อาวุโสถ่าง ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบกับคุณที่นี่ เซี่ยเหล่ยกล่าวทักทายเขาพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะพูดต่อว่า หยู่เหยี่ยก็เช่นกัน คืนนี้คุณสวยมาก
ขอบคุณ ถ่างหยู่เหยี่ยพูดก่อนจะหันไปหาเฉินตูเทียนหยินพร้อมกับพูดขึ้นต่อว่า คุณจะไม่แนะนำเธอให้เรารู้จักหน่อยงั้นเหรอ?
ถ่างหยุนห่ายพูดอย่างไม่ค่อยพอใจทันทีว่า ใช่แล้ว ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคุณกำลังจะแต่งงาน นอกจากนี้คุณก็ไม่คิดจะแนะนำเธอให้เราได้รู้จักหน่อยงั้นเหรอ?
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า นี่คือภรรยาของผม เธอมีชื่อว่าเฉินตูเทียนหยิน จากนั้นเขาก็หันไปหาเฉินตูเทียนหยินพร้อมผายมือไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยและถ่างหยุนห่ายก่อนจะพูดขึ้นต่อว่า เทียนหยิน นี่คือผู้อาวุโสของชุมนุมถ่าง ถ่างหยุนห่าย และข้างๆกันคือหลานสาวของเขาที่มีชื่อว่าถ่างหยู่เหยี่ย
เฉินตูเทียนหยินยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า สวัสดีผู้อาวุโสถ่างและ คุณถ่าง
เฉินตูเทียนหยินกล่าวทักทายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถึงแม้ว่าเธอจะทักทายเพียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ชอบพวกเขา เพียงแต่มันเป็นบุคลิคของ เธอจะดูเคร่งครึมกับผู้คนที่เธอไม่คุ้นเคยหรือไม่มีความสำคัญมากพออย่างไรก็ตามในโลกนี้มีอยู่สองคนที่เป็นข้อยกเว้นนั่นก็คือพ่อของเธอและเซี่ยเหล่ย
เธอดูเป็นผู้หญิงที่พิเศษจริงๆ ถ่างหยุนห่ายพูดพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปพูดกับเซี่ยเหล่ยว่า ขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยที่พบเจอกับภรรยาที่ดีแบบนี้
ขอบคุณ ผู้อาวุโสถ่าง เซี่ยเหล่ยกล่าวอย่างสุภาพ
ในขณะนี้ถ่างหยูเหยี่ยก็หันไปสังเกตเห็นสร้อยคอ Sacred Heart ที่ใส่อยู่ที่คอของเฉินตูเทียนหยินแม้ว่าเธอไม่รู้ว่าสร้อยคอนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่เธอก็รู้ว่าใครเป็นคนให้ เธอก็รู้สึกอิจฉาไม่น้อยที่เซี่ยเหล่ยมอบสร้อยคอให้กับเฉินตูเทียนหยินที่ทั้งดูดีและมีค่ามากกว่าที่ให้เธอ
แต่มันก็เป็นเรื่องที่เธอเข้าใจได้ เนื่องจากเฉินตูเทียนหยินเป็นภรรยาของเขา ซึ่งการที่สามีจะให้ของขวัญที่มีค่ากับภรรยาของเขานั้นเป็นเรื่องปกติ
ในขณะนั้นเอง มู๋เจียนเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร เขาเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดขึ้นว่า เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกินเซี่ยเหล่ย เมื่อก่อนตอนที่ผมเห็นคุณครั้งแรกคือตอนที่คุณกำลังเปิดร้านขายเครื่องกลึงอยู่ริมถนน แต่ดูคุณตอนนี้สิ…คุณกลายเป็นประธานของบริษัทที่มีชื่อเสียงไปแล้ว คุณเป็นคนหนุ่มที่ผมประทับใจจริงๆ อันที่จริงผมไม่ค่อยจะชื่นชมใครหรอกนะ แต่กับคุณนี่ผมอดไม่ได้จริงๆ
คุณก็ผมชื่นชมผมเกินไป ประธานมู๋ เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเรียบง่าย ผมพูดไปตามที่ผมคิด มู๋เจียนเฟิงพูดจบก็หัวเราะก่อนจะพูดต่อว่า แต่เซี่ยเหล่ย ผมเองก็มีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกเอาไว้หน่อย ‘คนที่โดดเด่นมักมีแนวโน้มที่จะถูกโจมตีโดยความอิจฉา’ และ ‘ลมสามารถทำให้คนล้มได้’ คุณยังเด็กและยังมีประสบการณ์น้อยนิดดังนั้นผมหวังว่าคุณจะทำเรื่องต่างๆโดยไตร่ตรองให้ดีและรอบคอบนอกจากนี้คุณไม่ควรที่จะทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาผู้หลักผู้ใหญ่
เซี่ยเหล่ยเข้าใจที่มู๋เจียนเฟิงพูด อย่างไรก็ตามเขาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของประธานมู๋ ที่คุณพูดมานั้นก็ฟังดูมีเหตผลแต่ผมเองก็มีความคิดเป็นของผมเองซึ่งผมมองว่ามันเหมาะกับยุคสมัยในตอนนี้มากกว่า
โอ้…งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นพอจะบอกผมเกี่ยวกับความคิดของคุณได้รึปล่าวล่ะ ? มู๋เจียนเฟิงพูด
ประเทศของเรากำลังปฏิรูป ตลาดก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกันแต่ถึงอย่างนั้นก็มีบางคนที่ต้องการผูกขาดตลาดเพื่อผลประโยชน์ของคนเพียงไม่กี่คน นอกจากนี้การกระทำของคนเหล่านั้นยังขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของประเทศอีกด้วย แบบนี้ประเทศของเราจะไม่สามารถเจริญเติบโตขึ้นไปได้อย่างแท้จริงถ้ายังมีคนจำพวกนี้อยู่บริหารงานระดับสูงอยู่ เซี่ยเหล่ยพูด
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยพูดจบ ใบหน้าของมู๋เจียนเฟิงก็ซีดลงเล็กน้อย เขาเข้าใจในสิ่งที่เซี่ยเหล่ยกำลังพูดแซะเขา
นี่ เรามาเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า ถ่างหยุนห่ายพูดพร้อมกับหัวเราะก่อนจะพูดต่อว่า ผมเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้และไม่ค่อยจะรู้เรื่องเกี่ยวกับคำคมความคิดของนักธุรกิจ ดังนั้นผมว่าเรามาดื่นกันดีกว่า
ถ่างหยู่เหยี่ยโบกมือเพื่อให้บริกรนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ
จากนั้นทุกคนก็หยิบไวน์แดงขึ้นมาคนละแก้ว คุณเทียนหยิน สร้อยคอของคุณสวยมากจริงๆ มันคงจะมีเป็นของมีค่าสำหรับคุณมากเลยใช่มั้ย? ถ่างหยู่เหยี่ยที่ยืนตรงกันข้ามกับเฉินตูเทียนหยินพูดขึ้น
เฉินตูเทียนหยินพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่ายว่าและไร้ชีวิตชีวาว่า สามีของฉันมอบสิ่งนี้ให้กับฉัน มันเป็นสิ่งที่มีค่ากับฉันมากจริงๆ โอ้ใช่…สร้อยคอของคุณก็ดูสวยไม่น้อยเลยนี่ คุณซื้อจากที่ไหนงั้นเหรอ?
อ้อ..ฉันไม่ได้ซื้อเองหรอกนะ มีคนมอบมันให้ฉันเป็นของขวัญ ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมกับหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อทันทีว่า เซี่ยเหล่ยมอบมันให้กับฉันหน่ะ
ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ถ่างหยู่เหยี่ยไม่ได้เผลอหลุดปากออกมาแต่เธอจงใจพูดมันขึ้นมา นี่ไม่ใช่การกระทำแบบนี้เป็นครั้งแรกเพราะก่อนหน้านี้เธอก็เขียนที่ก้นของเซี่ยเหล่ยว่า ถ่างหยู่เหยี่ย นอกจากนี้ยังทำการส่งเขากลับบ้านไปเพื่อต้องการให้เฉินตูเทียนหยินเห็นสิ่งนี้ เธอจงใส่แสดงความรู้สึกที่เธอมีต่อเซี่ยเหล่ยให้เฉินตูเทียนหยินรู้ ซึ่งเรื่องนี้เซี่ยเหล่ยไม่สามารถหยุดเธอไว้ได้เลย
เฉินตูเทียนหยินจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเรื่องนี้อย่างไร?
มู๋เจียนเฟิงยิ้มเล็กน้อยกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
ถ่างหยุนห่ายเองก็มองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยพร้อมกับขมวดคิ้ว อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอ
เฉินตูเทียนหยินเองก็ยังคงเงียบอยู่
มีเพียงเซี่ยเหล่ยเท่านั้นที่กำลังประหม่า เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี เขาคอยใช้หางตาเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเฉินตูเทียนหยินว่าเธอจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ แต่อันที่จริงถ้าเขาได้อธิบายออกไปก็คงจะไม่ต้องมาคอยกังวลอยู่แบบนี้เพราะมันไม่ได้มีอะไรผิดปกติเลย เขาไม่ได้มอบของมีค่าแบบนี้ให้กับถ่างหยู่เหยี่ยแค่เพียงคนเดียวแต่ยังมีหลงบิง เจียงหยูยี่และอเลน่าที่ได้รับมันจากเขา
ทุกคนต่างเฝ้ามองปฏิกิริยาตอบสนองของเฉินตูเทียนหยินอย่างไรก็ตามเธอจับไปที่มือของเซี่ยเหล่ยก่อนจะยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า โชคดีที่เขามอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้กับฉัน ดังนั้นฉันไม่อิจฉาเธอหรอกนะ
คำพูดของเฉินตูเทียนหยินทำให้ถ่างหยู่เหยี่ยถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เซี่ยเหล่ยแอบถอนหายใจเงียบๆคนเดียวอย่างผ่อนคลายแต่อย่างไรก็ตามจังหวะเดียวกันนี้เฉินตูเทียนหยินก็ขยับมือเข้าไปโอบเอวของเขาก่อนที่จะหยิกอย่างรุนแรงหนึ่งครั้ง มันเจ็บมากเหมือนกับโดนต่อยเลยก็ว่าได้
การที่เธอบอกว่าเธอไม่ได้อิจฉานั้นมันเป็นเรื่องโกหกเนื่องจากเธอรู้ว่าสร้อยคอที่เซี่ยเหล่ยมอบให้ถ่างหยู่เหยี่ยนั้นมีมูลค่านับล้านเป็นอย่างน้อย ซึ่งการที่ผู้ชายคนหนึ่งมอบสิ่งของที่มีราคามากขนาดนี้ให้กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องปกติ นอกจากนี้เธอยังไม่มีทัศนคติที่จะแบ่งสามีให้กับผู้หญิงคนอื่นอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงพูดแบบนั้นออกไปเพื่อตอกหน้าถ่างหยู่เหยี่ยกลับไป
รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นที่มุมปากเซี่ยเหล่ยทันที เขาเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจแล้วว่าการพาเฉินตูเทียนหยินมาที่งานในครั้งนี้ด้วยเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่า
ขณะนั้นเองเสียงเพลงในห้องโถงก็เริ่มบรรเลง ทำให้มีแขกบางคนเริ่มออกไปเต้นรำที่ฟลอเต้นรำ
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า เซี่ยเหล่ย คุณสนใจจะไปเต้นรำหน่อยไหม?
เฉินตูเทียนหยินตัวแข็งทื่อในทันทีเพราะเธอรู้ได้อย่างชัดถึงเจตนาที่แท้จริงของถ่างหยู่เหยี่ยที่มีต่อสามีของเธอ
สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร!
เฉินตูเทียนหยินแอบชำเลืองมองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมกับในใจที่รู้สึกระวนกระวาย
เซี่ยเหล่ยกระแอมเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า เอ่อ หยูเหยี่ย ผมรู้สึกปวดที่ข้อเท้าจึงไม่สามารถออกไปเต้นรำได้ ต้องขอโทษด้วย
เท้าคุณเป็นอะไรงั้นเหรอ? ก่อนหน้านี้ยังเห็นปกติดีอยู่เลยนี่ ถ่างหยู่เหยี่ยจี้ถามต่อ เธอยังไม่ยอมแพ้ที่จะเต้นรำกับเขา
เซี่ยเหล่ยที่ไม่ต้องการจะยืดเยื้อการสนทนานี้จึงพูดเปลี่ยนประเด็นว่า ผู้อาวุโสถ่าง ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในวงการการค้าอาวุธ คุณมาที่นี่ทำไมงั้นเหรอ?
เพราะผมชื่นชอบอาวุธเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อประเทศของเรามีการจัดงานนิทรรศการอาวุธขนาดใหญ่แบบนี้แล้ว ผมไม่พลาดที่จะเข้าร่วมแน่นอนนอกจากนี้ผมได้ยินชื่อเสียงปืนไรเฟิลซุ่มยิงของคุณมาพอสมควร หวังว่าผมจะได้เห็นมันในงานวันพรุ่งนี้นะ อ้อ…ว่าแต่คุณเปิดให้ทดสอบอาวุธบ้างหรือเปล่า? ผมอยากลองอาวุธของโรงงานผลิตอาวุธของคุณซะหน่อย ถ่างหยุนห่ายถาม
แน่นอน โรงงานผลิตอาวุธของเราจะนำปืนไรเฟิลซุ่มยิงมาจัดแสดงพร้อมเปิดให้ทดลองแน่นอนเพราะการตัดสินใจเลือกที่ดีที่สุดคือการได้ทดลองในสิ่งนั้นๆด้วยตัวเอง เราเข้าใจถึงจุดนี้ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เซี่ยเหล่ยพูด
จู่ๆถ่างหยู่เหยี่ยก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอจึงพูดขึ้นว่า โอ้ใช่ ฉันจำได้ว่าคุณพัฒนาปืนไรเฟิลจู่โจมด้วยนี่ คุณจะนำมันมาแสดงในงานวันพรุ่งนี้ด้วยหรือเปล่า?
ดูเหมือนถ่างหยูเหยี่ยจะหยุดพูดเรื่องรักๆใคร่ๆแล้ว
แน่นอน ผมจะใช้มันเป็นสินค้าหลักของบริษัทของเรา แผนการของผมคือจะเริ่มบุกเบิกในตลาดภายในประเทศหลังจากนั้นจะเริ่มก้าวเข้าสู่ตลาดระดับโลก ผมต้องการจะแสดงให้โลกได้เห็นถึงขีดความสามารถที่แท้จริงในการผลิตอาวุธของประเทศจีน เซี่ยเหล่ยพูด
มู๋เจียนเฟิงยิ้มทันทีที่เซี่ยเหล่ยพูดจบ อย่างไรก็ตามเขาพูดขึ้นว่า คนหนุ่มสาวที่มีอุดมคติเป็นของตัวเองนี่ดีจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะกลายเป็นจริงได้ตลอดหรอกนะ ผมคิดว่าคุณตั้งเป้าหมายเอาไว้สูงเกินไป คุณอย่าลืมว่าในประเทศจีนของเรายังมีบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศจีนอีกด้วย นอกจากนี้ผมได้ยินมาว่าพวกเขาเองก็มีผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมที่จะนำมาจัดแสดงในงานนิทรรศการครั้งนี้ ผมมั่นใจว่าเขาจะได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากกองทัพจีน
ผมว่านั่นไม่ถูกต้องหรอกนะผู้อาวุโสมู๋ คนทุกคนควรมีความคิดเป็นของตัวเองและที่สำคัญต้องมีความกล้าที่จะต่อสู้กับสิ่งที่ยิ่งใหญ่และท้าทายกับตัวเอง เพราะถ้าพวกเขาไม่มีสิ่งเหล่านี้ ประเทศของเราจะเจริญเติบโตไปได้อย่างไร? ถ่างหยุนห่ายพูดเสริม
มู๋เจียนเฟิงเงียบและไม่ได้พูดอะไรต่อ
ขณะนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ของนิทรรศการเดินเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยก่อนจะส่งจดหมายให้กับเขาพร้อมกับพูดว่า คุณเซี่ย นี่เป็นพื้นที่ที่ทางเราจัดให้สำหรับคุณ โปรดดูและอ่านรายละเอียดให้เรียบร้อย นอกจากนี้คุณสามารถเข้าไปจัดบูธได้เลยหลังงานเลี้ยงสิ้นสุดลง
ขอบคุณ เซี่ยเหล่ยพูด
ด้วยความยินดี เจ้าหน้าที่พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป
เซี่ยเหล่ยเปิดจดหมายออก ภายในมีผังของพื้นที่สำหรับจัดแสดงนิทรรศการอยู่ในนั้นโดยโรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยนั้นได้พื้นที่ที่เป็นมุมอับของงานในครั้งนี้ นอกจากนี้มันยังอยู่ใกล้กับห้องน้ำและมีพื้นที่ขนาดเล็กมาก
นี่เป็นการแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทางเจ้าหน้าที่กำลังดูถูกโรงงานผลิตอาวุธของเขา!
พวกเขาทำอะไรแบบนี้ได้ยังไง? เฉินตูเทียนหยินที่เห็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงของโรงงานผลิตอาวุธงานขึ้นก็พูดด้วยความไม่พอใจ
แม้ว่ามู๋เจียนเฟิงจะไม่ได้ดูแผนผังที่เซี่ยเหล่ยได้รับ เขาก็พูดขึ้นว่า เซี่ยเหล่ย ผมจะลองถามพวกเขาดูให้ก็แล้วกันว่าพอจะมีพื้นที่อื่นเปลี่ยนให้กับคุณได้ไหม?
เซี่ยเหล่ยหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไร คุณไม่จำเป็นต้องออกหน้าเพื่อผม ผมมั่นใจว่าบูธของผมจะได้รับชัยชนะและได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากกองทัพแม้ว่าบูธของผมจะอยู่ข้างห้องน้ำก็ตาม
โอ้โห…อย่างนั้นเหรอจริงเหรอ งั้นผมก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าเลยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า มู๋เจียนเฟิงพูดจบก็หัวเราะเบาๆ
Hubby ไปห้องน้ำกับฉันหน่อย เฉินตูเทียนหยินพูดเบาๆข้างหูของเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมกับเดินตามเธอไปที่ห้องน้ำ
อย่างไรก็ตามการที่มู๋เจียนเฟิงรู้ถึงพื้นที่และขนาดบูธของเซี่ยเหล่ยโดยที่ไม่ได้เห็นแผนผังในมือของเขานั้น เรื่องนี้น่าจะมีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง! ในขณะที่เซี่ยเหล่ยเดินออกไป ถ่างหยู่เหยี่ยก็คอยสังเกตที่ขาของเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดกับตัวเองว่า ขาของเขาก็ดูปกติดีนี่ ฮึ!! เขานี่จริงๆเลย
ขณะนี้ถ่างหยุนห่ายก็หันไปพูดกับถ่างหยู่เหยี่ยว่า นี่ ทำไมถึงพยายามสร้างปัญหากับพวกเขาหล่ะ ปู่รู้ว่าหลานชอบเซี่ยเหล่ย แต่นี่ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง มันเป็นวิธีของคนแพ้…หลานรู้มั้ย? หากหลานยังพยายามทำตัวแบบนี้อีก ต่อไปหลานก็จะไม่เหลือแม้แต่คำว่ามิตรภาพ
ถ่างหยู่เหยี่ยถอนหายใจก่อนจะพูดว่า โอเคโอเค ฉันรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ��