 

  เจ้าหน้าที่คนที่พูดเมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าเขาพูดให้สอดคล้องกับคำพูดของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุน ดูเหมือนเขาจะรู้ถึงเหตุผลที่มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนมาตรวจสอบโรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยในครั้งนี้ เขาเป็นพวกเดียวกับมู่เจียนเฟิงและเย่คุนอย่างเห็นได้ชัด

   แน่นอนว่าได้ ผมจะพาพวกคุณไปเองเดี๋ยวนี้เลย  เซี่ยเหล่ยพูด

  เซี่ยเหล่ยจำต้องยอมให้พวกเขาตรวจสอบเพราะถ้าเขายิ่งขัดขืน มันจะเป็นการเพิ่มความน่าสงสัยมากขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าปล่อยให้พวกเขาตรวจสอบก็อาจจะทำให้พวกเขาประมาทได้เช่นกัน

  ขณะเดียวกัน ลู่เชิงก็เดินเข้ามาในคลังสินค้าพร้อมกับกระซิบข้างหูของเซี่ยเหล่ยว่า  ผู้อำนวยการเซี่ย ทุกอย่างถูกย้ายไปอยู่ที่วิลล่าเรียบร้อยแล้ว 

  เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า  เข้าใจแล้ว กลับไปทำหน้าที่ของคุณได้แล้ว    ลู่เชิงตอบรับคำพูดพร้อมกับเดินออกไปจากคลังสินค้า

  ทันทีที่ลู่เชิงเดินออกไป มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนก็หันมามองหน้ากันทันที

  เซี่ยเหล่ยพาทุกคนไปที่แผนกวิจัยและพัฒนาตามความต้องการของเย่คุน อย่างไรก็ตามแม้ว่าทั้งมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนจะเข้ามาที่แผนกวิจัยและพัฒนาด้วยตัวเองแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้อะไรกลับไป พวกเขายังไม่รู้ว่าเซี่ยเหล่ยมีแผนที่จะพัฒนาปืนไรเฟิลจู่โจม!

  หลังจากการพาตรวจสอบแผนกวิจัยและพัฒนาแล้วเซี่ยเหล่ยก็พาพวกเขาไปยังออฟิศของตัวเอง อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้อะไรกลับไปเลยอีกเช่นเคย

   ผมขอสิ้นสุดการตรวจสอบและเยี่ยมชมโรงงานผลิตอาวุธเพียงเท่านี้ หากคุณจะอยู่ต่อเพื่อรับประทานอาหารของเราก็ได้นะ หรือจะกลับเลยก็ได้ แต่หากต้องการจะอยู่ต่อโปรดแจ้งให้ทราบด้วยเพราะเราจะได้เตรียมอาหารไว้ให้เพียงพอ  เซี่ยเหล่ยยิ้มในขณะที่เขาพูด

   เดี๋ยวก่อน  มู๋เจียนเฟิงพูดก่อนจะพูดต่อว่า  ผมเห็นว่าที่โรงงานของคุณมีวิลล่าตั้งอยู่ด้วย พาพวกเราไปตรวจสอบที่นั่นก่อน 

  เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า  ประธานมู๋ นี่คุณจำเป็นจะต้องตรวจที่อยู่อาศัยของผมด้วยงั้นเหรอ? 

   แน่นอน นำทางพวกเราไปเดี๋ยวนี้  มู่เจียนเฟิงพูดเสียงแข็ง

  เซี่ยเหล่ยพูดอย่างไม่เป็นทางการทันทีว่า  ที่วิลล่า นอกจากผมแล้วไม่มีใครสามารถเข้าไปได้หรอกนะ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต 

   เฮ้ เฮ้  เย่คุนเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่อว่า  ผู้อำนวยการเซี่ย เราเป็นถึงผู้ตรวจสอบของแผนกอุปกรณ์ ไม่มีสถานที่ใดที่เราเข้าไปไม่ได้หรอกนะ แต่การที่คุณตั้งแง่ไม่ให้พวกเราเข้าไปที่นั่นแสดงว่าที่นั่นต้องมีอะไรซ่อนอยู่ใช่มั้ย? 

  ทุกคนต่างหันไปจ้องเซี่ยเหล่ยทันที ดูเหมือนพวกเขาต้องการจะกดดันให้เซี่ยเหล่ยพาไปตรวจสอบให้ได้

  ในขณะนี้มู๋เจียนเฟิงมีท่าทางมั่นใจอย่างมากว่าที่วิลล่าจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างมั่นใจว่า  ผู้อำนวยการเซี่ย มันไม่มีประโยชน์หรอกนะที่จะบอกว่าพวกเราไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบที่นั่นได้ ผมรับประกันได้เลยว่าพวกผมที่ยืนอยู่ตรงนี้คนใดคนหนึ่งมีสิทธิสั่งการมากกว่าคุณ ดังนั้นหยุดพูดเรื่องไร้สาระแล้วพาพวกเราไปได้แล้ว 

  เซี่ยเหล่ยยักไหล่หนึ่งครั้งก่อนจะพูดว่า  เอาหล่ะ ถ้าพวกคุณยังยืนกรานแบบนี้ ผมจะนำไปก็แล้วกัน 

  เซี่ยเหล่ยเดินนำหน้าโดยมีกลุ่มคนมากมายเดินตามเขาไปยังวิลล่า

  แต่ก่อนที่พวกเขาทุกคนจะเดินเข้าใกล้กับประตูทางเข้าของวิลล่า หวู่เซี่ยวกู๋และทหารกองกำลังพิเศษในชุดเกราะเต็มเครื่องแบบก็ได้เดินมาขวางทางเข้าของวิลล่าเอาไว้

  เมื่อถึงประตู เซี่ยเหล่ยสามารถเดินเข้าไปในวิลล่าได้อย่างง่ายดายแต่จังหวะที่มู๋เจียนเฟิงและคนอื่นๆต้องการจะเดินตามเขาเข้าไปนั้น กองกำลังพิเศษที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูก็ได้ขวางทางไม่ให้พวกเขาเดินเข้าไปได้ อย่างไรก็ตามมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนยังรั้นที่จะเข้าไปให้ได้ จนสุดท้ายหวู่เซี่ยวกู๋และทหารกองกำลังคนอื่นๆก็ได้ตัดสินใจยกปืนขึ้นเล็งไปที่พวกเขาทั้งหมด

   หยุด!  คำสั่งของหวู่เซี่ยวกู๋นั้นเฉียบคมมาก เขายังออกคำสั่งต่ออีกว่า  กลับไปซะ! 

   เห้ยย…  มู่เจียนเฟิงพูดด้วยความโกรธ ก่อนจะพูดต่ออีกว่า  คุณเป็นใครอยู่ทีมไหน? มีสิทธิ์อะมาขวางผม 

  หวู่เซี่ยวกู๋ตอบกลับไปอย่างเขร่งขรึมว่า  คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ ผมจะเตือนคุณอีกครั้ง กลับไปซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน! 

  มู่เจี้ยนเฟิงโกรธมากจนพูดอะไรไม่ออก

  อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มากับมู๋เจียนเฟิงได้เดินออกมาข้างหน้าก่อนจะยื่นเอกสารให้กับหวู่เซี่ยวกู๋พร้อมกับพูดว่า  ใครคือผู้บังคับบัญชาของคุณ เรียกเขามาพบเดี๋ยวนี้ 

  หวู่เซี่ยวกู๋รับเอกสารมาอ่านอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทิ้งมันลงพื้นอย่างไร้ความหมาย

   คุณ…  เจ้าหน้าที่คนนั้นถึงกับพูดไม่ออก

  หวู่เซี่ยวกู๋พูดต่ออย่างเย็นชาว่า  ผมจะให้เวลาแค่เพียงสิบวินาทีเท่านั้นในการเดินกลับไป ไม่อย่างนั้นผมจะจับพวกคุณทุกคน! 

  ปังปัง! กองกำลังพิเศษคนหนึ่งยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเตือนพวกเขา

  มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนที่รู้สึกตกใจกับเสียงปืนได้เดินถอยหลังออกไปทันทีด้วยความกลัว

  เซี่ยเดินออกมาที่ประตูวิลล่า เขายิ้มก่อนจะพูดว่า  ทุกๆท่าน เห็นแล้วใช่มั้ยว่าผมไม่ได้พูดโกหก ไม่มีใครสามารถเข้าออกที่นี่ถ้ายังไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในที่นี้มีผมแค่คนเดียว  พูดจบก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่ออีกว่า  ประธานมู๋และประธานเย่ ผมอยากจะเตือนอะไรพวกคุณหน่อยก็แล้วกัน พวกคุณไม่ได้ใหญ่และมีอำนาจมากที่สุดในโลก ยังมีคนอีกมากมายที่ตำแหน่งใหญ่กว่าพวกคุณ ดังนั้นอย่ามาอวดเบ่งที่นี่และทำลายชื่อเสียงของตัวเองเลย ผมเตือนด้วยความหวังดี เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเคารพนับถือพวกคุณอีกนะ! 

  คำพูดเหล่านี้ถูกถ่ายทอดให้กับมู๋เจียนเฟิงและเย่คุน แต่จริงๆข้อความนี้ต้องการจะสื่อถึงผู้ที่มาพร้อมกับมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนว่า ตัวเขานั้นมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังซี่งมีอำนาจมากกว่าพวกเขาทั้งคู่ ดังนั้นคิดให้ถี่ถ้วนหากจะร่วมลงทุนกับพวกเขา เพราะถ้าคุณลงทุนกับพวกเขานั่นแปลว่าคุณจะต้องเป็นศัตรูกับผม!

   ไปกันเถอะ!  มู๋เจียนเฟิงพูด เขาไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว

  เย่คุนเองก็เดินกลับเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น  กลุ่มผู้ที่ตามมาด้วยก็เดินกลับเช่นกัน อย่างไรก็ตามในขณะที่เดินกลับพวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันเลย

 

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Status: Ongoing

เซี่ยเหล่ยสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กเขาจึงต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อดิ้นรนเอาตัวรอดและสิ่งที่สำคัญเขาต้องเลี้ยงดูน้องสาวของเขา แต่อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น

เขาประสบอุบัติเหตุในโรงงานซึ่งทำให้ตาของเขาบอดแต่หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าตาเขาไม่ได้บอดแต่มันมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมา !!

ในตอนนี้เขากำลังจะใช้ความสามารถพิเศษที่เขาได้มาในทางชั่วร้ายเพื่อสร้างชีวิตของเขาและน้องสาวให้ดีขึ้นเหมือนคนอื่นๆ

เซี่ยเล๋ยจะประสบความสำเร็จในการทำสิ่งชั่วร้ายกับพลังที่เขาเพิ่งค้นพบหรือไม่ ?

ข้าจะเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของข้าเอง !!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท